Previous slide
Next slide
Categories
ARTICLE

5 แบรนด์ โช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี คุณภาพเยี่ยม น่าสนใจ ราคาไม่แพง

โช๊คอัพเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งหลายคนอาจกำลังสงสัยว่า โช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพเยี่ยม แต่ราคาไม่แพงจนเกินไป วันนี้เราจึงได้รวบรวม 5 แบรนด์โช๊คอัพ จากแบรนด์ชั้นนำทั่วประเทศ ที่ได้รับความนิยมจากเหล่าผู้ใช้รถ ทั้งเรื่องของสมรรถนะ ความทนทาน และราคาที่เหมาะสม มานำเสนอให้ทุกท่านได้เลือกกัน

โช๊คอัพรถยนต์ คืออะไร ?

โช๊คอัพ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ โช๊คอัพรถยนต์ เป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อระบบกันสะเทือนของรถยนต์ ซึ่งทำหน้าที่หลักในการดูดซับแรงกระแทกจากสภาพถนนที่ขรุขระ ป้องกันการสั่นสะเทือนของตัวรถ และช่วยให้การเข้าโค้งมีความนุ่มนวล เกาะถนนทำให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการขับขี่

สำหรับโช๊คอัพรถยนต์ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  1. โช๊คอัพระบบน้ำมัน เป็นโช๊คอัพที่ใช้หลักการของน้ำมันไฮโดรลิคในการทำงาน โดยมีน้ำมันอยู่ภายในกระบอกสูบ เมื่อโช๊คอัพถูกกดทับน้ำมันจะถูกอัดให้ไหลผ่านช่องแคบ ๆ ทำให้เกิดแรงต้านทานช่วยลดการสั่นสะเทือน โช๊คอัพระบบน้ำมันมีข้อจำกัดคือ เมื่อใช้งานนาน ๆ น้ำมันมักจะมีฟองอากาศเกิดขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
  2. โช๊คอัพระบบแก๊ส เป็นโช๊คอัพที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากให้สมรรถนะที่ดีกว่าระบบน้ำมัน โดยโช๊คอัพระบบแก๊สจะใช้แก๊สไนโตรเจนร่วมกับน้ำมันไฮโดรลิค เมื่อโช๊คอัพทำงาน น้ำมันบางส่วนจะถูกอัดให้ไหลขึ้นสู่ห้องด้านบน ที่มีแก๊สไนโตรเจนอัดอยู่ ทำให้เกิดแรงต้านกลับที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของโช็คอัพ โช๊คอัพระบบแก๊สจึงเหมาะสำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง หรือบรรทุกของหนัก

สัญญาณที่บ่งบอกว่า โช๊คอัพรถยนต์อาจเสื่อมสภาพ

โช๊คอัพรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้มีอายุการใช้งานยาวนานนัก หากมีการใช้งานเป็นระยะเวลานานย่อมเกิดปัญหาขึ้นได้ ดังนั้นเราควรสังเกตอาการผิดปกติบางอย่างที่จะเป็นสัญญาณเตือนว่าเราควรตรวจเช็กและเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่ หากคุณสังเกตเห็นอาการดังต่อไปนี้ แสดงว่าโช๊คอัพรถยนต์ของคุณอาจกำลังมีปัญหา

  • รถมีอาการสั่นสะเทือน กระแทกแรงเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ
  • การขับขี่ไม่นุ่มนวลเหมือนแต่ก่อน เกิดอาการกระตุก
  • ควบคุมรถได้ยาก รู้สึกเหมือนรถลอยเวลาเข้าโค้ง
  • รถทรงตัวไม่ดี โดยเฉพาะตอนเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องจราจร

เมื่อคุณพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและแก้ไขทันที มิเช่นนั้นคุณอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

ระยะเวลาและสัญญาณที่ควรเปลี่ยนโช๊คอัพรถยนต์ใหม่

อายุการใช้งานของโช๊คอัพรถยนต์นั้นขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อ รุ่น ลักษณะการขับขี่ของผู้ใช้ และสภาพแวดล้อมเป็นต้น แต่โดยทั่วไปแล้วโช๊คอัพมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 3 ปี หรือระยะทางราว 50,000 – 100,000 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม หากคุณพบสัญญาณผิดปกติดังที่กล่าวไปในข้อก่อนหน้า ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็คทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือขับรถต่อไปโดยมีสภาพโช๊คอัพรถยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ เพราะนอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย ดังนั้นหากใช้งานโช๊คอัพมานานแล้ว หรือสังเกตเห็นอาการที่ไม่ปกติ การเปลี่ยนโช๊คอัพใหม่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

แนะนำ 5 แบรนด์ โช๊คอัพรถยนต์ คุณภาพดี น่าใช้ ราคาไม่แพง

ปัจจุบันมีโช๊คอัพรถยนต์หลากหลายแบรนด์ในตลาด หากคุณกำลังมองหาโช๊คอัพคุณภาพดีแต่ไม่รู้ว่าจะเลือกยี่ห้อไหน วันนี้เรามี 5 แบรนด์โช๊คอัพยอดนิยมมาแนะนำ ดังนี้

1. Koni

โช๊คอัพรถยนต์ Koni

Koni เป็นแบรนด์โช๊คอัพจากสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย เพราะโช๊คของ Koni มีชื่อเสียงในเรื่องความทนทานและเหมาะสำหรับรถบรรทุก ด้วยเทคโนโลยี Frequency Selective Damping (FSD) จะปรับความนุ่มและความหนึบได้อัตโนมัติตามสภาพถนน ช่วยเพิ่มการทรงตัวได้ดี แต่มีข้อจำกัดเรื่องความสูง อาจไม่สามารถใส่ได้กับรถบางรุ่น

จุดเด่นของโช๊คอัพรถยนต์ Koni

  • ใช้เทคโนโลยี Frequency Selective Damping (FSD) ปรับความนุ่มนวลและความเกาะถนนได้อัตโนมัติตามสภาพถนน
  • ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีเยี่ยมในสถานการณ์ต่างๆ เช่น เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง หรือบนถนนขรุขระ
  • มีความคงทนต่อการใช้งานหนัก สามารถรับน้ำหนักบรรทุกได้มาก จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถกระบะหรือรถบรรทุกขนาดใหญ่
  • อาจมีข้อจำกัดบางประการสำหรับรถยนต์บางรุ่น เนื่องจากมีขนาดความสูงเฉพาะ ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจติดตั้ง

2. Bilstein

โช๊คอัพรถยนต์ Bilstein

Bilstein เป็นโช๊คอัพสัญชาติเยอรมันที่มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัย และมาตรฐานคุณภาพสูง ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดมาจากสนามแข่ง โช๊คอัพรถยนต์ Bilstein ให้การตอบสนองที่ว่องไว มีเสถียรภาพในทุกสภาพถนน มีความทนทานสูง จึงเหมาะกับรถยุโรป เช่น Mercedes Benz หรือ BMW เป็นอย่างยิ่ง

จุดเด่นของโช๊คอัพรถยนต์ Bilstein

  • พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากประสบการณ์ในสนามแข่งรถระดับโลก ทำให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม
  • ให้การตอบสนองที่ฉับไว พร้อมรักษาเสถียรภาพของรถให้คงที่ในทุกสภาพการขับขี่ ทั้งบนถนนเรียบหรือในสนามแข่ง
  • ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน จึงคุ้มค่ากับการลงทุน
  • เหมาะสำหรับรถยนต์ยุโรปโดยเฉพาะ อาทิ Mercedes Benz, BMW, หรือ Porsche เนื่องจากออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับสมรรถนะของรถ

3. TEIN

โช๊คอัพรถยนต์ TEIN

ต่อด้วยอีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพจากแดนอาทิตย์อุทัย TEIN มาพร้อมกับเทคโนโลยี Twin-Tube ที่ผสานข้อดีของโช๊คอัพทั้งระบบน้ำมันและแก๊สไว้ด้วยกัน ช่วยลดอาการกระแทกจากถนนได้ดี ให้สัมผัสการขับขี่ที่เยี่ยมยอด ที่สำคัญ TEIN ยังมีสายผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย เช่น Tesla ที่ต้องการโช๊คอัพที่รองรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ ด้วยคุณภาพที่เหนือชั้น ไม่แปลกใจที่ TEIN จึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก

จุดเด่นของโช๊คอัพรถยนต์ TEIN

  • ใช้ระบบ Twin-Tube ที่ผสมผสานข้อดีของโช๊คระบบน้ำมันและแก๊สเข้าด้วยกัน ส่งผลให้ตอบสนองได้รวดเร็ว และลดแรงสั่นสะเทือนได้ดี
  • มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นให้เลือก ครอบคลุมการใช้งานทั้งบนถนนทั่วไปและสนามแข่ง รวมทั้งมีรุ่นเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องรับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ
  • พัฒนาและออกแบบตามหลักวิศวกรรมเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุด ทั้งความนุ่มสบาย ความปลอดภัย และสมรรถนะที่โดดเด่น
  • เป็นฟยอมรับในระดับสากล มีเครือข่ายจัดจำหน่ายทั่วโลก ในฐานะแบรนด์โช๊คอัพชั้นนำจากญี่ปุ่น

4. Ozy

โช๊คอัพรถยนต์ Ozy

Ozy เป็นแบรนด์โช๊คอัพจากออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบควบคุมการขับขี่ ออกแบบมาให้รองรับทุกสภาพการใช้งาน ด้วยหลักวิศวกรรมและการออกแบบเพื่อความสบายในการขับขี่ (Riding Comfort) เป็นจุดเด่น ทำให้เกาะถนนได้ดีในทุกสภาพ ไม่ว่าจะขับ 2 คนหรือมากกว่านั้น โดยรุ่น Ozy Monotube Adjustable series เป็นโช๊คระบบ Monotube แก๊ส-น้ำมัน ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับความนุ่มและหนึบตามสไตล์การขับขี่ได้ถึง 32 ระดับ เพียงแค่หมุนปุ่มปรับที่แกนโช๊ค

จุดเด่นของโช๊คอัพรถยนต์ Ozy

  • ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสบายในการขับขี่ (Riding Comfort) เหมาะกับการใช้งานทั่วไปบนท้องถนน
  • รุ่น Ozy Monotube Adjustable Series มาพร้อมระบบปรับความนุ่มและหนึบได้ถึง 32 ระดับ เพียงแค่หมุนปุ่มที่ด้านบนของโช๊ค
  • ใช้เทคโนโลยี Monotube แก๊ส-น้ำมัน ที่ให้การตอบสนองรวดเร็ว กระชับ และรองรับน้ำหนักได้ดี
  • ออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มความเสถียรและลดแรงต้านจากลม เหมาะกับการขับขี่ในความเร็วสูง

5. Kayaba

โช๊คอัพรถยนต์ Kayaba

Kayaba เป็นแบรนด์โช๊คอัพชื่อดังจากญี่ปุ่นที่ผู้ขับขี่ชาวไทยให้ความไว้วางใจ ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โช๊คอัพรถยนต์จาก KYB มีระบบซีลกันน้ำมันรั่วซึมสูงถึง 3 ชั้น และมีระบบวาล์วปรับความหนืดน้ำมันอัตโนมัติ ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล แต่ยังคงความหนึบเกาะถนน เหมาะสำหรับรถที่ต้องการอัพเกรดสมรรถนะช่วงล่าง

จุดเด่นของโช๊คอัพรถยนต์ Kayaba

  • ใช้ระบบซีลกันน้ำมันรั่วซึมถึง 3 ชั้น ลดปัญหาน้ำมันไหลซึมระหว่างใช้งาน ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน
  • พัฒนาระบบวาล์วปรับความหนืดน้ำมันอัตโนมัติ เพื่อความนุ่มนวลในการขับขี่ พร้อมรักษาเสถียรภาพให้เกาะถนนทุกสภาพ
  • เป็นแบรนด์ยอดนิยมของตลาดรถยนต์ไทย ด้วยการรับประกันคุณภาพทั้งสมรรถนะและความคงทนในราคาที่คุ้มค่า
  • มีให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงรถอเนกประสงค์ เพื่อตอบโจทย์การอัพเกรดช่วงล่างอย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางเปรียบเทียบสเปค และราคา ของแต่ละรุ่น

ยี่ห้อ/รุ่นKoni Mercedes-Benz E-Class (W213) ปี 2016Bilstein BMW E46Tein Endurapro PlusOzy Performance SeriesKYB รุ่น Excel-G 
จุดเด่นใช้เทคโนโลยี FSD ปรับความนุ่มนวลตามสภาพถนนอัตโนมัติรักษาสมดุลได้ดีทั้งบนถนนเรียบและสนามแข่งใช้ระบบ Twin-Tube ตอบสนองเร็ว ลดสั่นสะเทือนออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพิ่มความเสถียรในการขับขี่เป็นที่นิยมในไทย ราคาคุ้มค่า รับประกันคุณภาพ
ราคาคู่หน้า 25,239 บาทคู่หลัง 24,369 บาทคู่หน้า 6 สูบ 7,29 บาท4 ต้น 24,800 บาท4 ต้น 61,900 บาทคู่หน้า 2,432 บาทคู่หลัง 1,472 บาท

สรุป

เมื่อพูดถึงโช๊คอัพรถยนต์ หลายคนอาจสงสัยว่า โช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโช๊คอัพรถยนต์ ทั้งหน้าที่ ประเภท สัญญาณเตือนเมื่อชำรุด รวมถึงระยะเวลาที่ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเลือกโช๊คอัพให้เหมาะกับความต้องการและงบประมาณ เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ พร้อมหมั่นตรวจเช็คและดูแลรักษาสภาพโช๊คอัพอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและผู้ร่วมเดินทาง

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก

7 กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี ประจำปี 2024 ภาพสวย คมชัด ราคาไม่แพง

Categories
ARTICLE

แนะนำ 10 เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่ต้องมี ในปี 2024! 

คุณอยากได้รถที่สะอาด และเบื่อรถสกปรกอยู่ใช่ไหม? บทความนี้เราจะมาเปิดโลกเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์สุดเจ๋ง ที่จะทำให้รถคุณสะอาดปิ๊ง! ไม่ว่าจะเศษขนหมา ขนแมว หรือเศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาอยู่! พร้อมแล้วไปดูกันเลยว่ารุ่นไหนโดนใจคุณที่สุด!  บทความนี้  เราจะมาแนะนำเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี  รับรองคุ้มค่า ราคาถูกใจอัพเดทใหม่ล่าสุดปี 2024!

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ตัวช่วยให้รถของคุณสะอาดเหมือนใหม่

     ของมันต้องมีสำหรับคนรักรถทุกคน! วันนี้เรามีไอเทมสุดเจ๋งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนรักรถ นั่นคือเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์  ซึ่งหลายคนมองข้ามตัวช่วยสำคัญอันนี้ไป ขอบอกเลยว่ามันมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูดฝุ่นตามซอกมุมที่ยเข้าถึงยาก หรือเศษขนสัตว์ที่ติดอยู่ตามเบาะรถ ช่วยให้รถของคุณดูสะอาดเหมือนใหม่ได้ตลอดเวลา

ทำไมต้องมีเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ?

ความสะอาดในรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพและความสบายของผู้โดยสาร เครื่องดูดฝุ่นในรถจึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น

  • รักษารถให้สะอาด : ช่วยกำจัดฝุ่นละออง ขนสัตว์ เศษอาหาร และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่หล่นร่วงลงมาในรถ ทำให้รถของเราดูสะอาดตาและมีกลิ่นหอมสดชื่น
  • ยืดอายุการใช้งานของรถ : การทำความสะอาดรถเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองไปอุดตันตามช่องต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของรถได้
  • ดูแลสุขภาพ : สำหรับคนที่แพ้ฝุ่นละออง การมีเครื่องดูดฝุ่นในรถจะช่วยลดปริมาณฝุ่นในรถได้อย่างมาก ทำให้หายใจได้สะดวกสบายมากขึ้น
  • เพิ่มความมั่นใจ : รถที่สะอาดจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น และยังสร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารอีกด้วย

5 เทคนิคการดูดฝุ่นรถยนต์ให้สะอาดหมดจด

การดูดฝุ่นในรถยนต์มีเทคนิคที่น่าสนใจ เพื่อให้การรักษารถของคุณให้ดูใหม่ และมีกลิ่นสดชื่นเมื่อใช้รถ เรามี 5เทคนิคดีๆ มาแนะนำ ดังนี้

  1. เตรียมตัวให้พร้อม : ก่อนเริ่มทำความสะอาด ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น เครื่องดูดฝุ่นที่มีหัวดูดหลากหลายขนาด, ถุงขยะ, ผ้าชามัว, น้ำยาทำความสะอาดเบาะ (ถ้ามี) และเปิดประตูรถทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ
  2. เริ่มจากบนลงล่าง : เริ่มทำความสะอาดจากส่วนที่สูงที่สุดก่อน เช่น เพดานรถ หลังคา แล้วค่อยๆ ลงมาที่เบาะนั่ง พรม และพื้นรถ
  3. ดูดฝุ่นตามซอกมุม : ใช้หัวดูดขนาดเล็กดูดฝุ่นตามซอกมุมต่างๆ เช่น ร่องระหว่างเบาะนั่ง ช่องเก็บของ และช่องแอร์
  4. ทำความสะอาดเบาะ : สำหรับเบาะผ้า ควรใช้แปรงปัดฝุ่นก่อน แล้วค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตาม ส่วนเบาะหนัง ควรใช้ผ้าชามัวชุบน้ำยาทำความสะอาดเบาะเช็ดเบาๆ
  5. ดูดฝุ่นในห้องสัมภาระ : อย่าลืมทำความสะอาดที่เก็บสัมภาระด้วย เพราะมักจะมีเศษขนสัตว์ หรือเศษดินทรายติดอยู่ การไม่ละเลยทำความสะอาดที่เก็บสัมภาระ จะทำให้การจัดวางสิ่งของต่างๆ มีความสะอาด

การใช้เครื่องดูดฝุ่นขจัดฝุ่นเกาะรถ ลดภูมิแพ้ทำให้หายใจโล่ง

หลายคนอาจจะคิดว่าแค่ล้างรถภายนอกให้สะอาดก็พอแล้ว แต่รู้ไหมว่าภายในรถก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเป็นพื้นที่ที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน ไปเที่ยว หรือแม้แต่แค่ขับรถไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ภายในรถก็เต็มไปด้วยฝุ่นละออง ไรฝุ่น และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่มองไม่เห็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้

ปัญหาฝุ่นในรถยนต์เป็นปัญหาสำหรับคนเป็นภูมิแพ้อย่างไรบ้าง ?

ฝุ่นในรถยนต์เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้เป็นโรคภูมิแพ้มีอาการกำเริบและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

  • ฝุ่นละอองและไรฝุ่น : เป็นตัวการหลักที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม และตาแดง ดังนั้นการใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อกำจัดไรฝุ่นจะลดอาการภูมิแพ้ได้
  • เชื้อโรค : ฝุ่นละอองเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจได้
  • สารก่อภูมิแพ้อื่นๆ : นอกจากฝุ่นละอองแล้ว ภายในรถยังอาจมีสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ซ่อนอยู่ เช่น ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ หรือเศษอาหาร ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ทั้งสิ้น

รวมมาให้แล้ว 10 เครื่องดูดฝุ่นเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ปี 2024

เราได้รู้ถึงความสำคัญของการทำความสะอาดรถยนต์ ด้วยเครื่องดูดฝุ่น แต่หลายคนยังกังวลกับการใช้งาน ถึงเวลาที่เราจะมาแนะนำ 10 เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ที่จะช่วยให้การทำความสะอาดมีความง่ายดาย มีฟังก์ชั่นต่างๆ ให้เลือกใช้ จะมีสินค้าอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไปดูกันได้เลย!

1. Shimono Cyclone vacuum cleaner

Shimono Cyclone vacuum cleaner
Shimono Cyclone vacuum cleaner
ราคา1,690.00 บาท
กำลังไฟ500 W
แรงดูด13,500 PA
ความจุถังเก็บฝุ่น0.5 ลิตร
ความยาวสายไฟ5 เมตร
หัวแปรง 4 หัว หัวแปรงดูดพื้นหน้ากว้าง หมุนได้ 180 องศา / หัวแปรงสำหรับดูดพรม / หัวแปรงสำหรับดูดไรฝุ่นตามที่นอน / หัวปลายแหลมสำหรับใช้ดูดตามซอกต่างๆ
ระยะเวลาการรับประกัน1 ปี

เครื่องดูดฝุ่นพลังไซโคลน Shimono Cyclone vacuum cleaner รุ่น SVC-1021 สีดำ มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่พลังการดูดแรงถึง 13,500 PA คุณสมบัติเครื่องดูดฝุ่น ใช้งานได้ต่อเนื่องมอเตอร์ไม่ร้อน มีระบบระบายความร้อน ดูดไรฝุ่นได้ ดูดฝุ่นผงขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน หัวกรองเป็น สแตนเลส กระบอกเก็บฝุ่นทำจากโพลี่คาบอร์เน็ต มีความแข็งแรงมากกว่ากระจกถึง 250 เท่า มีตัวกรองอากาศ ที่สามารถล้างได้ ดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ เพื่อกำจัดออกจากอากาศ หัวปลายแหลมสำหรับใช้ดูดตามซอกมุมต่างๆ สินค้าคุณภาพ


2. Deerma รุ่น VC811 handheld wireless

Deerma vacuum cleaner
Deerma vacuum cleaner
ราคา2,290.00 บาท
แรงดันไฟฟ้า14.4 โวลต์
กำลังไฟฟ้า160 w
ความจุแบตเตอรี่2500 mAh
ความยาวสายไฟไร้สาย
วัสดุABS/PC
ความจุถังเก็บฝุ่น0.6 ลิตร
เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่5 ชั่วโมง 30 นาที
แรงดูด12000 pa
เสียงรบกวน82 dB
รับประกันสินค้าตัวเครื่อง 1 ปี

บอกลาวิธีการทำความสะอาดแบบเดิมๆไปได้เลย DEERMA เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมือถือ เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบ 2 in 1 ที่ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเสียปลั๊ก ดูดแรงทุกซอกมุม ไม่ว่าจะใช้งานในบ้านหรือรถยนต์ ด้วยตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเบา ตัวเครื่องมีน้ำหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม ยกง่ายด้วยมือเดียว โดยไม่รู้สึกเหนื่อย ขนาดรูปทรงกระทัดรัด พกพาสะดวก ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ สามารถนำขึ้นรถพร้อมดูดฝุ่น เศษขนม จากเบาะที่นั่ง ประตู พรมจากสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สามารถดูดฝุ่นในจุดที่เข้าถึงลำบาก เช่น ซอกประตู หรือมุมใต้เบาะ


3. Tefal

Tefal vacuum cleaner 50000Pa
Tefal vacuum cleaner 50000Pa
ราคา699.00 บาท
แรงดูด50000 Pa
กำลังไฟ150 W
แบตเตอรี่ใช้งาน200 นาที
ความยาวสายไฟไร้สาย
ความจุแบตเตอรี่1600 mAh
ความจุถังเก็บฝุ่น200 ML
น้ำหนักตัวเครื่อง2 KG
เสียงรบกวน32 เดซิเบล
รับประกันสินค้าตัวเครื่อง3 ปี

เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย vacuum cleaner 50000Pa แบบพกพา พลังดูดแรงและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน เป็นทั้งเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์และในบ้าน  คุณสมบัติเครื่องดูดฝุ่น มีแบตเตอรี่ใช้งานได้ประมาณ 200 นาที น้ำหนักสุทธิ 2KG , มีถ้วยเก็บฝุ่นได้ประมาณ 200 ML.  มีสายชาร์จ USB หัวดูดยาว หัวดูดแปรงสั้น หัวดูดลม ให้เสียงรบกวนที่ต่ำ ประมาณ 32 เดซิเบล เมื่อใช้งานจึงมีเสียงเงียบ สามารถถอดล้างน้ำได้  การรับประกัน 3 ปี


4. SHARP

SHARP 12000Pa ​car vacuum cleaner
SHARP 12000Pa ​car vacuum cleaner
ราคา888.00 บาท
แรงดูด12000 Pa
ความยาวสายไฟไร้สาย
กำลังไฟ120 w
รับประกันสินค้าตัวเครื่อง

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ ของยี่ห้อ SHARP สามารถใช้งานภายในบ้านได้ด้วย  มีขนาดเล็ก 9000Pa ​car vacuum cleaner  เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบพกพา ความแรงในการดูดสูง ดูดง่าย ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ใช้ทำความสะอาดได้หลายครั้ง ไม่มีจุดบอด แต่มีแรงดูดเครื่องยนต์อันทรงพลัง ช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ดี แบตเตอรี่มีความจุขนาดใหญ่ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น เวลาทำงานต่อเนื่องได้ 30 นาที เวลาแสตนด์บาย 30 วัน  ระยะเวลาการรับประกัน1 ปี


5. TOUTOU

TOUTOU 16000Pa ​car vacuum cleaner
TOUTOU 16000Pa ​car vacuum cleaner
ราคา356.30 บาท
แรงดูด16000 pa
กำลังไฟ150 W
แบตเตอรี่2000 mAh
ใช้งานได้ต่อเนื่อง45 นาที
น้ำหนักตัวเครื่อง0.4 กก.
ความยาวสายไฟไร้สาย
เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่3.5 ชั่วโมง
รับประกันสินค้าตัวเครื่อง

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ แบบไร้สาย 16000Pa ​car vacuum cleaner มีเป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเเล็ก ที่ดูดฝุ่นทั้งในรถยนต์และภายในบ้าน เช่น เตียง เป็นต้น เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบพกพาแถมไส้กรองฟรี ประหยัดพลังงาน สูงถึง 62000 RPm ต่อนาที  เป็นแบบมือถือ พกพาสำหรับใช้ในรถยนต์ได้สะดวก  ให้พลังการดูดที่ทรงพลัง สามารถดูดได้ทั้งขยะแห้งและขยะชื้น น้ำหนัก 0.4 กก. การชาร์จ USB พกพาสะดวก ใช้พลังงานสูง 150W แบตเตอรี่ 2000 mAh


6. BLACK&DECKER

BLACK and DECKER ​car vacuum cleaner
BLACK and DECKER ​car vacuum cleaner
ราคา990.00 บาท
ความยาวสายไฟไร้สาย
แรงดันไฟฟ้า3.6 โวลต์
กำลังดูดฝุ่นสูงสุด6.5 Aw
ความจุถังเก็บฝุ่น300 ml
น้ำหนักตัวเครื่อง0.65 กก.
ระยะเวลารับประกันสินค้า1 ปี

เครื่องมือช่างที่ช่วยให้ทุกการทำความสะอาดของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายๆ BLACK&DECKER เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ใช้ได้ทั้งในบ้านและในรถ ดูดฝุ่นได้ทั้งเล็กและใหญ่ด้วยแรงดันไฟฟ้าสูง ทำให้ความสะอาดได้ดีล้ำลึก ทุกซอกหลืบ ด้วยขนาดความจุถังเก็บฝุ่น 300 ml ทำให้ไม่ต้องเทขยะทิ้งบ่อยๆให้เสียเวลา ในส่วนของถังเก็บฝุ่นและไส้กรองสามารถถอดล้างได้เพื่อความสะอาด และตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 0.65 กก. ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ถือได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และเครื่องดูดฝุ่น BLACK&DECKER ยังสามารถดูดซับสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะทราย เศษขยะ ขนสัตว์เลี้ยงจากรถยนต์ได้อย่างหมดจด


7. Xiaomi YouPin Official Store 10000Pa

Xiaomi car vacuum cleaner
Xiaomi car vacuum cleaner
ราคา271.00 บาท
ความยาวสายไฟไร้สาย
แรงดูด10000 Pa
กำลังไฟ120 W
แรงดันไฟ12 V
น้ำหนัก500 กรัม
วัสดุABS
แบตเตอรี่2000mah
เวลาในการชาร์จ2-3 ชั่วโมง
ใช้งานได้ต่อเนื่อง45 นาที
เสียงรบกวน58 dB
ระยะเวลาการรับประกัน6 เดือน

Xiaomi YouPin Official Store 10000Pa เป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็ก สามารถพกพาใส่กระเป๋าได้ ใช้ดูดฝุ่นได้ทั้งในบ้านและในรถยนต์ แบตเตอรี่แบบรีชาร์จ 2000mah เวลาในการชาร์จประมาณ 2-3 ชั่วโมง เวลาทำงานประมาณ 45 นาที ในกำลังไฟ 120W แรงดันไฟ 12 V กับพลังดูดแรง 15000Pa ระบบฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ให้มาอย่างครบครัน ทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกน่าสนใจมาก ๆ


8. ASTON Car Vacuum Cleaner

ASTON Car Vacuum Cleaner
ASTON Car Vacuum Cleaner
ราคา350.00 บาท
กระแสไฟ12 โวลต์
กำลังไฟฟ้า60 วัตต์
ความยาวสายไฟ75 cm
ถังเก็บฝุ่นถังเก็บฝุ่นแบบโปร่งแสงมองเห็นฝุ่นได้ง่าย
ระยะเวลาการรับประกัน12 เดือน

เครื่องดูดฝุ่นมือ แบรนด์ Aston (แอสตัน) เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ แบบพกพา ดีไซน์กะทัดรัดพกพาง่าย จัดเก็บในรถยนต์ได้ ไม่เปลืองพื้นที่วางของ เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีขนาดเล็กแต่พลังในการดูดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับรถยนต์เท่านั้น ทำให้เครื่องดูดฝุ่นตัวนี้ใช้กับไฟบ้านไม่ได้ ใช้ได้เฉพาะในรถเท่านั้น เครื่องดูดฝุ่นนี้สามารถจัดการได้ทั้งฝุ่นและของเหลว ราคาเบาๆ แต่คุณภาพดีแน่นอน


9. JAMAY Car Vacuum Cleaner

JAMAY Car Vacuum Cleaner
JAMAY Car Vacuum Cleaner
ราคา389.00 บาท
แรงดูด20000 pa
ความยาวสายไฟไร้สาย
น้ำหนักตัวเครื่อง0.55 กก
กำลังไฟ45W
เสียงรบกวน65dB
เวลาในการชาร์จ3 ชั่วโมง
ความจุแบตเตอรี่5000MAH

JAMAY (จาเมย์) เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ ทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเปียกหรือแห้งก็พร้อมใช้งานได้ทุกเมื่อ ตัวเครื่องมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จไฟ 5000MAH ใช้เวลาเพียง 3-4 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม และใช้ต่อเนื่องได้นาน 30 นาที ด้วยพลังดูดแรงสามาถกำจัดได้ทุกสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็น เศษคุกกี้ เส้นผม เศษขนมปัง ขนสัตว์เลี้ยงขนสุนัข ขนแมว หรือของเหลวก็จัดการได้ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบาเพียง 0.55 กิโลกรัม และทำงานเงียบ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ทั้งหลางวันและกลางคืน

ข้อควรระวัง : ไม่แนะนำให้ใช้งานเกินกว่า 30 นาที เพราะมอเตอร์จะร้อน และไหม้ได้ง่าย)


10. Dengo Vacuum

Dengo Vacuum
Dengo Vacuum
ราคา846.00 บาท
แรงดูด8500PA
กำลังไฟฟ้า120w
น้ำหนักตัวเครื่อง0.55 g
กล่องเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ความจุ0.8 ลิตร
ความยาวสายชาร์จไฟ70 cm
เสียงรบกวน70 เดซิเบล
ใช้งานต่อเนื่องได้นาน30 นาที
ระยะเวลาการรับประกัน1 ปี

mini cleaner wireless แบรนด์ Dengo ชาร์จไว ใช้ได้นาน เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Twister Vacuum 3 in 1 แถมฟรีหัวแปรง 3 แบบ ท่อดูดฝุ่นเพิ่มความยาว, หัวแปรงสำหรับพรม/เบาะ, หัวปากยาวสำหรับซอก/ร่องที่ดูดยาก สามารถดูดได้ทั้งฝุ่นผง ขนสัตว์หมาแมว เศษแก้ว เส้นผม เศษอาหาร หรือ ของเหลว ถ้าอยากได้แบบดีๆ แนะนำอันนี้เลยซื้อทีเดียวคุ้มสุด

ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ สิ่งที่ควรรู้ เพื่อการตัดสินใจได้ดีเยี่ยม

เครื่องดูดฝุ่นในรถ ช่วยลดปัญหาเศษขนสัตว์ ฝุ่นละออง และเศษอาหารที่เกาะตามเบาะรถ หากคุณคือคนหนึ่งที่อยากให้ภายในรถสะอาดเอี่ยมเหมือนใหม่ตลอดเวลาใช่ไหม? การมีเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์สักเครื่อง ก็ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายๆ แล้วล่ะค่ะ แต่ก่อนจะควักเงินซื้อมาสักเครื่อง เราลองมาดูกันดีกว่าว่า มีอะไรบ้างที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้เครื่องดูดฝุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุด 

ประเภทของเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

เครื่องดูดฝุ่นสำหรับรถยนต์มีหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดภายในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย

  • ข้อดี : พลังดูดแรง ทนทาน ราคาประหยัด
  • ข้อเสีย : ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย

เครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สาย

  • ข้อดี : สะดวกในการใช้งาน พกพาได้ง่าย
  • ข้อเสีย : ราคาสูงกว่า พลังดูดอาจสู้แบบมีสายไม่ได้

เครื่องดูดฝุ่นแบบเป่าลม

  • เหมาะสำหรับทำความสะอาดเศษเล็กๆ หรือเศษขนสัตว์

เคล็ดลับในการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อมีหลายประการที่ควรพิจารณาเพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

  • พลังดูด : เลือกให้เหมาะสมกับปริมาณและชนิดของสิ่งสกปรกที่ต้องการดูด
  • ความจุถังเก็บฝุ่น : เลือกให้ใหญ่พอสำหรับการใช้งานแต่ละครั้ง
  • น้ำหนักและขนาด : พิจารณาถึงความสะดวกในการใช้งานและการจัดเก็บ
  • อุปกรณ์เสริม : เช่น หัวดูดสำหรับทำความสะอาดซอกมุม หรือแปรงสำหรับทำความสะอาดเบาะ
  • แบตเตอรี่ (สำหรับแบบไร้สาย) : เลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง เพื่อให้ใช้งานได้นานขึ้น
  • เช็คราคา : เปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติของแต่ละรุ่น สามารภเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสมตามงบประมาณที่มีอยู่

เทคนิคการเลือกซื้อที่พลาดไม่ได้

เคล็ดลับสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยอย่างชาญฉลาด เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

  • อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง : จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • เปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติ : เพื่อหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
  • ลองใช้งานจริง : หากมีโอกาส ลองดูดฝุ่นเพื่อทดสอบพลังดูดและความสะดวกในการใช้งาน
  • เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ : เพื่อความมั่นใจในคุณภาพและการรับประกัน

เคล็ดลับการดูแลรักษาเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์

เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ แต่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

  1. ทำความสะอาดถังเก็บฝุ่นเป็นประจำ : เพื่อป้องกันการอุดตัน
  2. ตรวจสอบฟิลเตอร์ : เปลี่ยนหรือทำความสะอาดฟิลเตอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด
  3. เก็บในที่แห้ง : หลีกเลี่ยงความชื้นเพื่อป้องกันการเกิดสนิม

บทสรุป

การเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์สักเครื่อง อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่หากเราศึกษาข้อมูลและเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็จะได้เครื่องดูดฝุ่นที่ช่วยให้ภายในรถของเราสะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นค่ะ

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก

7 กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี ประจำปี 2024 ภาพสวย คมชัด ราคาไม่แพง

Categories
ARTICLE

รีวิว 10 น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์เด็ด ที่คุณต้องรู้ในปี 2567

Top 10 automotive paint coatings

วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง วิธีการดูแลรักษารถยนต์คันโปรดของเรากันดีกว่า เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่อง น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ กันมาบ้างแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จริงๆ ว่า น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับรถของเรา? ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโลกของน้ำยาขัดสีรถยนต์กันแบบเจาะลึกจัดเต็ม! และแนะนำ 10 น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีที่สุดในปี 2567 ตามไปดูกัน!!

เนื้อหา

น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ คืออะไร

น้ำยาเคลือบสีรถ เรียกง่ายๆ ว่าเป็น “เกราะป้องกัน” สำหรับสีรถของคุณนั่นเอง! มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างชั้นฟิล์มบางๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าบนพื้นผิวสีรถ ทำหน้าที่ปกป้องสีรถจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝน มลภาวะ หรือแม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ! น้ำยาขัดสีรถยนต์ยังช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีรถ ทำให้รถของคุณดูใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ เหมือนเพิ่งออกมาจากโชว์รูมเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังช่วยให้การทำความสะอาดรถง่ายขึ้น เพราะสิ่งสกปรกจะเกาะติดผิวรถได้ยากขึ้นถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ก็เหมือนกับครีมกันแดดสำหรับผิวของเรานั่นแหละครับ ช่วยปกป้อง เพิ่มความสวยงาม และยืดอายุการใช้งานของสีรถให้นานขึ้น ใครที่รักรถ อยากให้รถดูดีอยู่เสมอ น้ำยาขัดสีรถยนต์นี่แหละครับ คือคำตอบที่คุณกำลังมองหา!

ประเภทของการเคลือบสีรถยนต์

ก่อนที่เราจะเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดของแบรนด์ชั้นนำในวงการเคลือบสีรถยนต์ มาทำความเข้าใจกับประเภทต่างๆ ของการเคลือบสีรถยนต์กันก่อน แต่ละวิธีมีคุณสมบัติเฉพาะตัว ข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถของคุณได้

1. การเคลือบแก้ว (Glass Coating)

การเคลือบแก้วเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในวงการการดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากประสิทธิภาพที่โดดเด่น

  • วัสดุ : ใช้สารซิลิก้า (silica) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเมื่อแห้งแล้วจะแข็งตัวเป็นชั้นแก้วบางๆ เคลือบทับสีรถ
  • ความเงางาม : ให้ผิวรถเงางามเหมือนกระจก สร้างความลึกและมิติให้กับสีรถ
  • ความทนทาน : มีความทนทานสูงมาก สามารถอยู่ได้นานหลายปี ทนต่อสภาพอากาศและสารเคมีได้ดี
  • การป้องกัน : ช่วยป้องกันสีรถจากรอยขีดข่วน รังสี UV และสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การดูแลรักษา : ต้องการการดูแลรักษาน้อย ทำให้การล้างรถง่ายขึ้น เนื่องจากสิ่งสกปรกไม่เกาะติดผิวรถ
  • ข้อควรพิจารณา : มีราคาค่อนข้างสูง และอาจต้องการผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง

2. การเคลือบแว็กซ์ (Wax)

การเคลือบแว็กซ์เป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้กันมายาวนาน และยังคงเป็นที่นิยมเนื่องจากความคุ้มค่าและความง่ายในการใช้งาน

  • วัสดุ : ทำจากไขธรรมชาติ เช่น ไขคาร์นูบา หรือไขสังเคราะห์
  • ความเงางาม : ให้ความเงางามดี แต่อาจไม่ลึกเท่าการเคลือบแก้ว
  • ความทนทาน : อยู่ได้ไม่นานนัก โดยทั่วไปประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแว็กซ์และสภาพแวดล้อม
  • การป้องกัน : ช่วยป้องกันสีรถจากสิ่งสกปรกและสภาพอากาศได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจไม่ทนทานเท่าการเคลือบแก้ว
  • การดูแลรักษา : ต้องเคลือบใหม่บ่อยๆ เพื่อรักษาประสิทธิภาพ แต่สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเอง
  • ข้อควรพิจารณา : ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดูแลรถด้วยตัวเองและไม่ต้องการลงทุนสูง

3. การเคลือบซิลิโคน (Silicone Glazing)

การเคลือบซิลิโคนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้ความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและราคา

  • วัสดุ : ใช้สารซิลิโคนเป็นส่วนประกอบหลัก
  • ความเงางาม : ให้ความเงางามดี และช่วยเพิ่มความลึกของสี
  • คุณสมบัติกันน้ำ : มีคุณสมบัติกันน้ำที่ดีเยี่ยม ทำให้น้ำเกาะตัวเป็นหยดและไหลออกจากผิวรถได้ง่าย
  • ความทนทาน : มีความทนทานปานกลาง โดยทั่วไปอยู่ได้นานกว่าแว็กซ์ แต่ไม่เท่าการเคลือบแก้ว
  • การใช้งาน : ใช้งานง่ายและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงางามแบบเร่งด่วน
  • ข้อควรพิจารณา : อาจต้องเคลือบใหม่บ่อยกว่าการเคลือบแก้ว แต่ไม่บ่อยเท่าแว็กซ์
Advantages of automotive paint coatings

ข้อดีของการใช้น้ำยาเคลือบสีรถยนต์

ข้อดีของการใช้น้ำยาเคลือบสีรถยนต์มีหลายประการ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับรถของคุณแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้

  1. การปกป้องสีรถจากรังสี UV : ในยุคที่สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การปกป้องสีรถจากรังสี UV เป็นสิ่งสำคัญมาก น้ำยาเคลือบสีรถจะทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันชั้นแรกที่ช่วยสะท้อนรังสี UV อันเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สีรถซีดจางเร็ว การใช้น้ำยาเคลือบสีอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สีรถของคุณยังคงสดใสเหมือนใหม่ได้ยาวนานขึ้น แม้จะต้องจอดรถกลางแดดเป็นเวลานาน
  2. การป้องกันคราบสกปรกและมลพิษ : ในสภาพแวดล้อมเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษ ฝุ่นละออง และสารเคมีต่างๆ น้ำยาเคลือบสีรถจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันพื้นผิวสีรถจากสิ่งเหล่านี้ โดยสร้างชั้นฟิล์มบางๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเกาะติดกับตัวรถโดยตรง ทำให้คราบสกปรกและมลพิษไม่สามารถซึมเข้าไปทำลายชั้นสีได้ ช่วยยืดอายุการใช้งานของสีรถให้ยาวนานขึ้น
  3. ความสะดวกในการทำความสะอาด : หนึ่งในข้อดีที่เห็นได้ชัดของการใช้น้ำยาเคลือบสีรถคือ การทำให้การล้างรถเป็นเรื่องง่ายขึ้น เนื่องจากน้ำยาเคลือบสีจะสร้างพื้นผิวที่ลื่นและเรียบเนียน ทำให้น้ำและสิ่งสกปรกไม่สามารถเกาะติดกับตัวรถได้ง่าย ๆ เมื่อถึงเวลาล้างรถ คุณจะพบว่าคราบสกปรกต่าง ๆ หลุดออกได้ง่ายกว่าเดิม ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการทำความสะอาดรถ
  4. รักษามูลค่าของรถ : สำหรับผู้ที่มองการณ์ไกลและวางแผนที่จะขายรถในอนาคต การใช้น้ำยาเคลือบสีรถอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษามูลค่าของรถได้เป็นอย่างดี เพราะสภาพสีรถที่ยังคงสวยงามเหมือนใหม่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อรถมือสองพิจารณา การลงทุนในการดูแลสีรถด้วยน้ำยาเคลือบสีจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ช่วยให้คุณสามารถขายรถได้ในราคาที่ดีกว่า
  5. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว : แม้ว่าการใช้น้ำยาเคลือบสีรถอาจมีค่าใช้จ่ายในตอนแรก แต่เมื่อพิจารณาในระยะยาวแล้ว จะพบว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะช่วยลดความจำเป็นในการทำสีรถใหม่หรือการซ่อมแซมสีรถที่เสียหายจากสภาพแวดล้อม การลงทุนในการดูแลรักษาสีรถด้วยน้ำยาเคลือบสีจึงเป็นการป้องกันปัญหาและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  6. เพิ่มความสวยงามให้กับรถ : นอกเหนือจากประโยชน์ในด้านการปกป้องแล้ว น้ำยาเคลือบสีรถยังช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีรถ ทำให้รถดูใหม่และสวยงามอยู่เสมอ ช่วยสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น และทำให้เจ้าของรถรู้สึกภูมิใจในการขับขี่
  7. ป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ : น้ำยาเคลือบสีรถสมัยใหม่หลายชนิดมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจเกิดจากการใช้งานประจำวัน เช่น รอยจากการเช็ดทำความสะอาด หรือรอยจากกิ่งไม้ที่เสียดสีกับตัวรถ ช่วยรักษาสภาพสีรถให้สวยงามได้นานยิ่งขึ้น

แนะนำ 10 น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 2567

เอาล่ะ! มาถึงช่วงที่หลายคนรอคอย เรามาดูกันว่าในปี 2567 นี้ มีน้ำยาเคลือบสีรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี แบบไหนบ้างที่น่าสนใจ น้ำยาขัดสีรถ แต่ละแบรนด์มีจุดเด่นอะไร มาดูกันเลย!

1. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ Meguiar’s

แว็กซ์เคลือบเงาสีรถ Meguiar’s จากแบรนด์สหรัฐอเมริกา น้ำยาขัดสีรถยนต์ที่อยู่ในวงการมานาน และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ของเขาใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลอง เคลือบสีรถด้วยตัวเอง ให้ความเงางามเนียนกริบ และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหม็นฉุน

Meguiar's car varnish Wax
  • ราคาประมาณ : 1,428 บาท
  • ปริมาณ : 473 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ Meguiar’s คือ น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ สูตรสังเคราะห์แท้ๆ ไม่ว่าคุณจะมีรถสีอะไร ก็ใช้ได้กับรถทุกสี ทำให้ผิวรถสีเงาล้ำลึก และลื่นสุดๆ แถมมีเทคโนโลยี Premium Hydrophobic Polymer ที่จะทำให้สีรถยนต์ของคุณสีสวยเด่นชัดมากขึ้น

2. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ 3M Gloss Enhancer Quick Wax

น้ำยาเคลือบรถ สูตรเสริมความเงา 3M Gloss Enhancer Quick Wax เป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้ำยาเคลือบสีรถที่คนในวงการรถยนต์รู้จักกันดี 3M Gloss Enhancer Quick Wax อันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเยอะ แต่อยากให้รถเงาวับ ภายในพริบตา

3M Gloss Enhancer Quick Wax
  • ราคาประมาณ : 159 บาท
  • ปริมาณ : 400 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ 3M Gloss Enhancer Quick Wax ผลิตภัณฑ์นี้คือ สามารถใช้ได้ทั้งบนสีรถเปียกและแห้ง ทำให้สะดวกมาก ๆ ในการใช้งาน นอกจากนี้ยังให้ความเงางามที่ดีเยี่ยมในเวลาอันรวดเร็ว

3. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ TURTLEWAX

TURTLEWAX ขี้ผึ้งเคลือบเงา เทอร์เทิ่ลแว็กซ์ เป็นแบรนด์น้ำยาขัดสีรถยนต์ที่มีประวัติยาวนานในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์ น้ำยาเคลือบสีนี้เคลือบรถได้เงางามมาก เพราะปริมาณแว็กซ์ที่มีมากกว่าแบรนด์ทั่วไป TURTLEWAX การรันตีเรื่องคุณภาพ ถึงราคาจะสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ แต่รับรองได้ว่าคุณภาพสูงเกินราคาแน่นอน

TurtleWax
  • ราคาประมาณ : 940 บาท
  • ปริมาณ : 270 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ TURTLEWAX คือ ความทนทาน สามารถป้องกันสิ่งสกปรกและผงฝุ่นมาเกาะรถได้ดี TURTLEWAX มีส่วนผสมของแว็กซ์ ที่ให้ความเงางามสูง ปกป้องสีรถจากแสง UV ได้แม้จอดตากแดดนานๆ ผลิตภัณฑ์ของเขาสามารถปกป้องสีรถได้นานกว่าหลาย ๆ แบรนด์ในระดับราคาเดียวกัน

4. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ Liqui Moly Gloss spray wax

สเปย์สำหรับเคลือบเงา เกรดพรีเมี่ยม Liqui Moly เป็นแบรนด์น้ำยาเคลือบสีรถ จากประเทศเยอรมนี ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของผลิตภัณฑ์ดูแลรถยนต์ สเปรย์เคลือบเงานี้ขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องสีรถจากแสงแดดได้ ไม่ทำให้สีรถซีดจาง ป้องกันฝุ่นได้ดี ใช้เคลือบรถยนต์แล้วน้ำไม่เกาะ ทำให้รถมีความฉ่ำ แวววาว เหมือนรถใหม่ตลอดเวลา

Liqui Moly Gloss spray wax
  • ราคาประมาณ : 590 บาท
  • ปริมาณ : 400 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ Liqui Moly คือการใช้เทคโนโลยีจากเยอรมนี ที่ให้การปกป้องสูงและความเงางามที่ยาวนาน แม้จะเป็นแบบสเปรย์ก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้กับวัสดุหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสี โครเมียม หรือพลาสติก

5. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ SOFT99 Luxury Gloss

สเปรย์เคลือบเงา SOFT99 Luxury Gloss น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ สูตรน้ำ water-based liquid wax จากประเทศญี่ปุ่น (Made in Japan) ที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักรถ เพียงแค่ฉีดแล้วเช็ดออก ก็ทำให้รถมีความเงางามระดับพรีเมียมได้ทันที

SOFT99 Luxury Gloss
  • ราคาประมาณ : 359 บาท
  • ปริมาณ : 500 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ SOFT99 คือการใช้เทคโนโลยีนาโนเพื่อสร้างชั้นเคลือบที่บางเฉียบแต่แข็งแรง ทำให้สีรถดูลึกและมีมิติมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติกันน้ำที่ดีเยี่ยม ทำให้รถสะอาดง่ายขึ้น

6. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ D1 Spec

ดีวัน สเปรย์เคลือบเงา สูตรฟิล์มแก้ว D1 Spec เป็นแบรนด์น้ำยาเคลือบสีรถที่เน้นผลิตภัณฑ์สำหรับรถแต่งโดยเฉพาะ แต่สเปรย์เคลือบเงาของพวกเขาก็เหมาะสำหรับรถทั่วไปด้วยเช่นกัน

D1 Spec pro works
  • ราคาประมาณ : 235 บาท
  • ปริมาณ : 600 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ D1 Spec คือการใช้สูตรฟิล์มแก้วที่ให้ความแข็งแรงสูง สามารถปกป้องสีรถได้ดีกว่าสเปรย์เคลือบเงาทั่วไป แถมยังให้ความเงางามระดับโชว์รูมอีกด้วย

7. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ Naxpro

แนกซ์โปร ผลิตภัณฑ์เคลือบเงาสีรถ สูตรเงาและปกป้องพิเศษ Naxpro เป็นแบรนด์น้ำยาขัดสีรถยนต์ที่กำลังมาแรงในวงการดูแลรถยนต์ ด้วยสูตรที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับสภาพอากาศในเมืองไทย

Naxpro ultrashine wax
  • ราคาประมาณ : 480 บาท
  • ปริมาณ : 473 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ Naxpro คือการผสมผสานระหว่างความเงางามและการปกป้องได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยฟื้นฟูสีรถที่หมองคล้ำให้กลับมาสดใสอีกครั้ง

8. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ KIT Car Wax

คิท คาร์ แว๊กซ์ KIT Car Wax เป็นน้ำยาเคลือบสีรถแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคุณภาพที่ดีในราคาที่เข้าถึงได้

KIT Car Wax
  • ราคาประมาณ : 165 บาท
  • ปริมาณ : 460 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ คิท คาร์ คือการใช้งานที่ง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสีรถได้อย่างอ่อนโยน

9. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ Wax One Clear Visions

แว็กซ์วัน เคลียร์วิชัน Wax One เป็นแบรนด์น้ำยาเคลือบสีรถ ผลิตภัณฑ์เคลือบกระจกรถยนต์ น้ำไม่เกาะ ที่เน้นการพัฒนา Product ให้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย

Wax One Clear Visions
  • ราคาประมาณ : 119 บาท
  • ปริมาณ : 135 มิลลิลิตร

จุดเด่นของ Wax One คือการให้ความเงางามที่ยาวนานแม้ในสภาพอากาศร้อนจัด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติกันน้ำที่ดีเยี่ยม ช่วยให้รถสะอาดง่ายขึ้นในหน้าฝน

10. น้ำยาเคลือบสีรถยนต์ CARPRO CAR CREAM

ครีมขัดเงา CARPRO CAR CREAM เป็นแบรนด์ครีมขัดเงารถยนต์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ช่างเคลือบเงาสีรถยนต์มืออาชีพ ด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม

CARPRO CAR CREAM
  • ราคาประมาณ : 99 บาท
  • ปริมาณ : 250 กรัม

จุดเด่นของ CARPRO คือการใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ CAR CREAM ของพวกเขาให้การปกป้องระดับสูงพร้อมกับความเงางามที่ลึกและมีมิติ คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการการดูแลรถระดับพรีเมียม

รอยขีดข่วนที่พบบนรถยนต์บ่อยมากที่สุด

ทีนี้เรามาพูดถึงปัญหาที่คนรักรถทุกคนต้องเจอกันบ้างนะครับ นั่นก็คือรอยขีดข่วนนั่นเอง! รอยขีดข่วนที่พบบ่อยมีหลายประเภท ได้แก่:

  1. รอยขีดข่วนจากการล้างรถ : รอยประเภทนี้เป็นหนึ่งในรอยขีดข่วนที่พบบ่อยที่สุด และมักเกิดจากความไม่ระมัดระวังในขั้นตอนการล้างรถ สาเหตุหลักมาจากการใช้ผ้าหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดที่ไม่สะอาดพอ ทำให้เศษฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนผ้าขูดกับผิวรถ นอกจากนี้ การใช้แรงมากเกินไปในการขัดถูก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีคราบสกปรกฝังแน่น ผู้ล้างรถอาจใช้แรงมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์คุณภาพดี และล้างรถด้วยความระมัดระวัง ใช้น้ำยาล้างรถที่เหมาะสม และหมั่นเปลี่ยนน้ำล้างรถบ่อย ๆ เพื่อลดโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน
  2. รอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ : รอยขีดข่วนประเภทนี้มักเกิดขึ้นเมื่อขับรถผ่านพื้นที่ที่มีต้นไม้หรือพุ่มไม้ขึ้นอยู่ใกล้ถนน โดยเฉพาะในเขตชนบทหรือพื้นที่ที่มีการจัดการพืชพรรณริมทางไม่ดีพอ กิ่งไม้ที่ยื่นออกมาบนถนนสามารถทำให้เกิดรอยขีดข่วนยาว ๆ บนตัวถังรถได้ บางครั้งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้สีรถลอกได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการระมัดระวังเมื่อขับผ่านพื้นที่ที่มีต้นไม้ริมทาง และหากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการขับผ่านเส้นทางที่มีกิ่งไม้ยื่นลงมาต่ำเกินไป นอกจากนี้ การใช้น้ำยาเคลือบสีรถที่มีคุณภาพดีก็สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนเล็ก ๆ จากกิ่งไม้ได้ในระดับหนึ่ง
  3. รอยขีดข่วนจากที่จอดรถ : ลานจอดรถเป็นอีกหนึ่งแหล่งกำเนิดรอยขีดข่วนที่พบบ่อย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจอดรถหนาแน่น รอยขีดข่วนประเภทนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น รถคันอื่นเฉี่ยวชนเบาๆ ขณะเข้าจอดหรือออกจากที่จอด ประตูรถคันข้างเคียงเปิดมากระทบ หรือแม้แต่คนเดินผ่านที่อาจชนหรือเสียดสีกับรถโดยไม่ตั้งใจ บางครั้งอาจเกิดจากรถเข็นในซูเปอร์มาร์เก็ตที่เลื่อนมาชนรถด้วย วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการเลือกที่จอดรถอย่างระมัดระวัง หากเป็นไปได้ควรเลือกจอดในพื้นที่ที่มีช่องจอดกว้าง หรือจอดในมุมที่ห่างจากการสัญจรหนาแน่น นอกจากนี้ การติดฟิล์มกันรอยหรือใช้น้ำยาเคลือบสีรถที่มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนก็สามารถช่วยลดความเสียหายจากรอยขีดข่วนเล็ก ๆ ในที่จอดรถได้
  4. รอยขีดข่วนจากหินกระเด็น : รอยขีดข่วนประเภทนี้มักเกิดขึ้นเมื่อขับรถบนถนนที่มีหินเล็ก ๆ หรือเศษวัสดุอื่น ๆ โดยเฉพาะเมื่อมีรถคันอื่นขับผ่านด้วยความเร็วสูง ทำให้หินหรือเศษวัสดุกระเด็นมากระทบกับตัวถังรถ นอกจากจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนแล้ว บางครั้งยังอาจทำให้เกิดรอยบุบเล็ก ๆ ได้ด้วย วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า โดยเฉพาะเมื่อขับบนถนนที่มีพื้นผิวไม่เรียบหรือมีเศษหินมาก นอกจากนี้ การติดฟิล์มกันรอยหรือการใช้น้ำยาเคลือบสีรถที่มีคุณภาพสูงก็สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนจากหินกระเด็นได้ในระดับหนึ่ง
  5. รอยขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง : แม้จะไม่ใช่รอยขีดข่วนที่พบบ่อยที่สุด แต่ก็เป็นปัญหาที่เจ้าของรถที่มีสัตว์เลี้ยงต้องระวัง โดยเฉพาะเจ้าของสุนัขหรือแมว สัตว์เลี้ยงอาจกระโดดขึ้นรถหรือวิ่งผ่านข้างรถ ทำให้เล็บของพวกมันขูดกับสีรถ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ บางครั้งแมวอาจใช้รถเป็นที่ลับเล็บ ทำให้เกิดรอยขีดข่วนลึกได้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการฝึกสัตว์เลี้ยงให้มีระเบียบ และระมัดระวังไม่ให้พวกมันเข้าใกล้รถมากเกินไป หากจำเป็นต้องพาสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ควรใช้กรงหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันสัมผัสกับพื้นผิวภายนอกของรถโดยตรง

การใช้น้ำยาเคลือบสีรถที่มีคุณภาพดีจะช่วยป้องกันและกำจัดรอยขีดข่วนเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ น้ำยาเคลือบสีจะสร้างชั้นป้องกันบาง ๆ บนพื้นผิวรถ ทำให้วัตถุที่มาสัมผัสกับรถไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนสีรถโดยตรง

วิธีลบรอยขีดข่วนรถยนต์ ด้วยตัวเองง่ายๆ

เมื่อเกิดรอยขีดข่วนขึ้นบนรถของเรา ไม่ต้องตกใจไปครับ เพราะเรามีวิธีขัดสีรถลบรอยขีดข่วนด้วยตัวเองที่ทำได้ง่ายๆ โดยใช้น้ำยาลบรอยขีดข่วนรถยนต์ มาดูขั้นตอนกันเลย!

  1. ทำความสะอาดบริเวณที่มีรอยขีดข่วน : ล้างและเช็ดให้แห้งสนิท เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดอยู่
  2. ตรวจสอบความลึกของรอย : ใช้เล็บลูบดู ถ้าเล็บไม่ติด แสดงว่าเป็นรอยตื้น สามารถลบได้ด้วยน้ำยาขัดลบรอยขีดข่วน
  3. เลือกน้ำยาลบรอยขีดข่วนรถยนต์ที่เหมาะสม : มีหลายแบรนด์ให้เลือก ควรเลือกให้เหมาะกับสีรถและความรุนแรงของรอย
  4. ทดสอบในจุดที่ไม่เห็นชัด : ก่อนใช้จริง ให้ลองทาในบริเวณที่ไม่เห็นชัดก่อน เพื่อดูว่าไม่ทำให้สีรถเสียหาย
  5. ใช้น้ำยาขัดลบรอยขีดข่วน : ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำชุบน้ำยาแล้วถูเบาๆ บริเวณที่มีรอย ทำซ้ำๆ จนกว่ารอยจะจางลง
  6. เช็ดออกให้สะอาด : ใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำยาออกให้หมด
  7. ตรวจสอบผลลัพธ์ : ดูว่ารอยหายไปหรือยัง ถ้ายังเห็นอยู่ อาจต้องทำซ้ำ
  8. เคลือบสีรถ : หลังจากขัดสีรถลบรอยเสร็จแล้ว ควรใช้น้ำยาเคลือบสีรถเพื่อปกป้องผิวสีในบริเวณนั้น
  9. ข้อควรระวังเพิ่มเติม :
    • อย่าออกแรงมากเกินไป เพราะอาจทำให้สีรถเสียหายได้
    • ทำในที่ร่ม ไม่ควรทำกลางแดด เพราะความร้อนอาจทำให้น้ำยาแห้งเร็วเกินไป
    • หากรอยลึกมาก อาจต้องใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญ
    • ควรสวมถุงมือยางเพื่อป้องกันสารเคมีสัมผัสผิวหนังโดยตรง

บทส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างครับกับการเปิดโลกน้ำยาเคลือบสีรถยนต์ในปี 2567 นี้ หวังว่าทุกคนจะได้ความรู้และแนวทางในการเลือกใช้น้ำยาเคลือบสีที่เหมาะกับรถของตัวเองนะครับ

จำไว้ว่า การดูแลรักษารถไม่ได้เป็นเพียงแค่การรักษามูลค่าของรถเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความรักและใส่ใจต่อสิ่งที่เราเป็นเจ้าของด้วย ลองเลือกน้ำยาขัดสีรถยนต์ที่คุณสนใจ แล้วมาดูแลรถคันโปรดของคุณกันเถอะครับ รับรองว่าคุณจะรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้ขับรถออกไปบนท้องถนนแน่นอน!

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าไม่ว่าคุณจะเลือกใช้น้ำยาขัดสีรถ ยี่ห้อไหนดี สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี แล้วรถของคุณจะอยู่กับคุณไปได้อีกนานแสนนานครับ!

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

7 ขั้นตอน ต่อใบขับขี่ออนไลน์ ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง

หากคุณกำลังมองหาวิธีต่ออายุใบขับขี่แบบสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปติดต่อที่สำนักงานขนส่ง การต่อใบขับขี่ออนไลน์คือคำตอบที่ดีที่สุด! ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีต่อใบขับขี่ออนไลน์อย่างละเอียด พร้อมเคล็ดลับที่จะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายดายยิ่งขึ้น มาเริ่มกันเลย!

เนื้อหาทั้งหมด
วิธีต่อใบขับขี่ออนไลน์

วิธีต่อใบขับขี่ออนไลน์ มีขั้นตอนอะไรบ้าง

การต่อใบขับขี่ออนไลน์นั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ต่อไปนี้ คุณก็จะสามารถต่ออายุใบอนุญาตขับรถของคุณได้อย่างสะดวกสบายจากที่บ้าน มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง

1. เข้าสู่ระบบอบรมออนไลน์

เริ่มต้นด้วยการเข้าเว็บไซต์ที่ให้บริการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ ซึ่งรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก หากคุณเพิ่งจะใช้บริการครั้งแรก ให้เลือกตัวเลือก “ลงทะเบียนอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์” เพื่อเริ่มกระบวนการ

สำหรับผู้ที่เคยลงทะเบียนแล้ว สามารถใช้เลขบัตรประชาชนและวันเดือนปีเกิดในการเข้าสู่ระบบได้ทันที ระบบนี้ใช้ได้ทั้งผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้คุณสามารถต่อใบขับขี่ 2567 ได้อย่างสะดวกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

2. กรอกข้อมูลส่วนตัว

ในขั้นตอนนี้ คุณจะต้องใส่ข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วนและถูกต้อง ประกอบด้วย เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ อีเมลที่ใช้งานจริง และวันเดือนปีเกิด (พ.ศ.) ความถูกต้องของข้อมูลมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้การใช้งานในอนาคตเป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว ให้กดปุ่ม “ดำเนินการต่อ” จากนั้นคุณจะเห็นเงื่อนไขการลงทะเบียนจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งระบุว่าข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกเก็บเป็นความลับ และจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือแจกจ่ายให้บุคคลอื่น หากคุณยอมรับเงื่อนไขเหล่านี้ ให้กด “ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไข” แล้วกด “ยืนยัน” เพื่อดำเนินการต่อ

3. เลือกประเภทการอบรม

ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกประเภทการอบรมที่เหมาะกับใบขับขี่ของคุณ ซึ่งมีหลายตัวเลือกให้เลือก:

ในส่วนนี้ คุณจะต้องเลือกคลาสการอบรมที่ตรงกับประเภทใบขับขี่ที่คุณต้องการต่ออายุ โดยทั่วไปจะอยู่ภายใต้หมวด “อบรมต่ออายุ” ไม่ว่าจะเป็นการต่อใบขับขี่รถยนต์ ต่อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่การต่อใบขับขี่รถขนส่งและรถสาธารณะ

ระยะเวลาในการอบรมจะแตกต่างกันไปตามประเภทของใบขับขี่

อบรมต่ออายุใบขับขี่ กี่ชั่วโมง
  1. ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล : อบรมอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
  2. ใบขับขี่รถขนส่ง : อบรม 2 ชั่วโมง
  3. ใบขับขี่รถสาธารณะ : อบรม 3 ชั่วโมง
  4. ใบขับขี่ที่หมดอายุเกิน 1 ปี : อบรม 2 ชั่วโมงและต้องสอบข้อเขียนให้ได้คะแนนเกิน 90%
  5. ใบขับขี่ชั่วคราวที่หมดอายุเกิน 3 ปี : อบรม 2 ชั่วโมง สอบข้อเขียน และสอบภาคปฏิบัติ

ข้อควรระวัง : การเลือกประเภทการอบรมให้ถูกต้องมีความสำคัญมาก เพราะหากอบรมไม่ครบตามเวลาที่กำหนด อาจทำให้ไม่สามารถต่ออายุใบขับขี่ได้ ชั่วโมงการอบรมที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับความรู้ที่จำเป็นสำหรับการขับขี่อย่างปลอดภัย

4. ทำแบบทดสอบก่อนอบรม

แบบทดสอบนี้มีเพียง 3 ข้อ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินทัศนคติของคุณต่อการใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรเบื้องต้น คำถามอาจเกี่ยวกับการสังเกตสัญญาณไฟจราจร การตีความป้ายจราจร หรือการคำนึงถึงผู้ร่วมทางที่อาจมีข้อจำกัด เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้พิการ

การทำแบบทดสอบนี้ไม่ใช่การสอบจริง แต่เป็นการกระตุ้นให้คุณเริ่มคิดเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนก่อนเข้าสู่การอบรม ดังนั้นให้ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาตามความเข้าใจของคุณ

5. รับชมวิดีโออบรม

เมื่อถึงขั้นตอนนี้ คุณจะได้รับชมวิดีโอการอบรมต่อใบขับขี่ 2567 ซึ่งเป็นเนื้อหาที่จำเป็นสำหรับการต่ออายุใบอนุญาตขับรถของคุณ สิ่งสำคัญคือคุณต้องรับชมวิดีโอนี้อย่างตั้งใจและครบถ้วน

ข้อควรระวัง : ระบบได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริต ดังนั้นคุณจะไม่สามารถปิดหน้าต่าง ย่อหน้าต่างไปทำอย่างอื่น หรือกดข้ามเนื้อหาได้ แนะนำให้คุณจัดสรรเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการรับชม เพราะเมื่อจบการอบรม คุณจะต้องตอบคำถามเพื่อยืนยันว่าได้รับความรู้จากการอบรมจริง

6. ทำแบบทดสอบหลังอบรม

แบบทดสอบนี้จะมีคำถาม 3 ข้อ เช่นเดียวกับแบบทดสอบก่อนการอบรม แต่คราวนี้คำถามจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาที่คุณได้รับชมในวิดีโออบรม วัตถุประสงค์คือเพื่อประเมินว่าคุณได้รับความรู้และเข้าใจเนื้อหาการอบรมมากน้อยเพียงใด

การตอบคำถามเหล่านี้ให้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการยืนยันว่าคุณได้ผ่านการอบรมจริง และพร้อมที่จะต่ออายุใบขับขี่ของคุณ หากคุณตั้งใจฟังระหว่างการอบรม คุณจะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

7. รับหลักฐานการอบรม

หลังจากที่คุณผ่านการอบรมต่อใบอนุญาตขับขี่ออนไลน์และทำแบบทดสอบเสร็จสิ้น ระบบจะแสดงหลักฐานการอบรมให้คุณ โดยคุณสามารถเข้าไปที่เมนู “หลักฐานการอบรม” เพื่อดูและบันทึก QR Code ที่เป็นหลักฐานการผ่านการอบรมใบขับขี่ออนไลน์

อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำคัญคือ หลักฐานการอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์นี้มีอายุเพียง 180 วันหรือ 6 เดือนเท่านั้น หากคุณไม่ดำเนินการจองคิวต่อใบขับขี่หรือต่ออายุใบขับขี่ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลานี้ การอบรมของคุณจะถือเป็นโมฆะ และคุณจะต้องเริ่มกระบวนการอบรมใหม่ทั้งหมด

ดังนั้น แนะนำให้คุณวางแผนเวลาให้ดี และดำเนินการต่อใบขับขี่ให้เร็วที่สุดหลังจากผ่านการอบรมออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้น

ความสำคัญของใบขับขี่และการต่ออายุ

ใบขับขี่ไม่ใช่แค่บัตรธรรมดา แต่เป็นเอกสารสำคัญที่บ่งบอกถึงความสามารถในการขับขี่ยานพาหนะของคุณ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ การมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ทำให้คุณขับขี่ได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้รถใช้ถนนอีกด้วย มาดูกันว่าทำไมใบขับขี่ถึงมีความสำคัญ และเราจะต่ออายุมันได้อย่างไร

  • ทำไมใบขับขี่ถึงสำคัญ: ใบขับขี่ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว แต่มันเป็นสิ่งที่บอกว่าคุณพร้อมจะออกถนนแล้ว มาดูกันว่าทำไมมันถึงสำคัญนัก
  • ความปลอดภัยบนท้องถนน: การมีใบขับขี่แสดงว่าคุณผ่านการอบรมและทดสอบความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร ทำให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
  • ความรับผิดชอบต่อสังคม: การขับขี่โดยมีใบอนุญาตที่ถูกต้องแสดงถึงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นบนท้องถนน ช่วยสร้างวินัยจราจรและลดปัญหาการจราจรในภาพรวม
  • การคุ้มครองทางกฎหมาย: หากเกิดอุบัติเหตุ การมีใบขับขี่จะช่วยคุ้มครองคุณทางกฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเคลมประกัน

ข้อควรระวังและคำแนะนำในการต่อใบขับขี่ออนไลน์

แม้ว่าการต่อใบขับขี่ออนไลน์จะเป็นวิธีที่สะดวก แต่ก็มีข้อควรระวังและคำแนะนำที่ควรทราบ เพื่อให้กระบวนการต่ออายุเป็นไปอย่างราบรื่น

ปัญหาที่อาจพบและวิธีแก้ไข

ในการต่อใบขับขี่ออนไลน์ คุณอาจเจอปัญหาบางอย่าง แต่ไม่ต้องกังวล เพราะทุกปัญหามีทางออก หากพบว่าระบบไม่ตอบสนอง ให้ลองเข้าใช้งานใหม่ในภายหลัง หรือ ติดต่อฝ่ายสนับสนุนของกรมการขนส่งทางบก ในกรณีที่พบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง

ควรตรวจสอบให้ละเอียดก่อนยืนยัน และหากพบว่าข้อมูลผิดพลาด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไข สำหรับปัญหาการชำระเงินไม่สำเร็จ ให้ตรวจสอบวงเงินในบัญชี หรือลองใช้วิธีการชำระเงินอื่น และหากไม่สามารถเข้าร่วมอบรมตามเวลาที่กำหนด ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอเลื่อนการอบรม

เทคนิคการฟังอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ

การอบรมใบขับขี่ออนไลน์เป็นขั้นตอนสำคัญในการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ เพื่อให้การอบรมเกิดประโยชน์สูงสุด ควรเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมโดยตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ที่ใช้ในการอบรม ระหว่างการอบรม ควรจดบันทึกประเด็นสำคัญเพื่อช่วยให้จดจำเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น และอย่าลังเลที่จะตั้งคำถามเมื่อมีข้อสงสัย หลังจากการอบรมเสร็จสิ้น ควรทบทวนความรู้เพื่อช่วยเสริมความเข้าใจและเตรียมพร้อมสำหรับการทำแบบทดสอบใบขับขี่ออนไลน์

การต่อใบขับขี่ออนไลน์ในปี 2567 เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน ไม่ว่าคุณจะต้องการต่ออายุใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ระบบออนไลน์ช่วยให้คุณสามารถจัดการทุกขั้นตอนได้จากที่บ้าน ตั้งแต่การจองคิว การอบรม ไปจนถึงการสอบใบขับขี่ออนไลน์

เอกสารที่ต้องใช้ต่อใบขับขี่

เอกสารที่ใช้ต่อใบขับขี่ มีอะไรบ้าง

ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการต่อใบขับขี่ออนไลน์ เรามาเตรียมเอกสารให้พร้อมกันก่อนดีกว่า ไม่ว่าคุณจะต่อใบขับขี่จาก 2 ปี เป็น 5 ปี หรือจาก 5 ปี เป็น 5 ปี เอกสารที่ต้องเตรียมก็เหมือนกันหมด มีอะไรบ้างมาดูกัน

สำหรับการต่อใบขับขี่ในปี 2567 นี้ คุณจำเป็นต้องมีเอกสารดังต่อไปนี้

  1. บัตรประชาชนตัวจริง : เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ยืนยันตัวตนของคุณ อย่าลืมเตรียมให้พร้อมนะ
  2. ใบรับรองแพทย์ : ต้องเป็นใบรับรองที่ออกมาไม่เกิน 1 เดือน เพื่อยืนยันว่าคุณมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะขับรถได้อย่างปลอดภัย
  3. ใบอนุญาตขับขี่เดิม : นี่คือใบขับขี่ตัวเก่าของคุณที่กำลังจะหมดอายุหรือหมดอายุไปแล้ว

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนจะช่วยให้กระบวนการต่อใบขับขี่ของคุณราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการต่อใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ เอกสารที่ต้องใช้ก็เหมือนกันหมด

อบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ กี่ชั่วโมง

หลังจากที่เราเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์ แต่รู้ไหมว่าแต่ละคนต้องอบรมนานแค่ไหน? จำนวนชั่วโมงในการอบรมนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของใบอนุญาตขับขี่และระยะเวลาที่ใบขับขี่หมดอายุ มาดูรายละเอียดกันเลย

  1. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล : คุณต้องอบรมเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ง่ายมากใช่ไหมล่ะ
  2. ใบอนุญาตขับรถขนส่ง : สำหรับคนที่ขับรถขนส่ง ต้องอบรมนานขึ้นหน่อย คือ 2 ชั่วโมง
  3. ใบอนุญาตขับรถสาธารณะ : ถ้าคุณขับรถสาธารณะ ต้องอบรมนานที่สุด คือ 3 ชั่วโมง
  4. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลที่หมดอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป : ต้องอบรม 2 ชั่วโมง และต้องสอบข้อเขียนด้วยนะ
  5. ใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลชั่วคราวที่หมดอายุเกิน 3 ปี : นอกจากอบรม 2 ชั่วโมงแล้ว ยังต้องสอบทั้งข้อเขียนและปฏิบัติอีกด้วย

การอบรมต่ออายุใบขับขี่ออนไลน์นี้ช่วยประหยัดเวลาได้มาก ไม่ต้องเดินทางไปไหน แค่นั่งอยู่ที่บ้านก็สามารถฟังอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้แล้ว สะดวกสุด ๆ

ต่อใบขับขี่หมดอายุ

บางคนอาจลืมต่อใบขับขี่จนหมดอายุไปแล้ว ไม่ต้องตกใจไป เรายังสามารถต่อได้ แต่ขั้นตอนอาจจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาที่หมดอายุ มาดูกันว่าแต่ละกรณีต้องทำอย่างไรบ้าง

ใบขับขี่หมดอายุเกิน 1 ปี

ถ้าใบขับขี่ของคุณหมดอายุเกิน 1 ปีแต่ไม่เกิน 3 ปี คุณยังสามารถต่อใบขับขี่ออนไลน์ได้ แต่มีขั้นตอนเพิ่มเติมนิดหน่อย:

  1. อบรมออนไลน์: คุณต้องเข้ารับการอบรมออนไลน์เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
  2. สอบข้อเขียน: หลังจากอบรมเสร็จ คุณต้องผ่านการสอบข้อเขียนด้วย อย่าลืมทบทวนกฎจราจรให้ดีก่อนสอบนะ
  3. ยื่นเอกสาร: เตรียมเอกสารให้ครบตามที่เราบอกไว้ในหัวข้อแรก แล้วยื่นผ่านระบบออนไลน์
  4. ชำระค่าธรรมเนียม: จ่ายค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์
  5. รับใบขับขี่ใหม่: หลังจากผ่านทุกขั้นตอน คุณจะได้รับใบขับขี่ใหม่ทางไปรษณีย์

ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปี

สำหรับคนที่ใบขับขี่หมดอายุเกิน 3 ปีแล้ว ขั้นตอนจะยุ่งยากขึ้นอีกนิด แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังสามารถทำได้ คุณต้องอบรมออนไลน์ 2 ชั่วโมง ต้องผ่านการสอบข้อเขียน และที่เพิ่มเติมคือคุณต้องไปสอบขับรถจริงที่กรมการขนส่งทางบก หลังจากนั้นก็เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและยื่นผ่านระบบออนไลน์ ชำระค่าธรรมเนียมออนไลน์ และรอรับใบขับขี่ใหม่ทางไปรษณีย์

การต่อใบขับขี่ที่หมดอายุอาจดูยุ่งยาก แต่ถ้าเราทำตามขั้นตอนที่กำหนด ก็จะผ่านไปได้ด้วยดี อย่าลืมว่าการมีใบขับขี่ที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนนะครับ

Penalties regarding driving licenses

บทลงโทษกรณีขาดต่อใบขับขี่

หลายคนอาจสงสัยว่า ถ้าลืมต่อใบขับขี่แล้วขับรถไปเรื่อย ๆ จะเกิดอะไรขึ้น? ขอบอกเลยว่าไม่ควรทำแบบนั้นนะครับ เพราะมีบทลงโทษที่ค่อนข้างรุนแรง หากคุณถูกจับได้ว่าขับรถโดยใบขับขี่หมดอายุ คุณอาจต้องเสียค่าปรับสูงถึง 2,000 บาท นอกจากค่าปรับแล้ว คุณยังอาจถูกหักคะแนนในใบขับขี่อีกด้วย ซึ่งอาจส่งผลต่อการต่อใบขับขี่ในอนาคต ที่สำคัญที่สุดคือ หากเกิดอุบัติเหตุในขณะที่คุณขับรถด้วยใบขับขี่หมดอายุ บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งอาจทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเอง

นอกจากนี้ ยิ่งปล่อยให้ใบขับขี่หมดอายุนานเท่าไหร่ ขั้นตอนในการต่อใบขับขี่ก็จะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น และในบางกรณี การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องอาจถือเป็นความผิดทางอาญาได้ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ อย่าลืมต่อใบขับขี่ก่อนหมดอายุนะครับ การต่อใบขับขี่ออนไลน์ในปัจจุบันทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวที่กรมการขนส่งทางบก แค่นั่งอยู่ที่บ้านก็สามารถต่อได้แล้ว

จองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ ต้องรู้อะไรบ้าง

การจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์เป็นอีกหนึ่งบริการที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ มาดูกันว่าเราต้องรู้อะไรบ้างในการจองคิวออนไลน์:

  1. เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน: กรมการขนส่งทางบกมีเว็บไซต์และแอปพลิเคชันสำหรับจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์โดยเฉพาะ คุณสามารถเลือกใช้ช่องทางที่สะดวกที่สุด
  2. ข้อมูลส่วนตัว: เตรียมข้อมูลส่วนตัวให้พร้อม เช่น เลขบัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด และเลขที่ใบขับขี่
  3. วันและเวลาที่สะดวก: คิดไว้ล่วงหน้าว่าคุณสะดวกวันไหน เวลาใด เพื่อให้การจองคิวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  4. ประเภทของการต่อใบขับขี่: ระบุให้ชัดเจนว่าคุณต้องการต่อใบขับขี่ประเภทไหน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือรถสาธารณะ
  5. สถานที่ที่ต้องการไปติดต่อ: แม้จะเป็นการจองคิวออนไลน์ แต่คุณยังต้องเลือกสำนักงานขนส่งที่คุณสะดวกไปติดต่อ
  6. การยืนยันตัวตน: บางระบบอาจต้องการให้คุณยืนยันตัวตนผ่าน SMS หรืออีเมล ดังนั้นควรเตรียมโทรศัพท์มือถือหรืออีเมลให้พร้อม
  7. การพิมพ์ใบนัด: หลังจากจองคิวเสร็จ อย่าลืมพิมพ์ใบนัดหรือบันทึกหลักฐานการจองคิวเอาไว้
  8. การยกเลิกหรือเลื่อนนัด: ทำความเข้าใจวิธีการยกเลิกหรือเลื่อนนัดในกรณีที่มีเหตุจำเป็น
  9. เวลาที่ต้องมาก่อนนัด: โดยทั่วไป คุณควรมาถึงสำนักงานขนส่งก่อนเวลานัดประมาณ 15-30 นาที
  10. เอกสารที่ต้องเตรียม: ตรวจสอบรายการเอกสารที่ต้องนำมาในวันที่มาติดต่อให้ครบถ้วน

การจองคิวต่อใบขับขี่ออนไลน์ช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัดที่สำนักงานขนส่งได้มาก ทำให้การต่อใบขับขี่เป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้กี่เดือน

หลายคนอาจสงสัยว่าเราสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้นานแค่ไหน คำตอบคือ คุณสามารถต่อใบขับขี่ล่วงหน้าได้ถึง 3 เดือนก่อนวันหมดอายุ นี่เป็นข้อดีที่ช่วยให้คุณวางแผนการต่อใบขับขี่ได้อย่างสะดวก

ประโยชน์ของการต่อใบขับขี่ล่วงหน้า

  1. ไม่ต้องกังวลเรื่องใบขับขี่หมดอายุ: คุณสามารถต่อได้ก่อนที่ใบขับขี่จะหมดอายุ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมต่อ
  2. หลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีคนมาต่อเยอะ: โดยเฉพาะช่วงใกล้วันหมดอายุ มักจะมีคนมาต่อใบขับขี่เยอะ การต่อล่วงหน้าช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความวุ่นวายได้
  3. มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น: หากต้องมีการอบรมหรือสอบเพิ่มเติม คุณจะมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น
  4. ลดความเสี่ยงในการขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต: การต่อล่วงหน้าช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะมีใบขับขี่ที่ถูกต้องตลอดเวลา
  5. สะดวกในการวางแผนการเดินทาง: โดยเฉพาะถ้าคุณมีแผนจะเดินทางไกลในช่วงที่ใบขับขี่ใกล้หมดอายุ

อย่างไรก็ตาม ควรระวังไม่ต่อเร็วเกินไป เพราะอาจทำให้คุณต้องต่อใบขับขี่บ่อยขึ้นในระยะยาว การต่อล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือนก่อนหมดอายุถือว่าเหมาะสมที่สุด สิ่งสำคัญคือการทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้องและครบถ้วน ตั้งแต่การลงทะเบียน การอบรม ไปจนถึงการรับหลักฐานการอบรม และดำเนินการต่อใบขับขี่ให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด ดังนั้น หากใบขับขี่ของคุณกำลังจะหมดอายุ อย่าลืมพิจารณาทางเลือกในการต่อใบขับขี่ออนไลน์ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของคุณเอง และเพื่อให้คุณสามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

บทส่งท้าย

ท้ายที่สุด การทำใบขับขี่ใหม่หรือต่ออายุใบขับขี่ผ่านระบบออนไลน์เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ชีวิตของผู้ขับขี่ง่ายขึ้นมาก แต่ก็อย่าลืมว่าการมีใบขับขี่ที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่ยังเป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นบนท้องถนนอีกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะต่อใบขับขี่ด้วยวิธีใด ขอให้ตระหนักถึงความสำคัญของการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีวินัยจราจรเสมอ

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024

ฟิล์มรถยนต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการกรองแสงแดดได้เป็นอย่างดีแถมยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่เป็นอย่างมากทำให้ขับรถได้อย่างง่ายขึ้นและยังสะท้อนแสงไม่ทำให้เกิดการกักเก็บความร้อนภายในห้องโดยสารปัจจุบันก็มีฟิล์มติดรถยนต์หลากหลายประเภทให้เลือกโดยแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปซึ่งในวันนี้เราก็จะพาทุกคนมาเลือก ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ในการติดฟิล์มรถยนต์ให้มากยิ่งขึ้น ว่าเลือกใช้อย่างไรจึงจะเหมาะสม

ฟิล์มติดรถยนต์มีประเภทไหนบ้าง

เนื่องจากฟิล์มติดรถยนต์มีให้เลือกหลายประเภทซึ่งแต่ละแบบนั้นมีจุดเด่นรวมไปถึงเกรดของฟิล์มแต่ละชนิดโดยฟิล์มติดรถยนต์ที่พบเห็นได้ทั่วไป ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี สามารถแบ่งหลักๆได้ดังนี้

1. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปกติ

ฟิล์มติดรถยนต์ธรรมดาทั่วไปสามารถป้องกันรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดีระดับหนึ่งตัวฟิล์มมีคุณสมบัติสะท้อนแสงจากภายนอกและลดปริมาณความร้อนได้เป็นอย่างดีส่วนข้อดีก็คือ ราคาไม่สูง สามารถเอื้อมถึงได้และเมื่อใช้งานไปซักระยะหนึ่งสีของฟิล์มจะเริ่มซีดและมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนหรือสร้างความเสียหายให้กับกระจกได้

2. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปรอท

ฟิล์มกรองแสงที่มีลักษณะแวววาว ช่วยป้อง กันแสงยูวี ได้เป็นอย่างดีสะท้อนความร้อนตัวฟิล์มกรองแสงถูกย้อมด้วยสีที่มีส่วนผสมของโลหะอยู่ภายในชั้นของฟิล์มตัวฟิล์มจึงมีความแข็งแกร่งช่วยป้องกันรอยขีดข่วนส่วนข้อเสียก็คือฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปรอทก็คือทำให้ใช้งานของ GPS หรืออีซี่พาร์ทไม่สะดวก

3. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบไฮบริด

ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีส่วนผสมระหว่างฟิล์มย้อมสี และฟิล์มสีเมทัลไลซ์ ที่มีส่วนผสมของโลหะอยู่ในชั้นฟิล์มมีคุณสมบัติกรองแสงได้ดีสีไม่ซีดและสามารถป้องกันรอยขีดข่วนส่วนข้อเสียของฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบให้บิดก็คือราคาที่ค่อนข้างสูงและ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก

4. ฟิล์มกรองแสงแบบคาร์บอน

ฟิล์มติดรถยนต์ ที่มีลักษณะพื้นผิวด้านภายในเนื้อฟิล์มจะมีส่วนผสมของอนุภาคคาร์บอนสะท้อนแสงพิเศษให้คุณสมบัติสะท้อนความร้อนออกได้เป็นอย่างดีมีความทนทานสูงและสามารถกักเก็บความร้อนได้ดี

5. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบเซรามิก

เป็นฟิล์มรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดและรังสีต่างๆได้เป็นอย่างดีพร้อมลดความร้อนได้สูงถึง 99% นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงทนทานและฟิล์มชนิดนี้ค่อนข้างราคาสูงมากกว่าฟิล์มชนิดอื่นๆ

ยี่ห้อฟิล์มรถยนต์ ยอดนิยม ที่เจ้าของรถส่วนใหญ่นิยมใช้กัน

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี นอกจากเราจะเลือกประเภทฟิล์มให้เหมาะกับการใช้งานรถยนต์ของเราแล้วการเลือกยี่ห้อฟิล์มรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องเลือกให้เหมาะสมซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นสำหรับการใช้งานที่ไม่เหมือนกันซึ่งถ้าหากใครใช้งานแบบไหนก็สามารถเข้ามารับชมจุดเด่นกันได้เลย

1. ฟิล์มรถยนต์ Lamina

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ฟิล์มรถยนต์ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีแถมยังมีคุณสมบัติกรองแสงและทนความร้อนได้อย่างสูงสุดจากสหรัฐอเมริกาโดยผลิตโดยโรงงานฟิล์มกรองแสงลามิน่าที่ทันสมัยที่สุดและได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทนความร้อนทุกประเภทมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1955 ยาวนานมาถึง 65 ปีเลยทีเดียว

จุดเด่นของฟิล์มลามิน่า

สำหรับจุดเด่นของ ฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มลามิน่า นั่นก็คือการมีฟิล์มเซรามิกที่ช่วยลดความร้อนและไม่เกิดเงาสะท้อนหลอกตาขณะขับขี่จะมีลักษณะบางทำให้รู้สึกสบายตาเป็นธรรมชาติ

ฟิล์มลามิน่ารุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มรถยนต์ลามิน่ารุ่น pop Series

ฟิล์มลามิน่าใช้อนุภาคเมทัลลิกแอนดรอยด์บริสุทธิ์ช่วยให้เนื้อฟิล์มมีความเหนียวแน่นลดความร้อนจากแสงแดดและรอยขีดข่วนที่จะเกิดขึ้น

  • ฟิล์มรถยนต์ลามิน่ารุ่น Digital Ceramatrix Safety

ฟิล์มติดรถยนต์แบบเซรามิกนิรภัยตัวฟิล์มผลิตจากนาโนเซรามิกบริสุทธิ์ 100% เนื้อฟิล์มหนา 4 มิลลิเมตรมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนกันความร้อนและสะท้อนรังสีจากแดดได้ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยยามค่ำคืนอย่างชัดเจน

  • ฟิล์มติดรถยนต์ลามิน่ารุ่น Digital Ev Boost

ฟิล์มติดรถสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตัวฟิล์มผลิตด้วยเทคโนโลยีเอไอเซรามิกป้องกันความร้อนจากแสงแดดและรังสียูวีได้เป็นอย่างดีช่วยลดการทำงานหนักของระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในรถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืนในขณะที่ฝนตก

2. ฟิล์มติดรถยนต์ Hi – Kool

สำหรับฟิล์มรถยนต์ไฮโซนั้นผลิตจากบริษัท ลีวณิชย์ จำกัดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีเป็นฟิล์มที่ไม่มีสารเคลือบโลหะจนกระทั่งเข้าสู่โรงงานที่ดีที่สุดในอเมริกาและนำมาขาย ในประเทศประเทศไทยจนกลายเป็นแบรนด์ฟิล์มรถยนต์ที่ทุกคนรู้จักดีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีคุณภาพในการป้องกันความร้อนได้และราคายุติธรรม

จุดเด่นของฟิล์มรถยนต์ไฮคลู

จุดเด่นของแบรนด์ นี้ก็คือการคิดค้นและวิจัยออกแบบฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ให้เหมาะกับพื้นที่เขตร้อนในประเทศไทยเป็นพิเศษ ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยให้การป้องกันความร้อนจากรถได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุดในอเมริกาเพื่อผลิตฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ขึ้นมานั่นเอง

ฟิล์มติดรถยนต์ไฮคลูรุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ไฮคลู รุ่น Beyond Ceramic

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แบบเซรามิกเกรดพรีเมี่ยมที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีและรังสีอัลตราได้สูง ฟิล์มรถยนต์ 40 มากตัวฟิล์มผลิตจากเทคโนโลยีเซรามิกในชั้นฟิล์มช่วยเรื่องสะท้อนความร้อนและลดการความร้อนได้เป็นอย่างดีไม่รบกวนการทำงานของ GPS

  • ฟิล์มติดรถยนต์ ไฮคลู รุ่น Black Carbon Series

ฟิล์มรถยนต์ 60 ที่มีสีดำสนิทและไม่มีส่วนผสมของโลหะทำให้ไม่รบกวนสัญญาณ Easy Pass และสัญญาณจากอุปกรณ์ digital ทุกชนิดภายนอกดูดุดันดำสนิทแต่มองเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายในรถตัวฟิล์มสามารถป้องกันรังสียูวีได้

  • ฟิล์มติดรถยนต์ ไฮคลู รุ่นR Series

ฟิล์มรถยนต์ 80 เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถกันความร้อนได้สูงถึง 84% การรังสียูวีได้มากกว่า 99% ในเนื้อฟิล์มมีส่วนผสมของชั้นโลหะเพื่อให้ฟิล์มสามารถสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกสามเฉดสีได้แก่ สีเทาสีเขียวและสีฟ้า

3. ฟิล์มติดรถยนต์ 3M

สำหรับฟิล์มติดรถยนต์ ยี่ห้อ นี้ถือว่าเป็นเจ้าแรกของโลกในการผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์ทำให้ แบรนด์ เป็นที่จดจำในฐานะของผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์รายแรกของโลกเลยทีเดียวและยังได้มีการออกแบบฟิล์มประเภทต่างๆมาให้เหมาะสมตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย

จุดเด่นของฟิล์มติดรถยนต์ 3M

ลักษณะของฟิล์มจะเคลือบชั้นป้องกันรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนสามารถสะท้อนรังสียูวีได้ถึง 99% โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Wi-Fi บลูทูธและสัญญาณโทรศัพท์ที่สำคัญยังได้รับการปกป้องและรับรองจากสถาบันด้านมะเร็งทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะ ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ป้องกันรังสีและแสงแดดได้อย่างไม่เป็นอันตรายจุดแข็งก็คือความคงทนฟิล์มไม่ร่อน

ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Crystalline Series

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์รุ่นคริสตัลลายหรือฟิล์มกรองแสงแบบใสแต่ให้คุณสมบัติสะท้อนแสงและป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีเมื่อมองจากภายนอกตัวเราจะดูเข้มให้ความรู้แต่เมื่อมองจากภายในสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งเวลากลางวันและกลางคืนลดเงาสะท้อนหรือสิ่งที่ไม่ต้องการได้ 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Privacy + Series

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์สีดำเข้มผลิตด้วยนาโนแบคคาร์บอนใช้เทคนิคการลงโมเลกุลเม็ดสีดำพิเศษช่วยลดเงาสะท้อนทั้งภายนอกและภายในมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งเวลากลางวันและกลางคืนตัวฟิล์มมีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีและลดความร้อนจากแสงแดด 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Ceramic Ultra Clear

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่ผลิตด้วยเซรามิกโมเลกุลระดับนาโนไม่มีส่วนผสมของไอโลหะเพิ่มการเคลือบชั้นและป้องกันรังสีอินฟราเรดสะท้อนรังสียูวีได้เป็นอย่างดี

4. ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool

เป็นอีกหนึ่งฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสุดพิเศษโดยการนำเอาฟิล์มกรองแสงสำหรับยานอวกาศเครื่องบินล่องหนมาใช้ในการผลิตฟิล์ม ซึ่งฟิล์มกรองแสงจากแบรนด์นี้เป็นฟิล์มชนิดพิเศษที่มีการเคลือบชั้นของโลหะลงบนแผ่นโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูงด้วยอนุภาคอะตอมทำให้ฟิล์มสามารถสะท้อนความร้อนและมองช่วงรังสีของดวงอาทิตย์ได้ดีเยี่ยม

จุดเด่นของฟิมล์ V – Kool

ฟิล์มรถยนต์ V – Kool นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีแล้วฟิล์มกรองแสงรถยนต์เหลือนี้นั้นยังมีเนื้อฟิล์มที่สายอีกด้วยผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกาและมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงฟิล์มยี่ห้อนี้ยังตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการฟิล์มใสๆ เน้นเรื่องป้องกันความร้อนแต่อยากได้เนื้อฟิล์มที่ทึบสามารถช่วยลดอุณหภูมิ ภายนอกรถได้ถึง 9.6 องศาทำให้ความโดดเด่นในการสะท้อนความร้อนเป็นอย่างมาก

ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Royal Privacy Package Vk 10

ฟิล์มกรองแสงที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับรถยนต์และยังมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดี 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Solitaire Series

ฟิล์มติดรถยนต์เกรดพรีเมี่ยมแบบใสตัวฟิล์มมีการเคลือบชั้นโลหะเช่นทองคำและเงินลงบนแผ่นฟิล์มใสมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดีแสงสว่าง 2000 ได้สามารถป้องกันแสงรังสีอินฟราเรดได้ 94 ถึง 98% และค่าความร้อนรวมสูงสุดอยู่ที่ 70%

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Stature Series

ฟิล์มติดรถยนต์คุณภาพสูงเน้นโทนสีดำเข้มเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดีค่าการลดความร้อนอยู่ที่ 71% ป้องกันรังสียูวีและรังสีอินฟราเรดได้ทัศนวิสัยการมองอย่างชัดเจน

5. ฟิล์มติดรถยนต์ SolarFx

อีกหนึ่งแบรนด์จากอเมริกาอย่าง Solar FX เป็นฟิล์มที่ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดโดยใช้การฝังอนุภาคนาโนเซรามิกขนาด 90 นาโนเข้าไปในเนื้อฟิล์มแทนการย้อมสีหรือการเคลือบด้วยโลหะเหมือนแบรนด์อื่นจนเกิดเป็น ฟิล์มเซรามิค คุณภาพเยี่ยมที่มีสีเข้มและสะท้อนแสงน้อยแถมยังได้รับประกันถึง 18 ปีอีกด้วย

จุดเด่นของฟิล์ม SolarFx

ตัวฟิล์มมีสีดำเข้มเป็นอย่างมากเหมาะสำหรับสายสปอร์ตที่ต้องการเพิ่มความหรูหราภายในรถแถมยังได้ความเป็นส่วนตัวนอกจากนี้ยังขับขี่ได้อย่างสบายใจฟิล์มสามารถมองเห็นได้อย่างคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืนทำหน้าที่กรองแสงรถยนต์ได้เป็นอย่างดีถึง ความเข้ม 99% ป้องกันความร้อนอยู่ที่ 93% โดยที่ไม่รบกวนสัญญาณ GPS เรื่องความทนทานสีไม่จืดจางแน่นอน

ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Xenithir

ฟิล์มรถยนต์ชนิดเซรามิกตัวฟิล์มผลิตด้วยเทคโนโลยีทับซ้อนกันประจุเซรามิกเก้าชั้นทำให้ตัวฟิล์มมีความหนาและทนทานสูงช่วยป้องกันความร้อนสะท้อนแสงแดดได้เป็นอย่างดีลดความร้อนสะสมช่วยให้ห้องโดยสารเย็นเร็ว

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Black phantom

ฟิล์มรถยนต์ ความเข้ม สีดำเข้มตัวฟิล์มมีความหนา 2 มิลลิเมตรใช้เทคโนโลยีทับซ้อนกันของประจุเซรามิกห้าชั้นสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดีลดความร้อนที่สะสมภายในห้องโดยสารการมองเห็นอย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Selective Ceramic

ฟิล์มติดรถยนต์ชนิดเซรามิกโทนสีชาสไตล์ยุโรปตัวฟิล์มมีความหนา 1.8 มิลลิเมตรกันความร้อนและป้องกันรังสียูวีได้ถึง 385 ลดความร้อนภายในสะสมของรถได้เป็นอย่างดีและมีทัศนวิสัยสบายตาไม่รบกวนการทำงานของ Easy pass

สรุปฟิล์มติดรถยนต์ที่หลายคนก็จะต้องเลือกใช้

สำหรับ ฟิล์มกระจกรถยนต์ นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ เสริมที่ช่วยป้องกันแสงแดดและช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือก ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ให้ทำการศึกษาข้อมูล ข้อดี ข้อเสีย เสียก่อนเพื่อให้ได้รุ่นที่ถูกใจเรามากที่สุดแถมไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มเพื่อซ่อมแซมให้งบบานปลายอีกด้วย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี ประจำปี 2024 ภาพสวย คมชัด ระดับ HD ราคาไม่แพง

กล้องติดรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกวิดีโอและเสียงขณะขับขี่รถยนต์เพื่อเก็บเป็นหลักฐานพร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ในด้านการขับขี่ซึ่งถ้าหากการใช้งานกล้องติดรถยนต์ปัจจุบันมีการเกิดอุบัติเหตุหรือการกีดขวางจากผู้อื่นในขณะที่ใช้ถนนร่วมกันก็สามารถสร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้

โดยคุณสามารถใช้กล้องติดรถยนต์บันทึกวิดีโอขณะเกิดเสียงหรือเกิดเหตุร้ายแรงความไม่ปกติบนท้องถนนและยังใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการ ขับขี่รถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 7 อันดับกล้องติดรถยนต์ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นดีๆ อีกมากมายเพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่และสามารถลดแรงสั่นสะเทือนได้ไม่ว่าจะขับเดินทางไกลแค่ไหนก็สามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

กล้องติดรถยนต์ ยอดนิยมประจำปี 2024 ที่มีฟังก์ชั่นคุ้มค่าราคาไม่แพง

รวม กล้องติดรถยนต์ ประจำ 2024 ที่มีเทคนิควิธีการเลือกให้มีฟังก์ชันคุ้มค่าราคาไม่แพงเลือกได้อย่างไรบ้างไปดูกันเลย โดยในวันนี้เราก็จะแนะนำกล้องติดรถยนต์ 7 รุ่นน่าใช้ในปี 2024 นี้

1. กล้องติดรถยนต์ 70mai A500s (ราคาจำหน่าย 2999 บาท)

กล้องติดรถยนต์ รุ่นแรกที่ได้อัพเดทจาก แบรนด์ ระดับโลกมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่โดดเด่นและราคาสมน้ำสมเนื้อคุ้มค่ามากกว่าใครพร้อมรูรับแสง F1.8 ที่ช่วยในการมองเห็นภาพในยามค่ำคืนในที่มืดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพขณะจอดรถได้ตลอด 24 ชั่วโมงมีระบบเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับความสั่นสะเทือนที่ผิดปกติ

จุดเด่น

  • ความละเอียดเลนกว้างมากกว่า 140 องศา
  • ระบบเตือนการออกนอกเลนและเตือนการชนด้านหน้า
  • GPS ในตัว
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและสามารถควบคุมผ่านแอพ

2. กล้องติดรถยนต์ DDPai Mola N3 (ราคาเริ่มต้นที่ 2599 บาท)

กล้องติดรถยนต์ 140 °องศา DDPAI Mola N3 Pro GPS Front and Rear Dash Cam 2K+1600P Full HD หนึ่งใน กล้องติดรถยนต์ ยอดนิยมที่สุดในประเทศไทยขายดีไปทั่วโลกพร้อมความละเอียดคมชัดมากกว่า 2K พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเก็บความละเอียดของภาพได้ดีมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในที่แสงน้อยหรือแสงมากการใช้บันทึกข้อมูลแบบทบวนจะช่วยให้ไม่เปลือง memory การ์ด ใครกำลังมองหากล้องติดรถยนต์หน้าหลัง ราคาถูก แนะนำรุ่นนี้เลย

จุดเด่น

  • ความละเอียดเลนส์ขว้าง 140 องศา
  • มี Wi-Fi และ GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและควบคุมผ่านแอพได้

3. กล้องติดรถยนต์ 70mai M300 (ราคาประมาณ 1699 บาท)

กล้องติดรถยนต์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดพร้อมกับราคาสบายกระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนแนะนำอยากให้ใช้เพราะมีความละเอียดวิดีโอมากถึง 2004 × 1296 ทำให้คมชัดกว่า 1080P 1.5 เท่า การผสมผสานระหว่าง WDR & 3D Noise Reduction technology ทำให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง มีระบบเซ็นเซอร์ และมีดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดไม่บังทัศนวิสัยขณะขับขี่

จุดเด่น

  • ความละเอียดและเลนส์กว้าง 140 องศา ครอบคลุมการมองได้ทั่วถึง สามารถบันทึกได้ครอบคลุมทุกเลนถนน
  • มีเซ็นเซอร์บันทึกภาพฉุกเฉินอัตโนมัติ G-sensor เมื่อตรวจพบเหตุการณ์ชน แรงกระแทกหรือแรงสั่นอย่างรุนแรง จะบันทึกภาพอัตโนมัติและไม่ถูกบันทึกทับ
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและควบคุมผ่านแอพได้
  • ความจุของแบตเตอรี่ 240 mAh

4. กล้องติดรถยนต์ Transcend DrivePro 10 (ราคา 2900 บาท)

Transcend DrivePro 10

กล้องติดรถยนต์แบรนด์ดังจากประเทศไต้หวันที่ได้มาตรฐานระดับโลกขนาดตัวกล้องแทบจะเล็กที่สุดในหมู่ กล้องรถยนต์ ขณะพร้อมสเปคที่สามารถดูภาพได้คมชัดช่วยให้ภาพและวิดีโอในกล้องลื่นไหลดูได้ไม่ติดขัด DrivePro 10 มีเซ็นเซอร์รับภาพความไวสูงเพื่อจับภาพที่คมชัด ความละเอียดสูง ด้วยสีสันที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แม้ในที่แสงน้อย จึงเหมาะสำหรับการถ่ายทำทั้งกลางวันและกลางคืน มาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 140° บันทึกสูงสุด 1440P 2K QHD ที่ 30fps เพื่อบันทึกทุกรายละเอียดที่สำคัญ

จุดเด่น

  • ความคมชัด 1440P 2K QHD ถ่ายได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
  • มีเซ็นเซอร์บันทึกภาพขณะฉุกเฉิน
  • แบตเตอรี่ทนทาน
  • เชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมผ่านแอพ และดาวน์โหลดฟุตเทจแบบเรียลไทม์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องถอดการ์ดหน่วยความจำออก

5. กล้องติดรถยนต์ 70mai Omni (ราคาประมาณ 5500 บาท)

70mai Omni Dash Cam X200 กล้องติดรถยนตฺ์ 4G Built-In GPS 1080P Full HD 60FPS HDR 70 mai Car Camera กล้องติดรถยนต์ 360 องศาเจ้าแรกในตลาดโดยสิ่งที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นกว่ากล้องอื่นๆคือกล้องสามารถหมุนได้รอบตัวช่วยบันทึกภาพได้แบบไร้จุดบอร์ดเห็นภาพได้เต็มมุมกล้องและลดการบิดเบือนของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเครื่องบันทึกการขับขี่แบบพาโนรามา 360° เลนส์สตาร์ไลท์มุมกว้าง 140 องศา สามารถเช็คตำแหน่งของรถของคุณได้ตลอดเวลาบนแอป ทำให้รถของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น

จุดเด่น

  • การบันทึกวิดีโอฉุกเฉิน บันทึกล่วงหน้า 5 วินาทีก่อนเกิดอุบัติเหตุและ 10 วินาทีหลังเกิดอุบัติเหตุรวมกันเป็นวิดีโอฉุกเฉิน
  • ความคมชัด 2 ล้านพิกเซล
  • มี ai และระบบเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. แสดงภาพแบบพาโนรามาได้โดยไม่มีจุดบอด
  • มี GPS และระบบ ADAS ระบุตำแหน่งที่แม่นยำของรถและติดตามความเคลื่อนไหวของเส้นทางได้
  • สั่งงานได้ด้วยเสียงภาษาอังกฤษ

6. กล้องติดรถยนต์ DDpai Mola E3 (ราคาขาย 4000 บาท)

กล้องติดรถยนต์ ที่มาพร้อมจอสัมผัสแบบแอลอีดีขนาดใหญ่ 10 นิ้วมาในรูปแบบของการใช้งานแบบแขวนกระจกมองหลังภายในห้องโดยสารสามารถใช้บันทึกภาพและใช้แทนกระจกมองหลังได้ควบคู่กันซึ่งในตัวสินค้าจะมาพร้อมกล้องหน้ารถและกล้องหลังรถเรียกได้ว่าซื้อตัวเดียวจบ

จุดเด่น

  • ความละเอียดกล้องหน้าและกล้องหลังสามารถหมุนกล้องได้ 130 องศากล้องหลังหมุนได้ 125 องศา
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมงพร้อมเซ็นเซอร์
  • หน้าจอช่วยป้องกันแสงจ้าได้

7. กล้องติดรถยนต์VlOFO A119 mini 2 (ราคาจำหน่าย 5,499 บาท)

VIOFO A119 mini 2 กล้องติดรถ 2K 60FPS ระบบควบคุมด้วยเสียง 5GHz Wi-Fi GPS รองรับภาษาไทย กล้องติดรถยนต์รุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยีจาก SONY สามารถบันทึกภาพได้ชัดมากยิ่งขึ้นและเสียงรบกวนที่น้อยลงกว่ามากพร้อมรูรับแสงที่มีเทคโนโลยีช่วยจับภาพป้ายทะเบียนรถคันอื่นๆบนท้องถนนได้อย่างชัดเจนสามารถปรับสมดุลย์ของแสงในภาพได้อย่างเหมาะสม

จุดเด่น

  • กล้องติดรถยนต์ 4k ความละเอียดเน้นกว้าง 140 องศา
  • บันทีกวิดีโอที่ความละเอียด 2560x1440P คมชัดระดับ 2K
  • มี GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วรองรับการเชื่อมต่อของ Wi-Fi ทั้งสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์และ iOS
  • สั่งงานได้ด้วยเสียง

วิธีเลือก กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี

หลักการในการเลือกซื้อ กล้องติดรถยนต์ นอกจากจะบันทึกภาพได้อย่างคมชัดแล้วก็ยังต้องเลือกกล้องที่สามารถบันทึกได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยมีฟังก์ชันการแสดงผลที่ชัดเจนภาพวิดีโอที่ได้ต้องมีความละเอียดโดยเรามีวิธีเลือกกล้องติดรถยนต์มาแนะนำให้คุณได้รับชมดังต่อไปนี้

วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์หลังจากที่เราได้รู้เหตุผลในการเลือกซื้อรถยนต์แล้วการเลือกกล้องติดรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณสามารถเลือกสรรได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพมากที่สุดควรเลือกซื้อแนวทางดังต่อไปนี้

  • ความละเอียดของกล้องติดรถยนต์

ความละเอียดของ กล้องติดรถยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ควรศึกษาให้ดีกล้องหน้ารถที่มีความละเอียดสูงจะอยู่ที่ 1080p ที่จะช่วยให้ภาพบันทึกออกมาอย่างชัดเจนเห็นรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วนนอกจากนี้อย่าลืมที่เรื่องของจิ๊บประมวลผลเลนส์กล้องหน้ากล้องหลังที่จะทำให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

  • การบันทึกภาพในตอนกลางคืน

เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในยามกลางวันและกลางคืนในที่ที่มีแสงสว่างน้อยดังนั้นควรควรเลือกกล้องหน้ารถที่มีความชัดในการบันทึกภาพยามค่ำคืนสามารถเก็บภาพต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆได้อย่างง่ายดายในสภาวะที่ซับซ้อนหรือในสภาวะที่ติหรือเรียกว่าแสงน้อยนั่นเอง

  • เลือกมุมกล้อง

ควรเลือก กล้องติดรถยนต์ ที่มุมมองเกิน 100 องศาที่สามารถบันทึกภาพได้อย่างมุมกว้างเมื่อเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนสามารถเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนจากกล้องหน้ารถ

  • อัลตราเฟรมเลท

เมื่อให้ภาพของ กล้องติดรถยนต์ ออกมาคมชัดอย่าลืมที่จะเช็คเครื่องของอัลตราเฟรมที่จะเป็นตัว แสดงความลื่นของวิดีโอที่กล้องติดรถหน้าบันทึกไว้ถ้าหากเฟรมเลทมีจำนวนเยอะก็จะช่วยให้ภาพออกมาดูคมชัดและสมมติแต่ถ้าหากมีอัตราเฟรมน้อยก็จะทำให้เกิดการกระตุกดูไม่ค่อยรู้เรื่องเน้นในเรื่องความจำที่เพิ่มมากขึ้นถ้าหากเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีอัตราเฟรมสูงก็เพียงพอต่อการใช้งาน

  • ความสว่างของหน้าจอในการติดกล้องรถยนต์

ความสว่างของหน้าจอในการติดกล้องรถยนต์ควรควบคุมปริมาณของแสงที่เข้ามาภายในกล้องควรเลือกกล้องติดหน้ารถที่มีมีค่ารูรับแสงที่ต่ำเพื่อให้ถ่ายภาพได้สว่างและชัดเจนภาพเหตุการณ์ออกมาคมชัดดูได้อย่างสว่างมากกว่าเดิม

  • เซ็นเซอร์

ข้อควรสำคัญอีกหนึ่งอย่างในการติดกล้องรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้มั่นใจขณะขับขี่ในระบบเซ็นเซอร์จีจะเป็นตัวช่วยตั้งรับแรงสั่นสะเทือนจากตัวรถที่เกิดขึ้นแบบฉุกเฉินหรือกระทันหันขณะบันทึกภาพในขณะที่รถโดนกระแทกแยกไฟล์พิเศษออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการซับซ้อนหรือข้อมูลสูญหายเป็นฟังก์ชันพิเศษในรถยนต์เป็นอย่างมาก

  • มีการรับประกันจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน

ควรเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์จากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและมีการรับประกันซึ่งในปัจจุบันมีหลายร้านที่จำหน่ายมีหลายรุ่นที่แตกต่างกันออกไปสินค้าที่รับประกันจะช่วยสามารถยื่นซ่อมหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดการชำรุดเสียหาย

  • ราคากล้องติดรถยนต์

ปัจจุบันกล้องติดรถยนต์มีจำหน่ายหลายแบนและหลายรุ่นมีหลายราคาให้คุณเลือกซื้อตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับรูปแบบและคุณสมบัติควรตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกซื้อกล้องติดรถแล้วเลือกให้เหมาะสมพร้อมทั้งพิจารณาความคุ้มค่าคุณสมบัติ กล้องหน้ารถ ต่างๆที่จะช่วยให้คุณเลือกได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

เหตุผลที่คุณควรมีกล้องติดรถยนต์

กล้องติดรถยนต์เป็นผู้ช่วยมืออาชีพที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนบันทึกภาพและเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างรวดเร็วในวันนี้เราจะมาบอกเหตุผลว่าทำไมเราควรเลือกซื้อกล้องหน้ารถ

  • กล้องติดรถยนต์ ใช้สำหรับบันทึกเหตุการณ์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

การมีกล้องติดรถยนต์จะช่วยให้คุณนั้นสามารถตกลงพูดคุยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการยืนโต้เถียงโดยไร้หลักฐานเพราะกล้องจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างครบถ้วนถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างยิ่งในการเคลียร์ปัญหา

  • กล้องรถยนต์สามารถบันทึกเหตุการณ์จับคนร้ายที่เข้ามาขโมยของหรือก่ออาชญากรรม

การใช้หลักฐานเป็น ข้อดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นหรือมีเจตนาที่คู่กรณีจะทำร้ายเราสามารถใช้กล้องติดหน้ารถบันทึกภาพเมื่อคู่กรณีเห็นกล้องก็จะไม่สามารถลงมือเพราะกลัวการบันทึกภาพเป็นการป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี

  • กล้องติดรถยนต์สามารถใช้ในการลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์

สามารถลดเบี้ยประกันภัยได้โดยมีคำสั่งในบริษัทประกันภัยเริ่มใช้เมื่อตั้งแต่วันที่สามมีนาพ.ศ. 2560

  • กล้องหน้ารถสามารถบันทึกเหตุการณ์

กล้องหน้ารถสามารถช่วยจดจำและบันทึกเหตุการณ์ในเส้นทางที่เราไม่คุ้นชินไม่รู้ว่าจะกลับทางเดิมอย่างไรก็สามารถเปิดกล้องหน้ารถช่วยให้มองเห็นการขับผ่านมาได้อย่างชัดเจน

  • บันทึกภาพขณะจอด

 เชื่อว่าหลายคนอาจประสบปัญหาโดนชนในที่จอดรถจนทำให้มีรอยถลอกหรือรอยบุบตามมาการติดกล้องรถยนต์แบบกระจกมองหลังจะช่วยบันทึกภาพและจัดการผู้ทำผิดได้อย่างง่ายดายบางรุ่นอาจจะมีโหมดสำหรับการบันทึกระหว่างจอดรถเมื่อเกิดการสั่นสะเทือนอีกด้วย

  • กล้องติดรถยนต์ช่วยสร้างความมั่นใจในขณะขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

กล้องติดรถยนต์ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดเมื่อเกิดอุบัติเหตุและความเสี่ยงด้านต่างๆขณะบุญท้องถนนที่กล้องจะทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

  • บันทึกภาพความประทับใจจากกล้องหน้ารถ

เมื่อต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่มีวิวอันสวยงามหรือถนนที่มีความน่าประทับใจรวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆเราก็สามารถเปิดการบันทึกจาก กล้องติดรถยนต์ เก็บไว้เป็นความทรงจำได้เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เราสามารถสร้างความสุขและความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

สรุปในการเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน

สรุปแล้วการใช้ กล้องติดรถยนต์ หน้า หลัง รถมีข้อดีเป็นอย่างมากเพราะสามารถช่วยบันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งนี้เราจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์และประโยชน์จากกล้องให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการบันทึกในที่แสงน้อยยามค่ำคืนหรือความทนทานของแบตเตอรี่กับตัวกล้องพร้อมกับระบบจัดเก็บข้อมูลที่เราจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของแต่ละรุ่นแต่ละ ยี่ห้อ สิ่งสำคัญนั่นก็คือราคาเลือกกล้องคุณภาพดีมีความเหมาะสมในงบประมาณของตัวเอง เสริมความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ได้ในยุคสมัยนี้เลย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ

เปิดตัวกับรถยนต์ tesla model 3 ไฟฟ้าซีดานรุ่นใหม่ ที่ขอยกให้เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่าโดดเด่นในเรื่องการจัดพลังงานและ option เสริมเอาใจคนสมัยใหม่อย่างสุดๆ เน้นเรื่องความสบายในการขับขี่พร้อมช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่กับเบาะที่นั่งที่ต่อยอดมาจากโมเดล 3 refresh ที่ส่งมาไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นรถยนต์ ที่ใครๆ ก็อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของเพราะมีความสะดวกสบายคุ้มค่า

ทำความรู้จัก Tesla Model 3 ก่อนการตัดสินใจซื้อ

เปิดตัว tesla model 3 Performance รุ่น 2024 อย่างเป็นทางการโดยมีการต่อยอดจาก tesla model 3 Refresh ส่งมอบไปก่อนหน้านี้แถมยังมีการอัพเกรดเพิ่มประสิทธิภาพในรถใหม่ในทุกมิติปรับการออกแบบภายนอกและภายในให้มีความแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน

  • พร้อมกับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,149,000 บาท
  • ตัวรถใช้ระบบขับเคลื่อนรุ่นที่ 4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • พร้อมหม้อกำลังได้มากกว่าเดิมถึง 22%
  • พร้อมภาระกำลังแรงม้าสูงสุดเพิ่มขึ้น 32% เพิ่มแรงบิด 16%
  • และแม้ว่าจะได้พลังมากขึ้นแต่กลับใช้พลังน้อยลงกว่าเดิม
  • ตัวรถสูงถึง 510 แรงม้าแรงบิดสูงสุดถึง 741 นิวตันเมตร
  • ความเร็วได้สูงสุด 262 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 2.9 วินาที

ถือว่าเป็น Tesla Model 3 รุ่นที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาส่วนระยะทางการขับขี่อยู่ที่ 528 กิโลเมตรตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา

  • ส่วนเวอร์ชั่นไทยมอบพละกำลังสูงสุดถึง 460 แรงม้า
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.1 วินาที
  • ล้อใช้ล้อฟอร์ดอันลอยขนาด 20 นิ้ว

และเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะได้มากยิ่งขึ้นในทุกมิติและยังมาพร้อมกับความสบายใจลดอาการโคลมของตัวรถได้ดีขึ้น และเพิ่มระยะทางการขับขี่ให้ไกล และยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ในสนามการแข่งขันควบคุมการทำงานของมอเตอร์ได้โดยตรง ปรับช่วงล่างได้ปรับแต่งระบบระบายความร้อนและที่สำคัญส่งกำลังและระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถได้ในโหมดเดียวเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกอย่างสูงที่สุดสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งขัน

ช่วงล่างของ Tesla Model 3 

มาพร้อมกับช่วงล่างที่ช่วยปรับแต่งการการทำงานของผู้ขับขี่อย่างอัตโนมัติ ตามสภาพถนนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถในทุกมิติทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือการขับขี่ในวันสบายๆ โดยตัวรถจะถูกควบคุมโดยโปรแกรมเทสล่า ที่พัฒนาขึ้นเองนั่นหมายความว่าเพิ่มประสิทธิภาพช่วงล่างในอนาคตจะสามารถทำได้ด้วยการอัพเดทซอฟต์แวร์

Tesla 3 กับการอัพเกรดอากาศพลศาสตร์

เมื่อเปรียบเทียบกับ tesla model 1และ2 tesla model 3 มีการอัพเดท

  • ชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกใหม่ส่งผลโดยตรงในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ของตัวรถลดแรงต้านอากาศได้มากถึง 5%&
  • ลดอาการหน้าลอยและเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องการยึดเกาะได้มากกว่าเดิมถึง 55% เมื่อเทียบกับ Tesla Model 3 Performance ในรุ่นเดิม
  • เบาะนั่งใหม่แบบสปอร์ต ให้ฟังก์ชันความสะดวกสบายแต่มีการอัพเกรดในส่วนของการรองรับร่างกายด้านข้างทำให้เพิ่มความมั่นคงกับผู้ขับขี่ ที่จะต้องเลี้ยวโค้งแบบหนักๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นเพราะจะช่วยทำให้ร่างกายของเราไม่โยนออกไปมากนักขณะนั่งอยู่

Tesla Model 3 ในประเทศประเทศไทย

รถยนต์แบบซีดานพลังงานไฟฟ้าที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก tesla model 3 รุ่นก่อนหน้าที่ออกจัดจำหน่ายมาอย่างยาวนานถึง 6 ปีตอนนี้ได้ปรับโฉมใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยมีการปรับปรุงใหม่ทั้งภายนอกและภายในอัดฟีเจอร์ ที่จำเป็นเข้าไปเพิ่มเติมหลายอย่างให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพัฒนาและขับเคลื่อนรถให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับถูกเปิดเผยโฉมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยา 2566 เวลา 07:00 น. ตามเวลาประเทศไทยส่วนรุ่นเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้เปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2567 โดยมีราคา Tesla Model 3 2024 ในประเทศไทยดังต่อไปนี้

ชื่อรุ่นราคา
Tesla Model 3 Rear Wheel Drive 20241,599,000 บาท
Tesla Model 3 Long Range 20241,899,000 บาท
Tesla Model 3 performance 20242,149,000 บาท

Tesla Model 3 มีอะไรใหม่บ้างในปี 2024

tesla model 3 ได้อัพเกรดคุณสมบัติมากมายที่ทำให้ประสบการณ์ในการขับขี่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็น

  • การปรับเปลี่ยนพวงมาลัยให้เป็นแบบมัลติฟังก์ชันพิเศษ ต่างจากเดิมเพราะช่วยลดความยุ่งยากขณะขับขี่
  • ทำให้ผู้ขับขี่สามารถคลิกแค่เพียงครั้งเดียว ก็สามารถถึงฟังก์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณไฟเลี้ยว หรือไฟสูง
  • นอกจากนี้ยังมีการควบคุมจากฝั่งทางด้านซ้ายสามารถปรับโหมดการเร่งความเร็วความสว่างทางหน้าจอและการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย
  • ในส่วนของห้องโดยสารที่มีการประกอบจากเทคโนโลยีสิ่งทอต่างๆ แบบอะลูมิเนียมที่เรียบง่ายมากที่สุดให้ความกลมกลืนและความสำคัญมีความยั่งยืนที่จะคำนึงถึงสภาพแวดล้อม
  • ห้องโดยสารที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ เพราะได้มีการอัพเกรดเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญทั้งตัวถังที่มีมาตรฐานสูง
  • โครงสร้างประตูที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เสริมด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่งแบบใหม่รถอาการบาดเจ็บทั้งคนนั่งและผู้โดยสารขณะมีการชนยิ่งไปกว่านั้น 
  • ปรับปรุงเรื่องการลดเสียงรบกวนด้วยการแบบใหม่ใช้กระจกแบบกันเสียง 360 องศาช่วยเพิ่มความเงียบภายในห้องโดยสารและสามารถลดเสียงๆ รบกวนจากถนนภายในได้มากถึง 31% ในช่วง 50 ถึง 100 Hz

นอกจากนี้ยังมีภาระกำลังมหาศาล ด้วยอัตราการเร่งที่ตอบสนองพร้อมกับความสามารถในการใช้พลังงานแบบต่ำได้ทำให้รถโมเดล 3 อัพเกรดใหม่ยังคงความเป็นเลิศในฐานะของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับได้ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัดตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ในสภาพแวดล้อมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสั้นหรือเดินทางไกลรถโมเดล 3 จึงมีคุณสมบัติที่มอบความสะดวกสบายความปลอดภัยและความยั่งยืนให้แก่ผู้ขับขี่ได้ทั้งหมด

Tesla Model 3 2024 เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอะไรไปบ้าง

tesla model 3 การเปลี่ยนแปลงหลายจุดดังต่อไปนี้

  • ตัวรถที่กว้างขึ้นยาวขึ้นแต่ความเตี้ยลดลง
  • ขับได้ไกลขึ้น 4.5%
  • ตัดเซ็นเซอร์รอบคันออกใช้เทสล่าวิชั่นแทน
  • มีไฟเตือนมุมอับสายตา
  • ไฟหน้าแอลอีดีดีไซน์ใหม่มีความมินิมัลมากยิ่งขึ้น
  • ไฟท้ายแอลอีดีดีไซน์ใหม่มินิมัลมากกว่าเดิม
  • ชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่
  • ชุดฝาท้ายและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
  • เพิ่มประสิทธิภาพของกล้องรอบคันทำให้มีความละเอียดสูงมากยิ่งขึ้น
  • เพิ่มจอมัลติมีเดียขนาด 8 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • เสริมบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วยการตกแต่ง
  • พวงมาลัยดีไซน์ใหม่เพิ่มปุ่มควบคุมจำนวนมาก
  • ตัดก้านหลังพวงมาลัยออกทั้งหมด
  • ระบบเกียร์อยู่ในหน้าจอเหมือนโมเดล s,x
  • เปลี่ยนแผงคอนโซลหน้าใหม่ทั้งหมด
  • เบาะหลังใหม่พร้อมระบายอากาศ
  • กระจกแบบลดเสียงรบกวน
  • อัพเกรดเครื่องลำโพงเป็น 17 ตัว
  • ช่วงล่างมีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

รีวิวการขับ Tesla Model 3 ก่อนการตัดสินใจซื้อจริง

tesla model 3 ทดสอบภารกิจขับจาก กรุงเทพ ไปยัง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ ฝั่งปราจีนบุรีขับไปถึงอ่างเก็บน้ำสาย 2 จังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้ากลับ กรุงเทพ ด้วยระยะทางรวมทั้งหมดเกือบ 400 กิโลเมตรเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถในทุกมิติตั้งแต่เรื่องการขับขี่พละกำลังช่วงล่างระบบการจัดการพลังงานระบบช่วยเหลือการขับขี่ รวมถึงการเก็บเสียงพร้อมกับระบบชาร์จแบบแบตเตอรี่ 100% เต็มรีเซ็ททริปใหม่และออกเดินทางทันที เพื่อดูเรื่องการจัดการพลังงานของรถทั้งหมดด้านการขับขี่เราจะใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและ 70% ของการ เดินทางใช้โหมด auto pilot ในการขับทั้งหมด สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ

  • ช่วงล่างที่มีความนุ่มนวลเป็นอย่างมาก
  • สามารถซับแรงกระแทกต่างๆไม่ว่าจะเป็นหลุมลูกระนาดหรือการขูดราดยางถนนต่างๆที่ไม่เรียบตัวช่วงล่างของรถสามารถเก็บอาการได้อย่างอยู่หมัดไม่มีอาการตึงๆ
  • พร้อมสัมผัสช่วงล่างมีความเป็นพรีเมียมสูงแตกต่างจากรุ่นเดิมได้อย่างชัดเจน

เหตุผลมาจากการปรับปรุงชุดช่วงล่างใหม่ทั้งหมดส่งผลทำให้ซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมอีกทั้งยังเป็นการขับขี่บนถนนที่ซับซ้อนและมีทางชันเร่งขึ้นไปอย่างสบายๆ ด้วยจุด ถ่วงที่ต่ำมากและยังมีภาระกำลังที่ล้นเหลือทำให้เราสามารถเดินทางขึ้นเขาที่โค้งซับซ้อนและลาดชันแบบไร้รอยต่อ เพียงกดคันเร่งรถก็สามารถพุ่งทะยานไปได้ไกลทันที บอกเลยว่าความสัมพันธ์ในประสบการณ์ต่างๆ นั้นมีความชิวอย่างสมชื่อและค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้รบมากเลยทีเดียวมีความเป็นรถสปอร์ตตัวแรงอย่างแท้จริง แถมยังขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและค่อยๆ เพิ่มลดความเร็วเป็นไปอย่างตามระดับถูกใจช่วงล่างเพราะมีความนุ่มนวลและที่สำคัญถ้าหากต้องการ ใช้เป็นรถบ้านแบบเดิมๆ เราก็ขอแนะนำกันได้เลยเพราะจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนกำลังฝันถึงนั้นเป็นจริงแล้ว

Tesla 3 รุ่นใหม่ไม่มีเกียร์จะต้องขับอย่างไร

รถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 ไม่มีเกียร์จะขับได้อย่างไรคำตอบเลยก็คือจะใช้งานแค่สองครั้งระหว่างออกตัวรถกับระหว่างการขับขี่เราจะไม่ใช้เกียร์กันอยู่แล้วโดยคันเกียร์รถจะถูกเอาออกไปและเอาไปไว้ที่ฝังหน้าจอด้านขวาแทนเหยียบเบรกปัดขึ้น เพื่อเดินหน้าปัดลงเพื่อถอยหลังกดปุ่ม P ด้านบนเพื่อจอดและกดปุ่ม N เมื่อใส่เกียร์ว่างในกรณีฉุกเฉินจอดับสตาร์ทไม่ติดจะมีชุดเกียร์สำรองติดตั้งอยู่ที่เพดานบริเวณไฟฉุกเฉินถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างจอกับเกียร์เพดานในการขับขี่ทั่วไปเกียร์หน้าจอใช้ง่ายที่สุด ส่วนกรณีที่ต้องเปิดออโต้ไพล็อตให้กดปุ่มวงกลมฝั่งขวาเพื่อเปิดระบบแทน

Tesla Model 3 ใช้ไฟฟ้าเปลืองพลังงานไหม

tesla model 3 ทดสอบโดยการ

  • จอดรถตากอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียสและเปิดแอร์ที่ 21 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
  • พบว่าใช้ไฟไปทั้งหมด 6% ทดสอบการขับขี่ทั้งหมดอยู่ที่ 367 กิโลเมตร
  • อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าอยู่ที่ 139 กิโลวัตต์หรือ 7.19 หน่วยต่อกิโลเมตรใช้ไฟฟ้าไปทั้งหมด 76% คิดเป็นปริมาตรไฟฟ้า 57 กิโลวัตต์คิดเป็นเงินทั้งหมด 171 บาท

สรุปรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เหมาะกับใคร

โดยสรุปแล้วสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 แบบซีดานในงบไม่เกินสองล้านบาทนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์มากที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดดเด่นด้วย option และซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาดรถยนต์โลกจัดการพลังงานต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมทำให้รถยนต์คันนี้แม้จะวิ่งทางไกลแต่มีขนาดขแบตเตอรี่ไม่ได้ใหญ่มากนัก พร้อมกับระบบการช่วยเหลือการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดช่วยเหลือเราได้ทุกเหตุการณ์ หากไม่ติดขัดในเรื่องเกียร์หรือก้านไฟเลี้ยวต่างๆ นี่คือรถยนต์ที่ดีที่สุดในตระกูลรถไฟฟ้าเลยทีเดียว

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y เทสล่าตัวใหม่ ต่างจากเดิมยังไง

เปิดตัวกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วในวันนี้ เปิดขายแล้วในประเทศเยอรมัน

  • พร้อมทำระยะทางการขับขี่ได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 
  • ราคาเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านบาท
  • โดยรุ่นที่จะทำระยะทาง 600 กิโลเมตรนี้จะต้องใช้ล้อแบบอัลลอย 19 นิ้วเท่านั้นหากใช้ล้ออัลลอย 20 นิ้วระยะทางขับไกลสุดจะลดเหลือแค่เพียง 565 กิโลเมตรตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกา

เป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกคนด้วยโอกาสที่จะมีการพลิกคว่ำและบาดเจ็บผู้โดยสารจึงจะทำให้ออกมาปลอดภัยเท่าที่ที่สุด จนกว่าจะเป็นไปได้พร้อมความปลอดภัยขั้นสูงช่วยลดความรุนแรงขณะชนป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟีเจอร์ระบบการเตือนการชนด้านหน้าระบบเบรกแบบฉุกเฉินและระบบหลีกเลี่ยงการออกนอกช่องจราจรทั้งหมด ล้วนเป็นมาตรฐานที่มามาพร้อมกับความปลอดภัยบนรถยนต์ของเรา เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกและสามารถขับไปได้ไกลในทุกที่ด้วยระยะการวิ่ง 533 กิโลเมตรทำได้มากกว่าการขับขี่เพราะสามารถเล่นเกมภาพยนตร์หรือทำในสิ่งที่ชื่นชอบด้วยการสัมผัสหน้าจอขนาด 15 นิ้วห้องโดยสารที่กว้างขวางปรับด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่สูง เพลิดเพลินไปกับการวางขาที่เพียงพอทั้งเบาะหน้าและเบาะหลังรวมถึงสัมภาระที่ปลอดภัยทั้งหมดสำหรับรถยนต์คันนี้

พบกับราคา Tesla Model Y ก่อนการตัดสินใจซื้อ

ราคาจำหน่ายของ tesla model y ในประเทศเยอรมัน ผลิตจากโรงงาน Giga Berlin มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยด้วยกัน

รุ่นราคา
Tesla Model Y Rear-wheel drive1.79 ล้านบาท
Tesla Model Y Long Range Rear-wheel drive1.94 ล้านบาท
Tesla Model Y Long range All-wheel drive2.19 ล้านบาท
Tesla Model Y Performance All-wheel drive2.39 ล้านบาท

ทำความรู้จักแบบเจาะลึกกับ Tesla Model Y ที่ดีที่สุดประจำปี 2024

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถ Suv รองลงมาจาก Tesla Model X โดดเด่นด้วยรถยนต์นั่งตัวถังแบบ 5 ประตูมีขนาดเล็กกะทัดรัดและที่สำคัญเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูกมากกว่ารุ่นพี่เป็นเท่าตัวสามารถเข้าถึงได้ง่ายและจับจองกันได้แล้วโดยใน ประเทศสหรัฐอเมริกา tesla model y มีราคาเทียบเท่ากับ

  • BMW x3 Series
  • Mercedes benz GLC Class

แม้รถยนต์ Tesla Model Y จะมีลักษณะคล้ายเคียงกันกับ Tesla Model 3 แต่ถ้าดูจริงๆก็จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่และรถที่สูงกว่าหรือมีความกว้างกว่ากันพอควรโดยรถยนต์ tesla model y จะอยู่ในพิกัดเดียวกันกับรถยนต์ BMW x3 Series และ Mercedes benz GLC Class

Tesla Model Y โครงสร้างและตัวถังของรถยนต์คันนี้

โครงสร้างของรถยนต์ tesla model y เน้นหนักไปที่ความปลอดภัยเป็นหลักมักถูกออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ มาโดยเฉพาะเพื่อที่จะกระจายแรงได้ดีเยี่ยมการันตีความปลอดภัย 5 ดาวจากสถาบันทดสอบความปลอดภัยอันเกิดจากมาตรฐานยุโรปหรือมาตรฐานสหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดกับรถยนต์ Tesla Model Y ก็ผ่านมาทั้งหมด 5 ดาวเช่นเดียวกันเป็นรถยนต์ตัวแรกที่ทำให้มีโครงสร้างตัวรถที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมผลิตได้เร็วกว่ารถยนต์แบบเดิมโดยใช้แม่พิมพ์ขึ้นรูปตัวถังส่วนท้ายขึ้นมาจากเดิมที่จะต้องใช้ชิ้นส่วนโลหะถึง 70 ชิ้นเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งชิ้นใช้พิมพ์ขึ้นรูปในชิ้นเดียวซึ่งทำให้มีความแข็งแรงส่วนด้านหน้าของรถยนต์ tesla model y ใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบตามพิมพ์นิยมของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มระบบด้วยไฟตัดหมอกด้านข้างลายเส้นของตัวรถจะดูแตกต่างจาก Tesla Model Y ค่อนข้างมากด้วยลักษณะของหลังคาที่ถูก ดึงขึ้นให้สูงกว่ารถยนต์ model3 อย่างชัดเจนส่วนฟีเจอร์ต่างๆก็เรียกได้ว่ามาครบครันแบบมือจัดเต็มประตูเนียนไปกับตัวรถหลังคาแก้วแบบพาโนราม่า กล้องรอบคันพร้อมกับระบบ auto pilot

พบกับระบบช่วยขับขี่ auto pilot เวอร์ชั่นใหม่มีอะไรบ้าง

ระบบช่วยขับขี่ในรถยนต์ tesla model y ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยแบ่งหัวข้อไว้ดังนี้ระบบสามารถขับอัตโนมัติตามเส้นทางที่กำหนดไว้ระบบเปลี่ยนเลนส์อัตโนมัติระบบถอยจอดอัตโนมัติระบบเรียกรถมาหาเราระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติเวอร์ชั่นอัพเกรดและระบบหยุดรถตามสัญญาณไฟจราจร การเดินทางที่สงบมากยิ่งขึ้นช่วยให้รถของคุณนั้นสามารถบังคับเลี้ยวและเร่งความเร็วเบรกได้อัตโนมัติโดยช่องจราจรของคุณภายใต้การควบคุมดูแลแบบแอคทีฟ ช่วยให้การตัดสินใจที่ยากลำบากเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ผ่านกับระบบใช้งานที่มีความทันสมัยและมีการรับประกันถึง 4 ปีหรือ 80,000 กิโลเมตรไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อนพร้อมกับแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อน 8 ปีหรือ 192,000 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากระจกรอบคันที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความโปร่งโล่งสบายขณะนั่งและทำให้รู้สึกว่านี่คือรถยนต์ล้ำหน้าล้ำสมัยในอนาคต ที่จะพาทุกคนนั้นเดินทางด้วยความปลอดภัยในราคาที่จะจับต้องได้และสามารถนั่งได้สูงสุดถึง 5 คนพร้อมกับมีอัตราการเร่งความเร็วอยู่ที่ 3.7 วินาทีหรือว่าศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรนั่นเองพร้อมกับยังมีโหมดสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงเอาใจสำหรับคนที่ เลี้ยงน้องหมาหรือน้องแมวทำให้เพื่อนของคุณนั้นรู้สึกสบายใจขณะที่คุณไม่อยู่ในรถอีกด้วย นับว่ารถยนต์คันนี้เป็นทุกๆอย่างสำหรับรถครอบครัวหรือว่าเป็นรถสำหรับการเดินทางไกลใช้สำหรับการท่องเที่ยวต่างๆก็สุด 100,000 ที่จะดูแลอย่างง่ายดายขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์คู่ทำให้มั่นใจในทุกการเดินทางและสามารถปลอดภัยได้ทั้งคนขับและผู้ ใช้ถนนร่วมกันในการเดินทาง

  • รุ่น Rear – wheel Drive ได้ล้อ Gemini Wheels ขนาด 19 นิ้ว
  • รุ่น Long Range จะได้ล้อขนาด 20 นิ้วเป็นขนาดมาตรฐาน
  • รุ่น performance จะได้ล้อขนาด 21 นิ้ว

ด้านท้ายของตัวรถหลังคาถูกออกแบบให้มีลายเส้นราบลงมาถึงไฟท้ายใช้แบบ LED เต็มระบบ

Tesla Model Y กับระบบภายในที่ดีที่สุด

เข้ามาถึงที่ภายในห้องโดยสารยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยมินิมอลตัดด้วยลวดลายไม้สไตล์เทสล่าไว้เป็นอย่างดี ด้วยการตกแต่งภายในของเขาจะดูโดดเด่นด้วยหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15 นิ้วที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของตัวรถทั้งคันเอาไว้ในหน้าจอเดียวพวงมาลัยทรงปกติมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบจอยสติ๊ก สองปุ่มเท่านั้นครอบคลุมการสั่งการของรถโดยส่วนใหญ่ tesla model y จะไม่มีหน้าจอเรือนใหม่ของผู้ขับมาให้ด้านใต้จอมีแท่นสายชาร์จไร้สายมาให้สองช่อง หลังคาแก้วแบบเต็มตาทำให้โปร่งโล่งสบายตาต่างจากรถยนต์ Molel 3 ที่จะมีคานพาดผ่านตรงกลางเบาะด้านหลังมาพร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้วตรงกลางสามารถพับเบาะแบบเรียบได้เครื่องเสียงใช้ลำโพง 14 ตัวพร้อมกับคุณภาพภายในห้องโดยสารระดับสตูดิโออัดเสียง ระบบความบันเทิงภายในของเวอร์ชั่นประเทศไทยมาครบครันพร้อมทั้ง YouTube Netflix และอื่นๆอีกมากมาย

สิ่งอำนวยความสะดวก Tesla Model Y ที่ทุกคนควรรู้

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เราก็จะมาบอกสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเปรียบเทียบข้อแตกต่างเพื่อที่จะได้ตัดสินใจง่ายระหว่างการซื้อ

  • ระบบช่วยขับขี่ auto pilot
  • ระบบปรับอากาศขั้นสูง
  • ระบบเสียงเสมือนจริง
  • พอร์ตพร้อมอุปกรณ์จัด เก็บข้อมูล 128 จิ๊ก
  • แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายสองเครื่อง
  • กระจกมองข้างแบบตัดเลนปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า
  • ระบบอุ่นเบาะนั่งและพวงมาลัย
  • เบาะ นั่งคู่หน้าปรับโดยระบบไฟฟ้า

Tesla Model 3 กับ Tesla Model Y ในปี 2024 เลือกรุ่นไหนดี

เริ่มเปรียบเทียบกันด้วยสมรรถนะของตัวรถ Tesla Model 3 จะมีสองรุ่นย่อยเท่านั้น

  • มีพละกำลังอยู่ที่ 441 แรงม้า
  • แรงบิด 493 นิวตันเมตร
  • ทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.4 วินาที
  • และความเร็วได้สูงสุดถึง 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนฝั่ง tesla model y

  • มอบพละกำลังมาถึง 527 แรงม้าและแรงบิด 660 นิวตันเมตร
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที
  • และความเร็วได้สูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ถ้าวัดกันในเรื่องของความแรง tesla model y จะแรงมากกว่าเพราะพละกำลังจะอยู่ที่ 283 แรงม้าและแรงบิด 420 นิวตันเมตร
  • อัตราการเร่งจะต่างกันอยู่ที่ 6.1 วินาทีส่วน Tesla Model Y จะต่างกันอยู่ที่ 6.9 วินาทีเพราะมาจากขนาดตัวรถ

Tesla Model Y ที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีต้านลมที่มากกว่าพอสมควรมาต่อกันที่แบตเตอรี่ทั้งคู่ใช้สเปคเดียวกันระยะทางการขับขี่ก็แตกต่างกันพอสมควรโดยขณะที่ Tesla Model 3 ทำระยะทางการขับขี่ได้ที่ 513 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง tesla model y ทำระยะทางการขับขี่ได้สูงสุด 455 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งต่างกันมากถึง 50 58 กิโลเมตรหรือ 13% เลยทีเดียวมาต่อกันที่ขนาดของตัวรถยนต์ Tesla Model 3 จะมีความยาวอยู่ที่ 4720 มิลลิเมตรกว้าง 1850 มิลลิเมตรสูง 1441 มิลลิเมตรระยะฐานล้อ 2875 มีความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 138 มิลลิเมตรส่วน Tesla Model Y มีความยาว 4751 มิลลิเมตรกว้าง 1921 มิลลิเมตรสูง 1624 มิลลิเมตรระยะทางล้อ 2890 มิลลิเมตรมีความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 172 มิลลิเมตรจะเห็นได้ว่าความแตกต่างกันมีความชัดเจนเป็นอย่างมากในทุกมิติส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระของรถยนต์ Tesla Model 3 สามารถจุได้ 682 ลิตรและเก็บใต้ฝากระโปรงได้อีก 88 ลิตรส่วนลดรถยนต์ Tesla Model Y ความจุด้านหลังมากถึง 971 ลิตรหรือจุได้มากถึง 42% และใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 117 ลิตรหรือจุมากกว่า 32%

สรุปกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Tesla Model Y เหมาะกับใครบ้าง

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณนั้นจะต้องคำนึงถึงและพิจารณาก่อนที่จะซื้อเพราะเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่มีพื้นที่จุดสัมภาระเยอะตอบโจทย์มากกว่าอย่างชัดเจนแต่ถ้าหากอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นระยะขับไกลมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ พร้อมกับจอเบาะคู่หน้าต้องเลือกรถยนต์ Tesla Model 3 เท่านั้น แต่ถ้าหากคุณเป็นวัยทำงานที่หลงใหลใน tesla model y ก็ขอแนะนำเลยเพราะมีความล้ำหน้าล้ำสมัยเป็นอย่างมากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พาโฉบเฉี่ยวไปในทุกที่ที่คุณต้องการไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยที่ใส่มาไว้ในรถคันนี้แล้ว ชาร์จได้ทุกที่และวิ่งได้มากมายสำหรับการขับขี่ทุกประเภทเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวหรือจะเป็นรถยนต์ที่คุณขับไปทำงานในทุกๆวันก็สะดวกรวดเร็วปลอดภัยถึงที่หมายอย่างแน่นอนขอแนะนำเลย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ที่สุดของการเปิดตัวรถยนต์ BMW M4 สุดโหด

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2020 ที่ผ่านมาประเทศเยอรมนีได้เปิดตัวรถยนต์สายโหดอย่าง BMW M4 ซีดานและรถยนต์คู่ใจที่มาสานต่อตำนานความแรงของรถยนต์ของบรรพบุรุษ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถพัฒนากลายเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ ที่เพิ่มความดุดันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีกระจังหน้าที่แปลกแหวกแนว พร้อมกับการขับเคลื่อน 4 ล้อจนทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นจะต้องสะดุดสายตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลย

ทำความรู้จัก BMW M4 G82

BMW M4 vs BMW M3 ที่สุดของรถยนต์รุ่นใหม่ BMW M3 รหัสตัวถัง G80 ในขณะที่ BMW M4 ใช้รหัสตัวถัง G82 รถทั้ง 2 รุ่นนี้มีการประกอบ จากโรงงานคนละที่กันซึ่งการประกอบของรถยนต์นั้นจะมีการใช้

  • เกียร์คัดคู่ 7 สปีดที่มาเป็นเกียร์อัตโนมัติ 
  • 8 สปีดนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
  • เป็นอุปกรณ์เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 3.0 ลิตรรุ่นเดียวกันกับ X3M และ X4M
  • มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • โดยจะออกแบบรูปร่างหน้าตามิติตัวถังอยู่ที่ความยาว 4794 มิลลิเมตรยาวกว่ารุ่นเดิมถึง 123 มิลลิเมตรระยะล้อ 2857 มิลลิเมตรเพิ่มขึ้น 45 มิลลิเมตร
  • ขนาดความกว้าง 1887 ความสูง 1393 มีห้องโดยสารที่สูงมากกว่าเดิมเล็กน้อย

ส่วนอัตราความกว้างของระยะแท็กล้อหน้าก็จะมีความกว้างมากยิ่งขึ้นปรับระยะความกว้างของล้ออีก 38 มิลลิเมตรความกว้างล้อหลังเพิ่มอีก 1 มิลลิเมตรเป็น 1605 มิลลิเมตรสูงจากใต้ ท้องรถอยู่ที่ 120 มิลลิเมตรนอกจากนี้ตะแกรงไตแนวตั้งขนาดมหึมา ยังมีแผงตัวถังขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมพร้อมๆ กันชนติด Drift Future ขนาดใหญ่รวมถึงท่อไอเสียโดดเด่นบางคนมีช่องระบายอากาศรวมถึงสเกิร์ต ที่ข้างลึกตรงกับ Drift Future ด้านหลังหลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ที่สามารถสั่งเปลี่ยนหลังคาเหล็กพ่นสีได้ ถ้าหากลูกค้าต้องการซันรูฟก็ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายไม่แพ้กัน ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด

หัวใจของรถยนต์ BMW M4 คันนี้ก็อยู่ที่

  • เครื่องยนต์เบนซินที่มีแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบคู่
  • ที่เปิดตัวครั้งแรกมีปริมาณความจุถึง 2993 CC ความกว้างกระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตรช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตรอัตราส่วนกำลังอัดจุด 3 ต่อหนึ่งเทอร์โบ 2 ตัวเป็นเทอร์โบแบบ Mono scroll อีกเทอร์โบตัวหนึ่งจะรับไอเสียจากลูกสูบที่ 1 ถึง 3 และเทอร์โบตัวที่ 2 รับไอเสียจากสูบที่ 4 ถึง 6 
  • มีมาตรฐานและความแรงถึง 473 แรงม้าแรงบิด 406 และ 550 นิวตันเมตร
  • เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาให้มีแรงสูงสุดถึง 503 แรงม้ามาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดนับว่ามีความเบากว่าเกียร์ธรรมดา 8 สปีดพร้อมกับเกียร์ Manual 

ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังมีตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนที่เปิดตัวในช่วงฤดูร้อนของปีหน้าระบบการขับเคลื่อนก็เหมือนกับระบบอื่นๆ ของ BMW โดยการทำงานนั้นจะมีโหมดขับเคลื่อนด้านหลังจนกว่าจะมีการตรวจจับการลื่นไถลส่งกำลังไปที่ล้อหลังแต่เพียงอย่างเดียวแค่ปิดการควบคุมและการทรงตัวก็จะกลับมาขับเคลื่อนด้วยล้อหลังเหมือนกับรถยนต์รุ่นก่อนๆ

โดยธรรมชาติแล้วรถยนต์ BMW มีขุมพลังที่มากกว่าเดิมทั้ง

  • ห้องเครื่องการติดตั้งจุดค้ำยัน ทรง 3 เหลี่ยมเพื่อลดอาการโครงขณะขับขี่
  • รวมถึงระบบป้องกันการสั่นสะเทือนและการตั้งค่าลดแรงสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันมาให้ติดตั้งพร้อมล้อฟอร์ดน้ำหนักเบาโดยรุ่นพื้นฐาน
  • มีล้อหน้า 18 นิ้วและล้อหลัง 19 นิ้วมีล้อหน้าขนาด 9 นิ้วล้อหลัง 20 นิ้วเบรกมาตรฐาน

สำหรับสองรุ่นใช้คาลิปเปอร์ M 6 พอต

  • ที่ด้านหน้าพร้อม option เบรคคาร์บอนเซรามิกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 . 75 นิ้ว
  • option เพิ่มประสิทธิภาพที่ยึดเกาะและตอบสนองได้มากถึง 10 รูปแบบควบคุมอาการลื่นไถลของยางก่อนที่ระบบควบคุมแรงบิดและระบบควบคุมเสถียรจะเข้ามาแทรกแซง

การตกแต่งภายในของรถยนต์ BMW M4 ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไม่มีการตกแต่งด้วยลายไม้ทั้งเพราะใช้วัสดุอะลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับงานภายในเท่านั้นการแสดงผลหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจออินโฟเทสเม้นท์ 10.25 นิ้วเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกันกับเบาะนั่งแบบสปอร์ตใหม่ ล่าสุดนำเสนอกันใช้เบาะนั่งคาร์บอนไฟเบอร์ชุดใหม่ช่วยลดน้ำหนักได้ 9.5 กิโลกรัมนอกจากนี้ BMW M4 ยังมีคัตเอาท์สำหรับเข็มขัดนิรภัยแบบแข่งขัน อีกด้วย

เปรียบเทียบระหว่าง BMW M4 Vs mercedes – AMG C63

ชิงตำแหน่งราชาระหว่างรถยนต์ BMW M4 และคู่แข่งที่กินกันไม่ลงอย่าง mercedes -AMG C63

  • BMW M4 ราคาขาย 3,805,750 บาท
  • mercedes -AMG C63 ราคาขาย 4,233,000 บาท

mercedes – AMG C63

หนึ่งในรถยนต์ที่ตอบโจทย์ในด้านการขับขี่มากที่สุดสร้างความสนุกสนานในด้านการขับขี่ที่ทันสมัยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพราะมียอดจำหน่ายสูงสุดมากกว่าครึ่งศตวรรษ โดยมีวิศวกรที่เป็นอันดับหนึ่งในทุกๆด้านในการใช้งานได้อย่างตอบโจทย์และยังเป็นดาวเด่นในด้านสมรรถนะจึงเป็นคู่แข่งที่เหมาะสมกันกับรถยนต์ BMW M4

ทำความรู้จักสมรรถนะของรถยนต์ BMW M4 ให้มากกว่าเดิม

การควบคุมด้วยสมรรถนะสูงขับเคลื่อนด้วยล้อขุมพลังกว่า 500 แรงม้าที่ฟังดูแล้วอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากในด้านการออกตัวแต่แท้จริงแล้วมือใหม่ที่ได้ทดลองขับก็ต่างพูดได้ว่านี่คือรถยนต์ที่ดีที่สุดมีความสมบูรณ์พร้อมยังมีการประสานพลังต่างๆ ได้อย่างประหยัดอีกทั้งรถยนต์ จะพาคุณนั้นไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาทีพยานด้วยความเร็วแรงในการออกตัว

มาดูฝั่ง mercedes -AMG C63

  • การควบคุมนั้นยังถูกปลดล็อคไว้ที่ 10,000 กิโลเมตรจึงจะมีการปิดระบบคอนโทรล
  • ซึ่งการหมุนด้วยล้อขวานั้นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปและถ้าหากเราได้ลองขับขี่ดูสักครั้งก็จะสามารถเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ระดับได้อย่างนุ่มนวล
  • จึงทำให้พุ่งสู่ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลานานกว่า M4 ถึง 0.7 วินาที
  • ขณะขับเคลื่อนก็ไม่ต่างกันมากนักเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่ไวกว่าเดิมจึงทำให้ M4 ทำเวลาได้ไวกว่า 0.5 วินาที

แต่ในความจริงแล้วคุณอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างกันเลยกับรถยนต์ทั้ง 2 คันนี้พร้อมด้วยเครื่องเสียงจากรถยนต์ V8 ของ mercedes -AMG C63 ในทางกลับกัน BMW M4 มีเครื่องเสียง 6 แบบที่ดูธรรมดากว่ามาก เมื่อคุณขับขี่บนท้องถนนก็จะรู้สึกต่างกันทั้งทั้งสองคันนี้และจะรู้สึกมั่นใจมากกว่ากับรถยนต์ mercedes -AMG C63 ด้วยระบบเรียวที่ยอดเยี่ยมและช่วงล่างสุดยืดหยุ่นที่ทำให้รู้สึกว่ายึดเกาะที่ควบคุมได้ภายใต้ฝ่าเท้า แม้จะมาพร้อมกับพลังงานมหาศาลคุณก็ยังรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงกับเครื่องยนต์ V8 ที่ทำให้คุณนั้นรู้สึกเข้าสู่ทางตรงได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ในทางตรงกันข้ามกับรถยนต์ BMW M4

  • ต้องใช้ระยะเวลาเล็กน้อยขณะที่เลี้ยวเพราะเบรกที่แม่นยำกว่าและแรงยึดเกาะที่มากกว่าก็จะต้องออกตัวได้สักระยะหนึ่งก่อน แต่ถ้าหากรู้สึกชิน ก็จะรู้สึกได้ถึงความสมดุลย์ในเสถียรภาพที่น่าตื่นตาแถมไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะต้องออกแรงสักเล็กน้อย
  • จึงเป็นรถยนต์ที่ไม่เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบันทั่วไป แต่เหมาะสำหรับการวิ่งแข่งบนสนามมากกว่า
  • เพราะมีระบบที่ไวและเบรคที่ตอบสนองอย่างต่อเนื่องรวดเร็วจึงทำให้คุณรู้สึกขับได้นุ่มนวลได้ ของทั้งคู่นั้นอาจมีเสียงรบกวนจากถนนแต่ถ้าหากเดินทางกับรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้รับรองเลยว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

ทัศนวิสัยในการขับขี่กับรถยนต์ทั้งสองรุ่น

ภายนอกของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนั้นอาจจะดูเหมือนรถยนต์คูเป้ธรรมดา หากพิจารณาจากภายในแล้วจะรู้สึกถึงความพิเศษกับรถยนต์ BMW M4 ที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมปุ่ม Start สีแดง สายเข็มขัดสีแดงเดียวกัน มาพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มด้วยคอนโซลไม้และไฮไลท์แต่งด้วยโครเมียม

BMW M4

  • สีภายในของรถยนต์มีระดับเริ่มที่สีดำดั้งเดิมบนสีครีมจนไปถึงสีฟ้าอ่อน ด้านบนสีเหลืองสด
  • เกียร์คาร์บอนไฟเบอร์ดูยอดเยี่ยมและมีสัมผัสที่กระชับมือ
  • ส่วนแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งหุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนซัพพอร์ทสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า

เมื่อพูดถึงคุณภาพและวัสดุของรถยนต์ mercedes -AMG C63 กลับทำให้รู้สึกมีอายุขณะขับขี่เพราะมีการใช้พลาสติกที่เกิดรอยง่าย ปุ่มหมุนเหลือโหมดการขับขี่บนพวงมาลัยที่ดูไม่แข็งแรงเป็นพลาสติกเงาๆ ราคาถูกคอนโทรลกลางตรงกลาง มีเสียงเอี๊ยดอาร์ตขณะกดปุ่มในทางกลับกันรถยนต์ BMW M4 ทำให้มีความรู้สึกถึงการผลิตที่ประณีตแผงแสดงผลประกอบที่มีความแนบสนิทกันมากกว่า มีการใช้วัสดุสัมผัสนุ่มและกดปุ่มที่ให้ความรู้สึกถึงความแม่นยำมากกว่าเดิมนอกจากนี้ขณะเหยียบแป้นเหยียบ ก็ยังทำให้รู้สึกเอียงไปทางขวามากไปบนรถยนต์ทั้งสองคันแต่ยังมีตำแหน่งคนขับที่ยอดเยี่ยมรวมถึงเบาะแบบสปอร์ตปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมส่วนรองรับต่างๆที่สามารถปรับได้โอบกอดคุณอย่างแนบแน่นขณะนั่งบนเบาะและนี่คือรถยนต์ทั้ง 2 คันที่มีลูกค้าคาดหวังมากที่สุดและเป็นรถยนต์ที่สวยงามช่วงล่างดูพอดีๆทุกๆอย่างมีการปรับระดับสูงต่ำได้

mercedes – AMG C63

  • มีปุ่มหมุนที่ดูเท่ช่วยปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่โดยที่ไม่ต้องมือออกจากพวงมาลัย
  • เบาะแนวสปอร์ตนั่งสบายแถมปรับแต่งได้หลากหลายแต่อาจจะไม่ค่อยยึดเกาะมากเท่ารถยนต์ BMW M4 มีระบบติดตั้งเป็นโลหะแวววาวเสริมยางที่จะช่วยทำให้เท้าของคุณไม่ลื่นขณะขับขี่

สรุปรถยนต์ทั้งสองคันที่จะทำให้คุณนั้นตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

รถยนต์ทั้ง 2 คันมาพร้อมกับหน้าจอและการแสดงผลแบบดิจิตอลพร้อมกับเปลี่ยนเป็นโหมดโฟกัสที่ช่วยในการขับขี่ หากพูดถึงทัศนวิสัยรถยนต์ทั้ง 2 คันก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าอาจจะถูกจำกัดด้วยขอบกระจกหลังที่หนาแต่เรื่องที่ดี ก็มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ช่วยจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังและมาพร้อมกล้อง 360 องศาที่ติดตั้งเพิ่มในขณะที่รถยนต์ BMW M4 มาพร้อมกับระบบช่วยจอดที่คำนวณพื้นที่อย่างเหมาะสมอย่างอัตโนมัติอย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกใช้รถยนต์ให้ตรงใจกับผู้ขับขี่ก็จะต้องทดลองขับดูก่อน เพื่อที่จะได้รู้จังหวะในการขับขี่เลี้ยวโค้งถอยจอดก่อนการตัดสินใจซื้อทุกครั้ง

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

พบกับ BMWiX xDrive 40 Sport 2023 หรูหราเหนือระดับยิ่งกว่า Tesla 

bmw ix xDrive 40 Sport รถยนต์ไฟฟ้า โฉมใหม่ที่อัดแน่นมาพร้อมกับเทคโนโลยียนตรกรรมนำสมัย จากประเทศเยอรมนี หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ขอแนะนำ BMWiX xDrive 40 Sport และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม จึงทำให้มีอัตราการเร่ง ที่เหนือชั้นรูปลักษณ์สะกดทุกสายตานำสมัยห้องโดยสารสุดหรูหรา วัสดุพรีเมียมคุณภาพสูงที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคและที่นั่งกว้างขวาง ทำให้คุณนั้นสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ร่วมเดินทางข้ามประวัติศาสตร์ไปด้วยกันกับรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีแนวคิดในการขับเคลื่อนแบบใหม่ ที่ได้รับการพัฒนามาตลอดเวลาและนี่คือรถยนต์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง

BMWiX xDrive 40 Sport กับดีไซน์ที่โฉบเชียว

นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับไฮคลาสกับผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมสัญชาติเยอรมัน อันเป็นแบรนด์ที่ครองใจวัยรุ่นไทยและชาวโลกมาอย่างยาวนานได้ก้าวเข้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้าด้วยรหัส i เป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์จากแบรนด์ BMW bmw ix คือรถยนต์ไฟฟ้าแทบจะอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างขั้นสุด ด้วยการพัฒนารถขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเกิดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะดีไซน์ภายในถูกออกแบบด้วยความหรูทรงพลังแต่ยังคงด้วยความเรียบง่ายบึกบึน รายละเอียดต่างๆ ของตัวรถนั้นสื่อถึงความปราณีตและความหรูหราล้ำยุคประสานเทคโนโลยี Shy Tech ที่ออกแบบทุกอย่างมาให้เรียบเนียนเข้าไปกับตัวถังรถจะได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งยื่นออกมาเหลี่ยมให้ต้านลมเล่น มือจับประตูยังถูกออกแบบให้เว้าเข้าไปในตัวถัง

  • ฝากระโปรงหน้าที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คุณเปิดเองได้แต่เรื่องเติมน้ำฉีดกระจกก็ยังทำได้แค่เพียงกด Logo
  • กระจังหน้าไตคู่ แบบปิดทึบที่มาพร้อมเทคโนโลยีฟื้นฟูตัวเองถ้าหินดินใส่กระจังหน้าตัวนี้ก็จะฟูขึ้นมาและกลับมาไร้ร่องรอยอย่างน่าอัศจรรย์ส่วนกล้องเรดาร์และ เซ็นเซอร์อื่นๆฝังอยู่ภายใต้ผิวกระจังหน้ารถ
  • ดีไซน์ไฟหน้าที่เรียบและยาวที่สุดของ BMW โดยใช้ไฟ BMW laser Light อันเป็นระบบไฟหน้ารุ่นท็อปของ BMW 
  • โครงสร้างตัวถังทำมาจากอะลูมิเนียมส่วนชุดหลังคาทำจากกระจกพาโนรามิกติดตั้งอยู่บนโครงสร้างคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยวัสดุไฟเบอร์บริเวณด้านข้างด้านหน้าประสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเสริมความแข็งแกร่งและทำให้น้ำหนักเบาบางลงแม้รถจะมีขนาดใหญ่แต่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านแค่เพียง 0.25 เท่านั้น
  • bmw ix xDrive 40 Sport ใช้ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้วพร้อมชุดช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าแบบเต็มระบบที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้โดยอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ที่คุณใช้งาน
  • ด้านท้ายของตัวรถถูกออกแบบมาให้มีความเป็นมินิมัลด้วยไฟท้ายแบบตามยาวสไตล์ BMW X7 มาพร้อมกับประตูห้องเก็บสัมภาระระบบรอบไฟฟ้าพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุมากถึง 500 ลิตรและสามารถเพิ่มความจุได้ถึง 1750 ลิตร
  • การออกแบบภายในห้องโดยสารนั้นมีความกว้างขวางกับที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรามากยิ่งขึ้นคอนโซลกลางมาในดีไซน์ที่เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรูพร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์ Rocker Switch
  • เติมเต็มความทันสมัยมากยิ่งขึ้นกับภายในห้องโดยสารพร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารการขับขี่ด้วยจอและมีพวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่
  • เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังด้วยระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูงที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะและระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชันสั้นตามเสียงเบสในเบาะหน้ามาพร้อมหลังคากระจกแบบพาโนราเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

bmw ix xDrive 40 Sport ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยเหนือกว่าทุกรุ่น

มาพร้อมเซ็นเซอร์เจนเนอเรชันใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลัง มีการใช้กล้อง 5 ตัวและเรดาร์เซ็นเซอร์อีกห้าตัวพร้อมกับอัลตราโซนิคเซ็นเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคันส่งไปประมวลผลที่ชุดคอมพิวเตอร์ของตัวรถและแสดงผลออกมาเป็นค่าความปลอดภัย ตลอดการขับขี่ทั้งระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนส์และควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังมีพื้นที่เหลือเฟือเบาะอยู่จากพื้นรถในระดับที่นั่งสบายแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งเบาะใกล้พื้นค่อนข้างมากทำให้นั่งไม่สบายสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พร้อมฟีเจอร์ช่วยขับและอำนวยความสะดวกบน BMWiX xDrive 40 Sport ที่คุณจะคาดไม่ถึง

BMWiX xDrive 40 Sport มาพร้อม

  • ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่นวัตกรรมหลากหลายเหนือกว่ารถยนต์ BMW ทุกรุ่น
  • พร้อมเซ็นเซอร์เจนเนอเรชันใหม่
  • กล้อง 5 ตัวเรดาร์ 5 ตัว
  • อัลตราโซนิคเซ็นเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน
  • ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนส์
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติประกอบด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทางแสดงพื้นที่โดยรอบของรถที่ให้เห็นแบบสามมิติผ่านระบบ Remote 3D view
  • ระบบสั่งการด้วยอัจฉริยะ

ระบบความปลอดภัย BMWiX xDrive 40 Sport ที่ติดตั้งมาอยู่รอบรถยนต์

ระบบความปลอดภัยภายใน bmw ix xDrive 40 Sport ที่ได้ติดตั้งคำนึงถึงผู้โดยสารและผู้ที่อยู่รอบรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง
  • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก
  • ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
  • ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน

BMWiX xDrive 40 Sport ด้วยขุมพลังที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว

bmw ix xDrive 40 Sport มาพร้อมกับ

  • มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว
  • การขับเคลื่อน 4 ล้อทรงพลังสูงสุดถึง 240 กิโลวัตต์หรือ 326 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร
  • มอบอัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจากศูนย์ถึง 100 เพียงแค่ 6.1 วินาที
  • ส่วนแบตเตอรี่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน NMC จาก CATL ความจุ 76.6 กิโลวัตต์
  • รองรับการชาร์จ AC 3 เฟสส่วน DC รับได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ซึ่งใช้เวลาชาร์จจาก 10 ถึง 80% ภายใน 31 นาทีเท่านั้น
  • ขับขี่ได้สูงสุดถึง 425 กิโลเมตร

หากพูดถึงแบตเตอรี่ของรถยนต์ bmw ix xDrive 40 ได้มีการนำแบตเตอรี่จากผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับหนึ่งของโลกมีความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีสูงและมีการผลิตมากที่สุดโดยส่วนใหญ่แล้วจะใส่อยู่ในรถยนต์

  • Hyundai
  • mercedes benz
  • tesla

แบรนด์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งขณะนี้เป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรในประเทศไทยที่ได้ศึกษาการจัดเก็บแบตเตอรี่ขั้นสูง ด้วยการเก็บเซลล์แบตเตอรี่ได้โดยตรง โดยไม่ต้องทำให้เป็นโมดูลก่อน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเก็บแบตเตอรี่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ลดความซ้ำซ้อนและลดต้นทุนการผลิตทั้งสององค์กรพยามที่จะผสมผสานความรู้และศักยภาพเข้าไว้ด้วยกันในการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 องค์กรจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 2 เพื่อสานต่อพันธกิจในการขับเคลื่อนระบบนิเวศยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าสอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ภายในปี 2065

พบสเปค BMWiX xDrive 40

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถก็ควรเรียนเรียนรู้สเปค bmw ix xDrive 40 เสียก่อนซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • มอเตอร์ 2 มอเตอร์ 240 กิโลวัตต์
  • พละกำลังสูงสุด 326 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร
  • ระยะทางขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 425 กิโลเมตร
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
  • อัตราการเร่งศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • แบตเตอรี่ ระบายความร้อนดำน้ำ
  • พลังไฟฟ้าทั้งหมด 76.6
  • แรงดันไฟฟ้า 400
  • ระยะการชาร์จ DC 34 นาที
  • ระยะการชาร์จ Ac 0-100% 3.45 ชั่วโมง
  • พวงมาลัยไฟฟ้า
  • ระบบเบรกหน้าหลังแบบดิสก์เบรก
  • ระบบการสะเทือนหน้าหลังด้วยถุงลมนิรภัย

มิติตัวรถของรถยนต์ไฟฟ้า bmw ix xDrive 40

ทำความรู้จักมิติตัวรถดังต่อไปนี้

  • ตัวรถยาว 4953 กว้าง 1967 สูง 1696
  • ระยะฐานล้อ 3000 มิลลิเมตร
  • ระยะห่างจากพื้น 202 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักลดเปล่า 2440 กิโลกรัม

พื้นที่เก็บสัมภาระของรถยนต์ BMWiX xDrive 40

พื้นที่เก็บสัมภาระ 500 ลิตร พื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด 1750 ลิตร

รีวิวจากผู้ใช้จริงในการทดลองขับ BMWiX xDrive 40

ในส่วนของการทดลองขับนั้นทำได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับในเมืองชานเมืองและวิ่งทางไกลเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ว่าใช้งานแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างสัมผัสแรกที่ได้จากรถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวรถที่ยาวเกือบ 5 เมตรแต่มีความกว้างสบายด้วยตำแหน่งที่นั่งและการออกแบบมุมมองภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมกับการช่วยเหลือการขับขี่อีกมากมายถือว่ารถยนต์คันนี้ไม่มีความแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปสักเท่าไหร่ ส่วนพละกำลังมีความมหาศาลอัตราการเร่งแบบดุดัน รถยนต์คันนี้มอบความมั่นคงและซับแรงกระแทกขณะเข้าโค้งได้อย่างคมกริบนี่คือรถยนต์ที่ถือว่ามีการขับขี่อย่างชาญฉลาดเพราะสามารถช่วยเหลือการขับขี่ โดยส่วนใหญ่ทั้งทางตรงและทางเข้าโค้งทำงานได้เป็นอย่างดีเพียงพอสำหรับการที่คุณนั้นจะละสายตาออกจากท้องถนนได้ชั่วขณะและรถยนต์ bmw ix xDrive 40 จะขับแทนคุณได้อย่างสบายใจส่วนอัตราการสิ้นเปลืองของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ค่อนข้างประหยัดและอยู่ที่ 18 ต่อ 20 กิโลวัตต์ต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้นค่อนข้างประหยัดไฟฟ้าและที่สำคัญถือว่ามีความใกล้เคียงกับรถยนต์ Volvo Xc40

ราคาเจ้า BMWiX xDrive 40 ในการเปิดตัว 

ราคาในการเปิดตัวจะอยู่ที่ 5,299,000 บาทรวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อม package บำรุงรักษามีสีให้เลือกได้แก่

  • สีแดง
  • สีดำ
  • สีขาว
  • สีเทา
  • น้ำเงิน
  • ฟ้า

สามารถจับจองได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BMW ทั่วประเทศ

สรุป ที่สุดแห่งรถยนต์ไฟฟ้าที่บีเอ็มดันให้ BMWiX xDrive 40 เป็นตัวท็อปอันดับหนึ่ง

เริ่มต้นด้วยรถยนต์สุดหรู bmw ix ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้แก่คุณพัฒนาและต่อยอดความสำเร็จด้วยดีไซน์ล้ำนำสมัย โดดเด่นด้วยสัดส่วนภายในตัวรถแบบฉบับของ BMW ยกระดับความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น พร้อมกับเอกลักษณ์อันโดดเด่น ประตูแบบไร้ครอบและคอนทัวร์ ซุ้มล้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความโมเดิร์น แฝงไปด้วยความมั่นใจอย่างชัดเจน ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อตลอดเวลาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ที่คุณนั้นก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้วในวันนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างไม่อยากขับรถไฟฟ้ากับใครบนท้องถนนและที่สำคัญหากใครชื่นชอบกับแบรนด์ BMW มาอย่างเนิ่นนานนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ตั้งใจผลิตคิดขึ้นอย่างประณีตทุกขั้นตอน หากคุณได้ทดลองขับก็จะต้องติดใจเพราะผู้คนก็มักจะจ้องมองอย่างแน่นอน

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023