ครั้งหนึ่งใครจะเชื่อว่ารถยนต์จะสามารถใช้แก๊ซหรือไฟฟ้า เพื่อเป็นพลังงานให้กับรถของเราได้ และวันนี้เราก็พบกับนวัตกรรมเหล่านั้นอย่างแพร่หลาย จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับนวัตกรรมรถยนต์ แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับนวัตกรรมเกี่ยวกับรถยนต์ใหม่ คือ เบนซ์ไร้คนขับ ที่ที่คุณสามารถขับเคลื่อนรถยนต์ของคุณได้ด้วยความคิด แบบที่ไม่ต้องจับพวงมาลัย เรียกว่าเป็นวัตกรรมที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งค่ะ 

Mercedes-Benz Vision AVTR เบนซ์ไร้คนขับ รถยนต์อัฉริยะของอนาคต

นับว่าเป็นสิ่งที่สร้างกระแสฮือฮาให้กับวงการนวัตกรรมและรถยนต์ตั้งแต่วันเปิดตัว กับเบนซ์ไร้คนขับ อย่าเจ้า Mercedes-Benz Vision AVTR ซึ่งเป็นเหมือนรถยนต์อัจฉริยะ ที่ทางเบนซ์ได้ทำการเปิดตัวในงาน CES (Consumer Electronics Show) 2020 ที่ผ่านมา โดยนวัตกรรมนี้นับว่าเป็นนวัตกรรมที่มีการผสมผสานทั้งเทคโนโลยีและความเป็นธรรมชาติเข้าด้วยกัน 

ซึ่งชื่อรุ่นของ AVTR นั้นมาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง AVATAR ของผู้กำกับ James Cameron ที่นับว่าเป็นแรงบันดาลใจ และต้นแบบของรถคันนี้ ที่เป็นนวัตกรรมที่แปลกใหม่ โดยความพิเศษของรถยนต์คันนี้คือ ในด้านการควบคุมรถ หรือการขับเคลื่อน จะใช้เป็นเซนเซอร์ที่จะคอยตรวจจับสภาพร่างกาย, อุณหภูมิ, อารมณ์ความรู้สึก หรือควบคุมการสั่งงานต่าง ๆ ด้วยเสียง พร้อมการแสดงภาพแบบโฮโลแกรมบนกระจกหน้าขนาดใหญ่ (central screen) ที่จะอยู่บริเวณคอนโซลหน้ารถ 

นอกจากนี้ในส่วนของพวงมาลัยของรถก็จะหายไป และเปลี่ยนมาอยู่บริเวณเกียร์รถ ซึ่งจะมีลักษณะดังภาพ ซึ่งจะเป็นจุดที่คุณจะต้องใช้ยืนยันตัวตน และต้องสแกนใบหน้า เพื่อที่จะควบคุมรถคันนี้ เรียกได้ว่าทั้งพิเศษ ทั้งใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัย

ราคา Mercedes-Benz Vision AVTR เบนซ์ไร้คนขับ

แน่นอนว่า นวัตกรรมของรถคันนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว และที่สำคัญ เบนซ์ไร้คนขับ คันนี้ก็ยังไม่ได้มีการผลิตรถยนต์คันนี้ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และทาง Mercedes-Benz ก็ไม่ได้มีการคอนเฟิร์มราคา Mercedes-Benz Vision AVTR ที่เป็นทางการออกมาแต่อย่างไร เนื่องจากรถรุ่นนี้ยังอยู่ในช่วงพัฒนา แต่หากจะเปรียบเทียบกับ Tesla Model Y ที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2021ที่ผ่านมา ราคาของมันก็เริ่มต้นเพียง 39,000$ เท่านั้น 

แต่หากพูดถึงสเปค หรือนวัตกรรมด่าง ๆ ที่อยู่ใน Mercedes-Benz Vision AVTR รุ่นนี้ก็อาจจะมีราคาที่ค่อนข้างจะสูงไม่น้อย และหากทางผู้ผลิตและผู้พัฒนารถยนต์ทำออกมาได้สำเร็จตรงตามที่มีการเปิดตัวไว้ ก็อาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ปฏิวัติวงการรถยนต์ไม่น้อย และก็อาจจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเราที่จะได้ใช้นวัตกรรมที่ล้ำสมัยเช่นนี้ไม่น้อย

แทงบอลไม่มีขั้นต่ำ

Mercedes-Benz เป็นทั้งแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันและตั้งแต่ปลายปี 2019 เป็นต้นไปซึ่งเป็น บริษัท ย่อย (Mercedes-Benz AG) ของ Daimler AG Mercedes-Benz เป็นที่รู้จักในด้านการผลิตรถยนต์หรูหราและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชตุทท์การ์ทรัฐบาเดน – เวิร์ทเทมแบร์ก ชื่อนี้ปรากฏครั้งแรกในปี พ.ศ. 2469 ภายใต้ บริษัท เดมเลอร์ – เบนซ์ ในปี 2561 Mercedes-Benz เป็นผู้ขายรถยนต์ระดับพรีเมียมรายใหญ่ที่สุดในโลกโดยมียอดขายรถยนต์นั่ง 2.31 ล้านคัน 

ต้นกำเนิดของ บริษัท มาจาก Mercedes และ Benz Patent-Motorwagen ในปีพ. ศ. เชื้อเพลิงไม่ใช่น้ำมันเบนซิน แต่เป็นวิญญาณปิโตรเลียมที่ระเหยง่ายกว่าที่เรียกว่าลิโกรอิน สิ่งนี้รวดเร็วมากที่จะไหม้หรือระเบิดดังนั้นจึงไม่ได้เก็บไว้ข้างใน สโลแกนของแบรนด์คือ “the best or nothing”

Mercedes-AMG

Mercedes-AMG กลายเป็นส่วนใหญ่ของ Mercedes-Benz ในปี 2542 บริษัท ถูกรวมเข้ากับ DaimlerChrysler ในปี 2542 [22] และกลายเป็น Mercedes-Benz AMG ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 

Mercedes-Benz – มายบัค

แบรนด์ Maybach สุดหรูของเดมเลอร์อยู่ภายใต้แผนกรถยนต์ Mercedes-Benz จนถึงเดือนธันวาคม 2555 เมื่อหยุดการผลิตเนื่องจากยอดขายที่ไม่ดี  ปัจจุบันมีอยู่ภายใต้ชื่อ Mercedes-Maybach โดยรุ่นดังกล่าวเป็นรถยนต์ Mercedes-Benz รุ่นหรูหราพิเศษเช่น Mercedes-Maybach S600 ปี 2016 ในเดือนพฤศจิกายน 2019 Mercedes-Maybach GLS 600 SUV เปิดตัว 

ประเทศจีน

เดมเลอร์ร่วมมือกับ BYD Auto ในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ชื่อว่า Denza ในประเทศจีน ในปี 2559 เดมเลอร์ประกาศแผนการขายรถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าทุกยี่ห้อของเมอร์เซเดส – เบนซ์ในประเทศจีน  Beijing Benz ร่วมทุนกับ BAIC Group เพื่อผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz ในประเทศจีน ในปี Mercedes-Benz ขอโทษสำหรับการก่อความขัดแย้งในจีนโดยอ้างถึงดาไลลามะในโพสต์อินสตาแกรม 

นับตั้งแต่ก่อตั้ง Mercedes-Benz ยังคงรักษาชื่อเสียงในด้านคุณภาพและความทนทาน มาตรการเชิงวัตถุประสงค์ในการดูยานพาหนะโดยสารเช่นการสำรวจของ J. D. Power แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของชื่อเสียงในเกณฑ์เหล่านี้ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และต้นปี 2000 ภายในกลางปี ​​2548 Mercedes-Benz กลับสู่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมชั่วคราวสำหรับคุณภาพเบื้องต้นซึ่งเป็นตัวชี้วัดปัญหาหลังจาก 90 วันแรกของการเป็นเจ้าของตามที่ J. D. Power  ในการศึกษาคุณภาพเบื้องต้นของ J. D.Power สำหรับไตรมาสแรกของปี 2550 Mercedes แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมากโดยไต่อันดับจากอันดับที่ 25 ไปเป็นอันดับที่ 5 และได้รับรางวัลมากมายสำหรับรุ่นนี้ สำหรับปี 2008 คะแนนคุณภาพเริ่มต้นของ Mercedes-Benz ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกอันดับหนึ่งมาอยู่ที่อันดับสี่ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล Platinum Plant Quality Award สำหรับโรงงานประกอบรถยนต์ Mercedes ’Sindelfingen ประเทศเยอรมนี การศึกษาคุณภาพเบื้องต้นและความน่าเชื่อถือของยานพาหนะในปี 2554 ในสหรัฐอเมริกาของ J. D. Power ได้จัดอันดับรถยนต์ Mercedes-Benz ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือ ในการสำรวจความคิดเห็นของ J. D.Power ในสหราชอาณาจักรปี 2011 รถยนต์ Mercedes-Benz ได้รับคะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ย การศึกษาของ iSeeCars.com ในปี 2014 สำหรับ Reuters พบว่า Mercedes-Benz มีอัตราการเรียกคืนรถต่ำที่สุด

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ํา วอเลท