เดือน: พฤษภาคม 2022

(https://www.greatbiker.com/ร้อนระอุกับ-motogp-2018/) 

Marc Márquez Alentà (มาร์ก มาร์เกซ) นับว่าเป็น นักแข่งMotoGP ฉายา “เด็กระเบิด” ที่น่าจับตามองที่สุดในยุคนี้ เพราะเขานับว่าเป็นหนึ่งใน นักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ ที่มีอายุน้อยอีกคนหนึ่ง แต่ผลงานของเขาต่างเป็นที่ประจักษ์เพราะเขาได้แชมป์ MotoGP หลายสมัยด้วยกัน โดยเฉพาะตลอดตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาผลงานของเขาก็จัดว่าอยู่ในระดับแชมป์มาตลอด ดังนั้นวัยนี้จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับนักแข่งคนนี้มากขึ้น โดยประวัติของเขามีความน่าสนใจขนาดไหน เราไปดูกันเลย

(https://www.elperiodico.com/es/motogp/20141012/perfil-marc-marquez-3594842)  

เปิดประวัติ มาร์ก มาร์เกซ นักแข่งMotoGP กับแชมป์ 6 สมัย

มาร์ก มาร์เกซ นักแข่งMotoGP ชาวสเปน เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 1993 ปัจจุบันเขามีอายุเพียง 29 ปีเท่านั้น โดยรายการแรกที่เขาลงแข่งคือการแข่งขัน Enduro motorcycle ในปี 1998 โดยใช้หมายเลข 93 เป็นเลขการแข่งขัน หลังจากนั้นก็ใช้หมายเลขนี้ตลอดมา โดยขณะที่เขาลงแข่งขันรายการนี้เขาอยู่ในวัยเพียง 5 ขวบเท่านั้น และหลังจากนั้นในปี 2008 มาร์ก ก็ได้เข้าร่วม การแข่งขันรายการชิงแชมป์โลก 125 ซีซี และคว้าแชมป์ในปี 2010 ในรายการนี้ 

(https://www.boxrepsol.com/en/motogp-en/marc-marquez-pots-the-8ball/) 

หลังจากนั้นในปี 2011 เขาก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการ รถแข่งMoto2 ภายใต้การเป็นสมาชิกของทีม CatalunyaCaixa Repsol และแน่นอนว่าใน การแข่งขันMoto2 ปี 2012 เข้าก็คว้าแชมป์อีกครั้ง และแน่นอนว่าเขายังไม่หยุดพัฒนาตัวเองทำให้ในปีต่อมา เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการ MotoGP ภายใต้สังกัดทีม Repsol Honda เป็นที่เรียบร้อย และนี่ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีไม่น้อย เพราะหลังจากที่เขาเข้ามาในทีมก็สามารถความรางวัลในการแข่งขันระดับโลกอย่างการแข่งขัน MotoGP world championship ตั้งแต่ปี 2013, 2014, 2016, 2017, 2018 และล่าสุดกับปี 2019 ที่ผ่านมา ซึ่งนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ มาร์ก มาร์เกซ เป็นนักแข่งดาวรุ่งที่น่าจับตามองอีกหนึ่งคน

(https://www.autodeft.com/tags/marc-marquez/1) 

การแข่งขัน ปี 2022 นี้ คะแนนของ Marc Márquez ยังอยู่ในอันดับที่น่าเป็นห่วง

จากประวัติของ Marc Márquez  นักแข่งMotoGP คนนี้จะเห็นได้ว่าหลังจากปี 2019 เป็นต้นมาลำดับและคะแนนของเขาไม่ดีเท่าไรและจากตารางคะแนนใน การแข่งขันMotoGP 2022 ตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา ซึ่ง ณ ขณะนี้ก็เดินทางมาถึงสนามที่ 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคะแนนของเขาก็ค่อนข้างที่จะรั้งท้ายพอสมควร ซึ่งในตารางเขามีคะแนนอยู่ที่ 54 คะแนน ซึ่งเป็นอันดับที่ 10 และที่ 1 เป็นของ Fabio Quartararo นักแข่งชาวฝรั่งเศส จากทีม Monster Energy Yamaha MotoGP โดยมีคะแนนอยู่ที่ 102 คะแนน ซึ่งในวันที่ 29 พฤษภาคม 2022 ที่จะถึงนี้เราก็มาดูกันว่า มาร์ก มาร์เกซ นักแข่ง MotoGP 93 จะสามารถทำคะแนนได้ดีและสามารถขึ้นมาเป็น Top 5 หรือไม่ เราต้องมาลุ้นกันอีกที

สมัครบาคาร่า

ยุคของนวัตกรรมยานยนต์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากภายใน 1 – 2 ปีที่ผ่านมานี้ ค่ายยานยนต์ต่าง ๆ ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Audi ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มค่ายรถยนต์ที่มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาให้เหล่าสาวกได้ยลโฉมกันตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา โดย รถไฟฟ้า Audi ที่มีการเปิดตัวล่าสุดนั้นมีชื่อรุ่นว่า Audi E-Tron GT ซึ่งนับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีสเปคระดับเทพ พร้อมดีไซน์ภายนอกที่ดึงดูดทุกสายตา

เปิดสเปค Audi E-Tron GT รถไฟฟ้า Audi ที่รุ่นเริ่มต้นมีแรงม้าสูงถึง 522 แรงม้า

เมื่อปลายปี 2021 ที่ผ่านมา Audi ได้ทำการเปิดตัว รถไฟฟ้า Audi รุ่นใหม่ ซึ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่มีสเปคน่าสนใจ และที่สำคัญรูปลักษณ์ภายนอกยังดูโฉบเฉี่ยวไม่แพ้รถสปอร์ตเท่ ๆ เลยทีเดียว โดย Audi E-Tron GT 2021 นั้นมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ E-Tron GT quattro, E-Tron GT quattro Performance และ RS E-Tron GT quattro ซึ่งรุ่นเริ่มต้นอย่าง Audi E-Tron GT quattro นั้นมีกำลังแรงม้าอยู่ที่ 530 แรงม้า (Boost Mode) และรุ่นท๊อปมีกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 646 แรงม้า (Boost Mode) ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 2 สปีด เช่นเดียวกับ Porsche Taycan ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกัน

ต่อมาเป็นในส่วนของแบตเตอรี่ โดย รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นนี้เมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มจะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 383 กิโลเมตรเลยทีเดียว และด้วยนวัตกรรมเฉพาะทำให้คุณสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 5% – 80% ได้เพียงในเวลา 23 นาที และมีอัตราเร่งจาก 0 – 100 อยู่ที่ 4.1 วินาทีสำหรับรุ่นเริ่มต้น และ รุ่นท๊อปใช้เวลาเพียง 3.6 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกยังมาพร้อมสไตล์สปอร์ต ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 85 ลิตร และ ด้านหลังอีก 350 ลิตร สำหรับรุ่นท๊อป และที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 85 ลิตร และด้านหลัง 405 ลิตร สำหรับรุ่นเริ่มต้น และรุ่นรอง พร้อมสีให้เลือกอีก 9 สี เช่น Kemora gray metallic, Kemora gray metallic, Suzuka gray metallic และ Suzuka gray metallic เป็นต้น

Audi E-Tron ราคาในไทย ที่เริ่มต้นเพียง 6.3 ล้านบาทเท่านั้น

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้า Audiอย่างรุ่น E-Tron GT ปัจจุบันข้อมูลในส่วนของราคาที่เป็นทางการของประเทศไทยได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว โดย รถไฟฟ้า Audi ราคา เริ่มต้นที่ 6,390,000 บาท สำหรับรุ่น E-Tron GT quattro 6,790,000 บาท สำหรับรุ่น E-Tron GT quattro Performance และ 9,490,000 บาท Audi E -Tron GT RS ซึ่งเป็นตัวท๊อปของรุ่น นอกจากนี้สำหรับใครที่อยากจอง หรืออยากลองสัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าสุดเท่รุ่นนี้ ก็สามารถลองติดต่อสอบถามไปยังศูนย์ Audi ประเทศไทยได้แล้ววันนี้ และหากใครที่อยากลองศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลได้จาก https://www.audi.co.th/sea/web/th.html เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของ Audi Thailand 

สมัครบาคาร่า

(https://www.bmwblog.com/2022/01/25/mini-recharged-project-electric-conversion/) 

BMW Group เปิดโปรเจกต์ใหม่ Mini Recharge ซึ่งเป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์รถมินิรุ่นคลาสสิก ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งเมื่อมีข่าวนี้ออกมาในช่วงต้นปี 2022 ก็สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการรถยนต์อยู่ไม่น้อย ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นเราจะพาทุกคนไปดูพร้อมกัน

(https://www.bmwblog.com/2022/01/25/mini-recharged-project-electric-conversion/) 

Mini Recharge คงไว้ซึ่งดีไซต์สุดคลาสสิก แต่ไม่ตกเทรนด์รถยนต์แห่งอนาคต

Mini Recharge นับว่าโปรเจกต์ที่สามารถสร้างเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย แต่สำหรับสหราชอาณาจักร (UK) เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่แต่อย่างไร เนื่องจากในยุโรปรวมถึงประเทศอังกฤษเอง มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรถติด หรือ Congestion Charge กับรถยนต์ที่เป็นประเภทที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงาน เช่น บนถนนอ็อกซ์ฟอร์ด หรือ พิกคาดิลลี เซอร์คัส ใจกลางกรุงลอนดอน เป็นต้น ดังนั้นในอังกฤษจึงมันบริษัทรับเปลี่ยนเครื่องยนต์จากแบบที่ใช้น้ำมันมาเป็นแบบมอเตอร์ที่ใช้ไฟฟ้าอยู่แต่เดิมแล้ว

(https://www.classicandsportscar.com/news/you-can-now-buy-classic-mini-electric-engine) 

แต่จะดีกว่าหรือไม่ หากผู้ที่ใช้ รถมินิ มีบริการถอดเปลี่ยนเครื่องยนต์จากศูนย์โดยตรง ดังนั้นจึงทำให้ทีม Oxford Plant จึงได้เข้ามาดูแลในส่วนของ Mini Recharge project ซึ่งรถที่ถูกเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มาอยู่ในรูปแบบของ รถยนต์ไฟฟ้า จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังขับประมาณ 120 แรงม้า ซึ่งเมื่อมีการชาร์ตแบตเตอรี่จนเต็มจะสามารถขับได้ไกลประมาณ 160 กิโลเมตร โดยจะใช้เวลาเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ประมาณ 9 วินาที ซึ่งจะเป็นกำลังที่จะดีกว่าตอนใช้เครื่องยนต์แบบเก่านิดหน่อย 

MINI Classic Electric จะมีเฉพาะในสหราชอาณาจักรเท่านั้น

สำหรับใครที่มี รถมินิ รุ่นคลาสสิก อยู่ในครอบครองและอยากนำรถของคุณเข้าโปรเจกต์ Mini Recharge ก่อนอื่นต้องขอบอกกับทุกคนก่อนว่า โปรเจกต์นี้เป็นโปรเจกต์ที่มีเฉพาะในสหราชอาณาจักรเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีการเปิดเผยราคาออกมาว่าค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ เป็นมอเตอร์ต่อ 1 ครั้งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่เท่าไร เนื่องจากการเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์ มีความจำเป็นต้องมีการถอดเปลี่ยนส่วนอื่น ๆ ของรถเพื่อให้รองรับการขับเคลื่อนในระบบไฟฟ้า เช่นหน้าปัดรถที่มีการออกแบบใหม่เพื่อให้เข้ากับดีไซต์แสนคลาสสิกของรถ แต่สามารถใช้งานร่วมกับระบบไฟฟ้าได้ด้วย 

อย่างไรก็ตามโปรเจกต์นี้ ก็นับว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากในอนาคตเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราเป็นอย่างมาก อีกทั้งในยุคที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาที่สูงเช่นนี้ รถยนต์ไฟฟ้าก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีของบรรดาผู้ที่กำลังว่าแผนอยากซื้อรถมาไว้ใช้งานอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

แทงบอลออนไลน์