Previous slide
Next slide
Categories
ARTICLE LEXUS รุ่นรถ

Lexus LS Sedan รถยนต์สุดหรูสัญชาติญี่ปุ่นเปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่นย่อย

Lexus LS Sedan

Lexus คือหนึ่งในรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมสูงในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก แต่สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับแบรนด์รถยนต์สุดหรูแบรนด์นี้คือ แบรนด์ที่อยู่ในเครือของบริษัทโตโยต้า (TOYOTA) ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับ Lexus LS Sedan รถเก๋ง 4 ประตูที่เปิดตัวมาพร้อม 3 รุ่นย่อย แต่ที่สำคัญแต่ละรุ่นมีสเปคที่น่าสนใจไม่เบาเลยทีเดียว สเปคจะเป็นอย่างไรและน่าสนใจขนาดไหนไปดูกันเลย

สเปคของ Lexus LS Sedan ทั้ง 3 รุ่นย่อย และมีกำลังสูงสุด 421 แรงม้า

สำหรับ Lexus LS Sedan หรือ Lexus LS 2022 เป็นรถยนต์ Sedan ที่เปิดตัวมาทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่ LS 350, LS 500 และ LS 500h และทุกรุ่นจะมีดีไซน์ทั้งภายในและภายนอกที่สุดแสน Luxury โดยเบาะหลังเป็นเบาะไฟฟ้า ที่สามารถปรับได้สูงสุดถึง 22 ทิศทาง มาพร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า แต่ในส่วนของเบาะนั่งด้านหลังฝั่งซ้ายถูกออกแบบให้มีพื้นที่วางขาให้มีความยาวเพิ่มมากขึ้นเพื่อความสบายกว่าที่เคย มาพร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า 

เบาะหลังจะมาพร้อมโหมดการนั่งที่ Lexus ออกแบบมาให้ถึง 3 โหมดให้เลือก ได้แก่ คือ Business (ตำแหน่งสำหรับการนั่งปกติ), Entertain (ตำแหน่งนั่งเอนเพื่อการผ่อนคลาย) และ Relax (ตำแหน่งนั่งเอนที่ให้ความผ่อนคลายที่สุด และเพิ่มพื้นที่วางขาสูงสุด) โดยการควบคุมทุกฟังก์ชันสามารถควบคุมได้ง่าย ๆ ผ่านได้จากเบาะหลัง (ระบบสัมผัส) ทั้งระบบเครื่องเสียง, ระบบปรับอากาศ, การปรับระดับของเบาะนั่ง, การนวดผ่อนคลาย, ม่านบังแดด และ ระบบไฟส่องสว่างต่าง ๆ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ในส่วนของด้านหลังของเบาะหน้าทั้ง 2 ฝั่งยังถูกติดตั้งจอภาพขนาด 11.6 นิ้วที่สามารถปรับตำแหน่งได้อัตโนมัติตามลักษณะการนั่ง อีกทั้งหน้าจอดังกล่าวยังรองรับทั้งแผ่น Blu-ray ช่องเสียบการ์ด SD และสาย HDMI เพื่อให้คุณเชื่อมต่อกับกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และในส่วนของคอนโซลหน้ายังมาพร้อมหน้าจอ EMV แบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว เพื่อให้ผู้ขับสามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น

สุดท้ายเป็นในส่วนสเปคของเครื่องยนต์ของรถแต่ละรุ่นย่อย โดย LS 350 ที่ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5-liter V6 engine (8GR-FKS) ที่ให้กำลังสูงสุด 421 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบต่อนาที และ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.4 กม./ลิตร สำหรับรุ่น LS 500 มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5-liter V6 twin turbocharged engine (V35A-FTS) ที่ให้กำลังสูงสุด 421 แรงมาก แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 4,800 รอบต่อนาที และ มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 9.3 ลิตร / 100กม. และสุดท้ายคือ Lexus LS 500h รถยนต์ไฮบริดที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 3.5-liter V6 engine (8GR-FXS) ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 359 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบต่อนาที และมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.5 ลิตร / 100 กม. และทุกรุ่นเป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีท

Lexus sedan ราคา เริ่มต้นที่ 11.5 ล้านบาท พร้อมการตกแต่งภายในที่คุณเลือกเองได้

Lexus LS Sedan

สำหรับราคาของ Lexus LS Sedan ในแต่ละรุ่นย่อยจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป โดย Lexus LS 350 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 11,550,000 บาท และ LS 350 Luxury สามารถเลือกการตกแต่งภายในได้ 2 ดีไซน์ ได้แก่ Black with Open Pore (Ash Burl) และ Hazel with Open Pore (Walnut) Lexus LS 500 ราคา เริ่มต้นที่ 13,110,000 บาท LS 500 Executive สามารถเลือกการตกแต่งภายในได้ 2 ดีไซน์ ได้แก่ Black with Laser Cut และ Crimson & Black with Laser Cut และสุดท้ายคือ Lexus LS 500h จะมีราคาอยู่ที่ 14,530,000 บาท ซึ่งLS 500h Executive Pleat จะสามารถเลือกการตกแต่งได้ทั้งหมด 4 ดีไซน์ คือดีไซน์จาก LS 500 Executive 2 ดีไซน์และเพิ่มดีไซน์ Black with Kiriko และ Crimson & Black with Kiriko นอกจากนี้ยังมีสีของรถให้เลือกมากถึง 10 สีด้วยกัน

อ่านบทความอื่น ๆ >> สนามช้าง CHANG INTERNATIONAL CIRCUIT สนามแข่งรถใช้แข่ง MOTOGP

สนับสนุนโดย: https://ufaball.bet/ เว็บพนันออนไลน์ มั่นคงปลอดภัย มั่นใจซื่อตรง เปิดบริการแล้วครบจบในที่เดียว

Categories
ARTICLE รุ่นรถ

Haval Jolion รถยนต์ไฮบริดที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด

Haval Jolionรถยนต์ไฮบริดที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด

Haval Jolion

เราเชื่อว่าแม้ว่าในยุคนี้จะเป็นยุคแห่งรถยนต์ระบบไฟฟ้าแล้ว แต่ก็มีอยู่หลายคนเช่นกันที่อาจจะรู้สึกว่ารถยนต์ระบบไฟฟ้านั้นอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขาสักเท่าไร ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากแนะนำ Haval Jolion ให้ทุกคนได้รู้จัก เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ที่เป็นระบบไฮบริด หรือ HEV ซึ่งรถรุ่นนี้จะน่าสนใจขนาดไหน และมีรายละเอียดอย่างไรบ้างเราได้ดูพร้อมกันเลย

รีวิว Haval Jolion รถยนต์สัญชาติจีน ที่ราคาไม่ถึงล้าน 

สำหรับ Haval Jolion เป็นรถยนต์สัญชาติจีน ซึ่งแบรนด์นี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่จากจีน ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Great Wall Motors (GWM) ซึ่งเป็นบริษัทแม่เดียวกันกับ ORA Good Cat รถไฟฟ้าไซต์มินิที่เชื่อว่าในชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน

โดยHaval Jolion เปิดตัวมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Tech, Pro และ Ultra โดยรุ่นที่เราจะนำมาแนะนำในวันนี้คือรุ่น Ultra ซึ่งนับว่าเป็นตัว Top เลยก็ว่าได้ โดยรถยนต์รุ่นนี้ตามที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานจาก 2 แหล่งพลังงานด้วยกัน ได้แก่ พลังงานน้ำมันที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 190 แรงม้าเลยทีเดียว

นอกจากนี้ในส่วนของโหมดในการขับขี่ที่มันจะมีในรถรุ่นใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกันทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ โหมดมาตรฐาน, โหมดสปอร์ต, โหมดประหยัด และโหมดสภาพถนนลื่น และพิเศษสุด ๆ ด้วยโหมด DHT (Dedicated Hybrid Transmission) ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่รถด้วยความประหยัดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโหมดนี้จะเป็นโหมดที่ขับขี่รถระบบไฮบริดที่มี 2 เกียร์ คือเกียร์เครื่องยนต์และเกียร์ของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่จะช่วยให้เราเลือกใช้แหล่งพลังงานได้ตามที่เราต้องการ เพื่อให้เราประหยัดการใช้พลังงานได้มากขึ้น นอกจากนี้Haval jolion อัตราสิ้นเปลือง ยังอยู่ที่ 6.5 ลิตร/100 กม. เท่านั้น ดังนั้นใครที่ต้องเดินทางไกลหรือเดินทางข้ามจังหวัด และต้องใช้น้ำมันเป็นพลังงานหลักก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของค่าใช้จ่ายอีกต่อไป

ราคา และ โชว์รูมในเมืองไทย

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของHaval Jolion ทั้ง 3 รุ่น ในขณะนี้คุณสามารถสั่งจองรถผ่านเว็บไซต์ของ GWM ได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย หรือสามารถเข้าไปชม และสัมผัสรถรุ่นต่าง ๆ ของจริงได้จากโชว์รูมของ GWM ได้แล้ววันนี้ทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ GWM CCC Auto Chiangmai, GWM CCC Auto Ubon Ratchathani, GWM CAC Chonburi, GWM Pijitphet khonkaen, GWM ATT U PARK Bangna, GWM Great One Auto Chaengwattana และ GWM พระราม 5 โดย ราคา เริ่มต้นที่ 879,000 สำหรับ JolionTech, 939,000 บาท สำหรับ JolionPro และ 999,000 บาท สำหรับ Jolionรุ่น Ultra นั่นเอง

อ่านบทความอื่น ๆ >> ใครอยากได้ รถงบ 5 แสน มารวมกันทางนี้!

 

สนับสนุนโดย : https://sa-game.bet/ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ เพื่อสมัครเล่นเกมส์ได้เงิน และเป็นสมาชิกกับเราโปรโมชั่นปี 2022

Categories
ARTICLE รุ่นรถ

Suzuki Jimny รถยนต์สไตล์ออฟโรดที่ขาลุยต้องมีสักคัน!

Suzuki Jimny รถยนต์สไตล์ออฟโรดที่ขาลุยต้องมีสักคัน!

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในขับขี่รถท่องเที่ยว แคมป์ปิ้ง หรือ ออฟโรด การมีรถคู่ใจไว้ขับขี่ และลุยไปกับคุณไปในทุกเส้นทางก็คงจะทำให้การเดินทางของคุณเป็นทริปที่สุดแสนพิเศษขึ้นมาได้อีกขั้น และล่าสุด Suzukiได้เปิดตัว Suzuki Jimny รถยนต์สไตล์ออฟโรดรุ่นปี 2022 – 2023 ซึ่งใครที่เป็นแฟนของSuzuki หรือ กำลังตามหารถออฟโรดเท่ ๆ ไว้ใช้งานและเป็นรถคู่ใจสักคัน ดังนั้นเราไปดูข้อมูลเกี่ยวกับสเปคและราคาของรถคันนี้กันว่าจะน่าสนใจขนาดไหน

Suzuki Jimny

สเปคของ Suzuki Jimny ปี 2022 – 2023 รถยนต์ออฟโรดรุ่นใหม่ล่าสุดจากSuzuki

Suzuki Jimny

All New Suzuki Jimnyนับว่าเป็นรถยนต์สไตล์ออฟโรดรุ่นใหม่ล่าสุดจากทางSuzuki ที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่ปี 2019 โดยSuzukiJimny 2022 นับว่าเป็นเจเนเรชั่นที่ 4 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา และ เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มาพร้อมโหมดในการขับขี่ให้คุณสามารถปรับการทำงานระหว่างระบบขับเคลื่อน 4 ล้อและ 2 ล้อได้อย่างง่ายดาย

ขนาดของ รถยนต์ออฟโรด รุ่นนี้ในมิติภายนอกมีขนาดอยู่ที่ ยาว 3,645 x กว้าง 1,645 x สูง 1,725 (มม.) ดังนั้นรถยนต์ออฟโรดรุ่นนี้จึงอาจจะเรียกว่า “Mini off road” ก็คงไม่ผิดไปซะทีเดียว และสำหรับการตกแต่งภายในรุ่นนี้เป็นรถยนต์ 3 ประตู 4 ที่นั่ง ที่สามารถปรับเบาะให้ทั้งขนสัมภาระได้เยอะจุใจ หรือจะปรับเบาะสำหรับนอนในรถสบาย ๆ เมื่อขับรถคู่ใจไปออกทริปไกล ๆ ก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญเบาะทำจากวัสดุผ้าทั้งหมด (ลุยได้สุดไม่กลับเบาะพัง)  นอกจากนี้สำหรับระบบความบันเทิง ยังมาพร้อม Suzuki Smart Connect ที่มีฟีเจอร์จำเป็นต่าง ๆ มาให้อย่างครบครัน ทั้งหน้าจอกลางขนาด 7 นิ้ว, ระบบนำทาง, เครื่องเล่นวิทยุ MP3 WMA, ช่องเสียบ SD Card, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ Bluetooth และ ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เป็นต้น อีกทั้งยังให้ลำโพงคู่หน้ามาถึง 2 ตำแหน่ง และ ช่องสำหรับเชื่อมต่อ USB 1 ช่อง บริเวณคอนโซลหน้าอีกด้วย

Suzuki Jimnyราคาอย่างไม่เป็นทางการในไทย

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากเป็นเจ้าของ Suzuki Jimny รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า สำหรับในเมืองไทยจะเป็นรถนำเข้าทั้งคัน ดังนั้นจึงทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีราคาที่สูงการรถที่ประกอบ หรือผลิตในเมืองไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการนำเข้าล็อตแรกมาทั้งหมด 90 คันด้วยกัน และการตอบรับจากแฟน ๆ ก็ดีเกินคาด เนื่องจากยอดสั่งจองพุ่งไปถึง 30 คัน ในระยะเวลา 3 ชั่วโมงเท่านั้น ทั้งนี้เปิดจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ รุ่นเกียร์ธรรมดา โดย ราคาไทย สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติจะอยู่ที่ 1,650,000 บาท และ 1,550,000 บาท สำหรับเกียร์ธรรมดา ดังนั้นใครที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ออฟโรดรุ่นนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามไปยังโชว์รูมSuzuki หรือ โชว์รูมตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านก็ได้เช่นกัน

อ่านบทความอื่น ๆ >> TOYOTA GR 86 รถสปอร์ตสุดเท่ที่พัฒนาร่วมกับ SUBARU

สนับสนุนโดย : 

https://sa-game.bet/เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเย เว็บบาคาร่าที่คนเล่นเยอะที่สุด กับยอดฝากขั้นต่ำเพียง 1 บาท บริการคาสิโนออนไลน์ที่ลงตัวที่สุดรอท่านให้ได้สัมผัสก่อนใคร

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

ใครอยากได้ รถงบ 5 แสน มารวมกันทางนี้! 

ใครอยากได้ รถงบ 5 แสน มารวมกันทางนี้! 

รถยนต์นับว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องใช้ระยะเวลาตัดสินใจในการเลือกซื้ออยู่พอสมควร เพราะนอกจากจะเลือกซื้อประเภทของรถยนต์ที่เหมาะสมและตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของเราแล้ว การเลือกซื้อรถยนต์ที่อยู่ในงบประมาณราคาที่เราตั้งไว้ หรืออยู่ในราคาที่เราสามารถผ่อนส่งได้ไหวก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวม รถงบ 5 แสน 3 รุ่น ที่เหมาะกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันแบบสุด ๆ 

รวม รถงบ 5 แสน ซื้อสดก็ง่าย ดาวน์ ผ่อนก็สบาย ๆ 

สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากได้ รถเก๋งราคาถูก 2022 หรือ รถงบ 5 แสน วันนี้เราได้รวบรวมรถยนต์ 3 รุ่นที่ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ๆ ด้วยงบไม่เกิน 5 แสนบาท ซึ่งรถยนต์ทั้ง 3 รุ่น มีดังนี้

รถงบ 5 แสน
  • New Mitsubishi Attrage

รถยนต์ 4 ประตู 5 ที่นั่ง ที่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ภายในมาพร้อมหน้าจอกลางระบบสัมผัส SDA ขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน และที่สำคัญยังประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตร / ลิตร เลยทีเดียว

ราคา: รุ่น ACTIVE MT ราคา 494,000 บาท

        รุ่น ACTIVE CVT ราคา 529,000 บาท

      รุ่น SMART CVT ราคา 584,000 บาท

      รุ่น SPECIAL EDITION ราคา 543,000 บาท        

      *เฉพาะสีขาว WHITE DIAMOND เพิ่ม 7,000 บาท

รถงบ 5 แสน
  • Nissan March  

eco car ราคาไม่เกิน 5 แสน จาก Nissan ที่ตอบโจทย์ City Life ที่สุด โดยรุ่นนี้เป็นรถยนต์ 5 ประตู 5 ที่นั่ง (แต่นั่ง 4 คนกำลังสบาย ไม่อึดอัดเกินไป) เครื่องยนต์ HR12DE 3 สูบแถวเรียง Cylinder DOHC 12V CVTC ขนาด 1,198 cc ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 79 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร มีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่จุของได้ถึง 251 ลิตร 

ราคา: รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท

        รุ่น 1.2 E MT ราคา 480,000 บาท

        รุ่น 1.2 E CVT ราคา 495,000 บาท

        รุ่น 1.2 EL CVT ราคา 510,000 บาท

รถงบ 5 แสน
  • Suzuki Celerio 

Suzuki Celerio รถยนต์ ราคาไม่เกิน 5 แสนบาท 5 ประตู 5 ที่นั่ง (แต่นั่ง 4 คนกำลังสบาย ไม่อึดอัดเกินไป) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ K10B 3 สูบ 12 วาล์ว 998 ซีซี กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ประหยัดยิ่งขึ้นด้วยเครื่องยนต์ที่รองรับน้ำมัน E20 ที่สำคัญยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่จุได้ถึง 254 ลิตร เลยทีเดียว

ราคา: รุ่น GA/MT ราคา 338,000 บาท

        รุ่น GL/CVT ราคา 416,000 บาท 

        รุ่น GX/CVT ราคา 442,000 บาท 

ECO Car รถราคา5แสน ที่เหมาะกับการเป็นรถในชีวิตประจำวันที่สุด

แม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้า แต่ รถยนต์ ECO Car ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลาย ๆ คนต่างเทใจให้ เนื่องจากรถยนต์ประเภทนี้นอกจากจะช่วยคุณประหยัดน้ำมันแล้ว ยังมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าหลาย ๆ รุ่นอีกด้วย เช่น รถงบ 5 แสน ทั้ง 3 รุ่นที่เราได้รวบรวมมาให้กับทุกคนในวันนี้ล้วนเป็น ECO Car ที่เหมาะกับคนที่ใช้รถบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น งานของคุณอาจจะจำเป็นต้องใช้รถส่วนตัวเพื่อเดินทางออกไปนอกสถานที่ หรือต้องไปพบลูกค้าหลาย ๆ คนในวันเดียวกัน การเลือกใช้รถ Eco car ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับคุณ เพราะคุณไม่ต้องรอชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเชื้อเพลิงรถของคุณใกล้จะหมดนั่นเอง ดังนั้นหากใครที่กำลังตามหา รถยนต์ราคาไม่เกิน 5 แสน 2022 3 รถยนต์ Eco car ที่เรานำมาฝากในวันนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย

อ่านบทความ : TOYOTA GR 86 รถสปอร์ตสุดเท่ที่พัฒนาร่วมกับ SUBARU

 

 

 

 

 

 

สนับสนุนโดย : 

https://sa-game.bet SA-Game คาสิโนออนไลน์ พร้อมเปิดบริการพนันออนไลน์เต็มรูปแบบครบวงจรที่สุด ลองเลย !

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

Toyota GR 86 รถสปอร์ตสุดเท่ที่พัฒนาร่วมกับ Subaru

Toyota GR 86

หากใครที่ได้ดูรีวิว Subaru BRZ 2022 ที่ทาเว็บไซต์เราได้เขียนรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็คงรู้สึกกว่ารูปลักษณ์ภายนอกของ Toyota GR 86 ช่างมีความคล้ายคลึงกับ Subaru BRZ เป็นอย่างมาก แต่หากเพื่อนจะรู้สึกแบบนั้นก็คงไม่ผิดไปซะทีเดียว เนื่องจาก รถสปอร์ตทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทาง Toyota และ Subaru พัฒนาร่วมกัน ดังนั้นรูปลักษณ์และสเปคบางอย่างของรถสปอร์ทั้ง 2 รุ่นนี้จึงมีความคล้ายคลึงเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง Toyota GR 86 จะมีสเปคต่าง ๆ ที่น่าสนใจขนาดไหน วันนี้เว็บไซต์ของเราได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นมาให้กับเพื่อน ๆ ทุกคนแล้ว

Toyota GR 86

สเปคของ Toyota GR 86 รถสปอร์ตที่มีกำลังสูงสุด 237 แรงม้า 

สำหรับToyota GR 86 เป็นหนึ่งในรุ่นของรถสปอร์ตที่ทางToyota พัฒนาร่วมกับ Subaru BRZ จึงทำให้ ทั้งToyota GR 86 2022 และ Subaru BRZ 2022 มีดีไซน์ และสเปคต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นรถทั้ง 2 รุ่นนี้จึงเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อคนที่หลงรักในแบรนด์ของพวกเขาโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้

โดย Toyota GR 86 มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น FA24 Boxer 2.4 ลิตร 4 สูบแนวนอน DOHC 16 วาล์ว 2,387 cc. ที่ให้กำลังสูงสุด 237 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด EEC net 250 นิวตัน-เมตร ที่ 3,700 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.3 – 6.8 วินาที 

Toyota GR 86

ขนาดรถยนต์ภายนอก ยาว4,265 x กว้าง 1,775 x สูง 1,310 มม. รถสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Shift Lock ขับเคลื่อนล้อหลัง พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS หุ้มด้วยหนัง เดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง หรือ สีเงิน พร้อมสัญลักษณ์ GR แบบธรรมดา 4 ทิศทาง ที่​นั่งคนขับและผู้โดยสารข้างคนขับเป็น​​แบบ​แมนนวลปรับ 4 ทิศทาง ตกแต่งภายในด้วยสีดำ-แดง หรือ สีดำ-เงิน (Subaru BRZ จะมีเฉพาะสีดำแดง)

นอกจากนี้สำหรับ มาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ของ New Toyota GR86 รุ่นนี้มาพร้อมกับมาตรวัดจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว หน้าจอกลางระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตำแหน่ง ช่องเสียบ USB 2 ตำแหน่ง และ AUX 1 ตำแหน่ง พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด Sport, Snow, Track และ Normal ช่วยให้คุณสามารถขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ง่ายยิ่งขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้นการตกแต่งภายในยังใช้วัสดุหนังเป็นวัสดุหลักในการตกแต่งอีกด้วย

รถสปอร์ตToyota

Toyota GT86 2022 ราคาในไทย เริ่มต้นเพียง 2.9 ล้านบาท

สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของToyota GR 86 วันนี้ในไทยได้ทำการวางจำหน่ายรถรุ่นนี้อย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย โดยToyota GR86 ราคา เริ่มต้นที่ 2,949,000 บาท และมีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สีด้วยกันได้แก่ Magnetite Gray Metallic, Ice Silver Metallic, Sapphire Blue Pearl, Bright Blue, Sapphire Blue Pearl, Crystal White Pearl และ Crystal Black Silica ซึ่งจะเป็นเฉดสีเดียวกันกับ Subaru BRZ นั่นเอง

นอกจากนี้สำหรับในส่วนของราคา แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่มีสเปคใกล้เคียงกัน BRZ แต่ก็มีราคาที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดย Subaru BRZ 2022 ราคา จะเริ่มต้นที่ 2,699,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังมี 2 รุ่นย่อยรวมไปถึงมีทั้งแบบที่เป็นเกีร์ออโต้ และ เกียร์ธรรมดา ให้เลือก ดังนั้นใครที่เป็นแฟนแฟนตัวยงของแต่ละแบรนด์จึงอาจจะตัดสินใจในการเลือกได้ไม่ยากนัก

อ่านบทความ : เปิดจองเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Nissan GT-R T – Spec รุ่นพิเศษ!

สนับสนุนโดย : 

midwestrailplan.org/ บาคาร่า 1688 เกมส์คาสิโนบาคาร่าที่ดีที่สุด ฝาก-ถอนไว เพียง 10 วินาที

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

Mini pick – up ตำนานรถกระบะคันเล็กจิ๋วจาก Mini

Mini pick – up

หากกล่าวถึงแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษอย่างMini หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี และคุ้นเคยับรถยนต์จากทางแบรนด์กันอยู่แล้ว แต่เพื่อน ๆ เคยทราบไหมว่า ครั้งหนึ่งMini เคยผลิต Mini pick – up รถกระบะไซซ์เล็กจิ๋ว ที่มีการผลิตออกมาทั้งหมดไม่ถึงแสนคันทั่วโลก และจุดนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เราอยากพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับรถยนต์รุ่นนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะน่าสนใจ และ จะทำให้เราว๊าวกันขนาดไหนเราไปดูกันเลย

Mini pick – up

Mini pick – up รถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อกลุ่มพ่อค้าโดยเฉพาะ

รถกระบะนับว่าเป็นรถยนต์อีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมในกลุ่มพ่อค้าแม่ขายตั้งแต่ในช่วงอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากรถยนต์ประเภทนี้เป็นรถยนต์ที่สามารถขนของ หรือสินค้าต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก แต่หากย้ายไปในช่วงยุค 50s – 70s แบรนด์ที่ผลิตรถกระบะนั้นไม่ได้มีให้เลือกมาเหมือนในปัจจุบัน ดังนั้นในปี 1960  Miniจึงเกิดไอเดียที่จะผลิตMini pick up พร้อมกับMini Van ออกมาเพื่อเจาะกลุ่มพ่อค้า และช่างฝีมือโดยเฉพาะ

รถกระบะคันเล็ก

โดย มินิปิ๊กอัพ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1960 – 1981 ภายใต้แนวคิดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ให้คุณสามารถขนของที่มีขนาดใหญ่ หรือสิ่งของที่สกปรกและอาจจะส่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งรุ่นนี้จะมีระยะฐานล้อขยายเพิ่มขึ้น 25 เซนติเมตร กระบะยาว 1.20 เมตร และ กว้าง 85 เซนติเมตร ให้คุณสามารถขนของและไม่ต้องทนกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้สูงสุดถึง 317 กิโลกรัม อีกทั้งฝาท้ายยังสามารถเปิดปิดได้ เพื่อให้คุณสามารถขนของขึ้นลงได้ง่ายขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งของตกหล่นในขณะที่ขับขี่ได้อีกด้วย

นอกจากนี้รถกระบะรุ่นนี้เป็นรถยนต์แบบ 2 ที่นั่ง ที่ในยุคแรกรุ่นนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 34 แรงม้า 848 ซีซี แต่ต่อมาในปี 1967 ทางผู้ผลิตได้อัปเกรดเครื่องยนต์ให้เป็นขนาด 998 ซีซี 38 แรงม้า อีกทั้งยังมีแรงบิดที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้รถยนต์รุ่นนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมคือ “ผ้าใบกันน้ำ” ที่จะมีห่วงคล้องกับตัวกระบะ ซึ่งใช้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งของ หรือสินค้าของคุณเสียหายจากทั้ง ฝน และ ลม เป็นต้น

มีเอกลักษณ์เฉพาะ และกลายมาเป็นของสะสมที่หาดูได้ยาก

Mini pick upเป็น รถกระบะมินิ ที่นับว่าเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากรถยนต์รุ่นนี้เป็นรถยนต์ที่มีการผลิตออกมาประมาณ 58,000 คัน ซึ่งคิดเป็น 1% ของการผลิตมินิทั้งหมด อีกทั้งผู้ผลิตยังได้ออกแบบสัญลักษณ์ใหม่ขึ้นมา โดยออกแบบภายใต้แนวคิด “winner’s podium” และเป็นรุ่นเดียวที่ไม่ได้ใช้สัญลักษณ์ “Cooper” เหมือนรุ่นอื่น ๆ 

นอกจากนี้ mini pickup trucks รุ่นนี้ยังนับว่าเป็นรถยนต์ที่เรียกได้ว่าเป็น “วีรบุรุษชนชั้นแรงงาน” ดังนั้นผู้ผลิตจึงสลัดเอาความหรูหราซึ่งจะมีอยู่ในรถมินิรุ่นก่อน ๆ ออกไปให้หมด และคงไว้ซึ่งความทนทาน และความแข็งแกร่งที่อาจจะไม่เคยมีมาก่อนในรถตระกูลมินิ

ด้วยเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของรถรุ่นนี้ รวมไปถึงจำนวนในการผลิตที่ค่อนข้างน้อยจึงทำให้ปัจจุบัน รถยนต์รุ่นนี้กลายมาเป็นของสะสมของใครหลายคน และบ่อยครั้งในงาน Meeting รถคลาสสิกต่าง ๆ ก็มักจะมีคนเข้าใจผิดว่า รถยนต์รุ่นนี้ถูกเจ้าของดัดแปลงขึ้นเองอีกด้วย 

อ่านบทความอื่นๆ :

Volkswagen ID.Life รถไฟฟ้า โฟล์ค ที่คาดว่าจะวางขายในปี 2025

สนับสนุนโดย :

GCLUB คาสิโนออนไลน์ 24 ชั่วโมง เว็บตรง การเงินมั่นคง รองรับการถอนเงินสูงสุด กว่าล้านบาท อีกทั้งเป็นเว็บที่มีระบบธุรกรรมการเงินทันสมัยที่สุด เพียงฝาก-ถอน ธุรกรรมทั้งหมดของคุณจะเสร็จเรียบร้อยไม่เกิน 3 นาที สามารถเล่นผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

Maxus MIFA 9 รถตู้ 6 ที่นั่งสัญชาติจีน เคาะราคาในไทยแล้วเรียบร้อย

Maxus MIFA 9

สำหรับใครที่กำลังรอรีวิวรถสัญชาติจีน วันนี้เว็บไซต์ของเราได้ไปหาข้อมูลของรถยนต์ที่กำลังเป็นที่พูดถึง และน่าสนใจในชั่วโมงนี้มารีวิวให้กับทุกคนแล้ว โดยรถรุ่นนี้คือ Maxus MIFA 9 ซึ่งเป็นรถตู้ 6 ที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2022 นี้

Maxus MIFA 9

รีวิว Maxus MIFA 9 รถตู้ไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ไกล 500 กว่ากิโลเมตร

Maxus MIFA 9 คือ รถ MPV ไฟฟ้า 100% หรือรถตู้ไฟฟ้า 6 ที่นั่ง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในชั่วโมงนี้ โดยรถยนต์รุ่นนี้มีขนาดที่กว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง โดยขนาดของตัวรถจะอยู่ที่ ความยาว 5,270 มม. กว้าง 2,000 มม. และสูง 1,840 มม. และในส่วนของระบบมอเตอร์ รุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ที่คู่ล้อหน้า ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อีกทั้ง Maxus MIFA ยังมาพร้อมกับโหมดในการขับขี่ ทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Normal, Eco และ Sport 

นอกจากนี้แล้ว รถรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่เป็นแบบ Ternary Lithium ขนาด 90 Kwh จึงทำให้การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 520 กิโลเมตรเลยทีเดียว ดังนั้นใครที่กำลังหารถตู้หรือรถครอบครัวไว้ใช้เดินทางไกล รถ Maxus ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

Maxus MIFA 9

ดีไซน์และการออกแบบภายใน รวมไปถึงราคาของMaxus MIFA 9 

ในส่วนของการดีไซน์และการตกแต่งภายในของMaxus MIFA 9 สำหรับรุ่น Top จะมาพร้อมที่นั่งแบบ 6 ที่นั่ง ที่หุ้มด้วยหนัง Nappa ดีไซน์เรียบหรู ที่นั่งทั้ง 6 ที่ จะเป็นแบบแยกออกจากกัน ช่วยให้นั่งได้สบายไม่อึดอัด นอกจากนี้ในส่วนของเบาะยังเป็นเบาะระบบไฟฟ้า ที่สามารถปรับได้ 12 ทิศทาง พร้อมฟังก์ชันปรับอุณหภูมิ นวด และระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง 

Maxus MIFA 9

นอกจากนี้ในส่วนของ ระบบความบันเทิงของMaxus MIFA 9 2022 รุ่นนี้มาพร้อมกับจอทั้งหมด 10 จอด้วยกัน โดยจะมี 1 จอ ที่เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งจะติดตั้งเป็นแผงแดชบอร์ด บริเวณคอนโซลด้านหน้า และจอที่เหลือจะถูกติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของเบาะผู้โดยสารแต่ละเบาะ รวมไปถึงบริเวณที่พักแขน นอกจากนี้ภายในยังถูกติดตั้งลำโพงคุณภาพดีจาก JBL ทั้งหมดอีก 12 จุดด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมายังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถรุ่นนี้เรานั้น เนื่องจากรถรุ่นนี้ยังมีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ มากมายอีกด้วย โดย รถตู้ Maxusราคาเปิดตัวในประเทศจีนเริ่มต้นที่ประมาณ 269,900 – 379,900 หยวน หรือราว ๆ 1.39 – 1.95 ล้านบาทไทยนั่นเอง และว่ากันว่าทาง SAIC Motor ได้ทำการเริ่มส่งรถให้กับลูกค้าผู้ที่สั่งจองภายในจีนไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง :

Volkswagen ID.Life รถไฟฟ้า โฟล์ค ที่คาดว่าจะวางขายในปี 2025

สนับสนุนโดย :

GCLUB เกมคาสิโนออนไลน์เว็บตรง ต้นตำรับของบาคาร่าในทุกค่ายเปิดบริการ 24 ชั่วโมงเป็นที่สุดของระบบธุรกรรมที่รวดเร็ว ฝาก-ถอนทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ในเวลาไม่เกิน 3 นาทีมีบริการเดิมพันที่หลากหลายเช่นบาคาร่า , สล๊อต , เสือมังกร , รูเล็ต , กำถั่ว , ไฮโล เล่นผ่านสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบ

Categories
All CAR ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

Volkswagen ID.Life รถไฟฟ้า โฟล์ค ที่คาดว่าจะวางขายในปี 2025

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์หลายค่ายเริ่มมีการพัฒนารถยนต์ในค่ายของตัวเองให้มีความเข้ากับยุคกับสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะในโลกอนาคต ซึ่งจะเป็นโลกที่คนเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของการอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากรมากขึ้น และในปัจจุบันเราก็เริ่มจะได้เห็นค่ายรถยนต์ชั้นนำที่ออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่ง Volkswagen ก็ไม่พลาดที่จะพัฒนา รถไฟฟ้า โฟล์ค เช่นกัน โดยรุ่นดังกล่าวมีชื่อว่า Volkswagen ID.Life และคาดว่าจะวางขายอย่างเป็นทางการในปี 2025 ที่จะถึงนี้

สเปคอย่างไม่เป็นทางการของ รถไฟฟ้า โฟล์ค รุ่น Volkswagen ID.Life

รถไฟฟ้า โฟล์คหรือ Volkswagen EV ในปัจจุบันนั้นมีการเปิดตัวออกมาแล้วหลายต่อหลายรุ่นด้วยกัน ซึ่งรุ่นหนึ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งมีชื่อรุ่นว่า Volkswagen ID.Life ที่เกิดจากแนวคิดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็ก แต่ความน่าสนใจของ รถไฟฟ้า100% รุ่นนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากรถคันนี้จะเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแล้ว รถรุ่นนี้ยังใช้วัสดุจากธรรมชาติ และวัสดุรีไซเคิลเข้ามาช่วยในเรื่องการออกแบบและตกแต่ง 

โดยรถรุ่นนี้จะตกแต่งภายในของห้องโดยสาร และภายนอกด้วยสิ่งทอที่ทำจากขวด PET รีไซเคิล 100% ซึ่งจะใช้สำหรับเป็นฝาครอบช่องแอร์ ผ้าคลุมฝากระโปรงด้านหน้า และหลังคาภายในตัวรถ เป็นต้น ในส่วนของสียังใช้สารที่ได้จากเศษไม้มาผสมเข้ากับสารเพิ่มความแข็งแบบชีวภาพ เพื่อใช้ในการเคลือบเงาให้กับตัวรถแทนการใช้สารเคมี และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ ที่นั่งสำหรับคนขับและผู้โดยสารยังทำมาจากวัสดุธรรมชาติหลายชนิดจนได้เบาะที่ดี มีคุณภาพ และรักโลกไปในตัวอีกด้วย

รถไฟฟ้า โฟล์ค

รถไฟฟ้าที่มีแรงม้าสูงถึง 230 แรงม้า แถมมาพร้อมราคาเพียง 700,000 กว่าบาทเท่านั้น

สำหรับ รถไฟฟ้า โฟล์ครุ่นที่เราพาทุกคนไปทำความรู้จักในวันนี้ ต้องบอกเลยว่า เรื่องของพละกำลังของมอเตอร์นั้นไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน โดย รถไฟฟ้าโฟล์คสวาเกน รุ่นนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าฟ้า 230 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร / ชั่วโมง อยู่ที่ 6.9 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดแบตเตอรี่ 57 kWh (กิโลวัตต์-ชั่วโมง) ที่สามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 400 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

นอกจากนี้ในส่วนของราคา Volkswagen ไฟฟ้า ราคา อัปเดตล่าสุดอยู่ที่ราว ๆ 20,000 ยูโร หรือราว ๆ 749,501 บาทไทยเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดี ข้อมูลดังกล่าวทั้งเรื่องข้อมูลของราคา และปีที่วางขายที่คาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2025 นี้ เป็นข้อมูลสำหรับการวางขายในยุโรปเท่า ดังนั้นสำหรับข้อมูลของราคา และวันที่วางขายในไทยจึงยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา ดังนั้นใครที่อยากได้รถไฟฟ้ารุ่นนี้มาครอบครองอาจจะต้องรอติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณไม่พลาดรถยนต์ที่เป็นนวัตกรรมแห่งอนาคตรุ่นนี้

อ่านบทความ : BMW IX รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ทั้งเท่ และดูดุดัน

สนับสนุนโดย : SAgameบาคาร่าอันดับ 1 เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน ถ่ายทอดสดจากโต๊ะบาคาร่าจริงแบบเรียลไทม์ ปลอดภัยไร้การโกงอย่างแน่นอน สามารถดาวน์โหลดเอาไว้เล่นบนโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนได้

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

ทำความรู้จักกับ BYD แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน ที่มาตีตลาดรถยนต์เมืองไทยในปีนี้

BYD แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน

ปัจจุบันการเข้ามาตีตลาดรถยนต์ในเมืองไทยของแบรนด์รถยนต์จากจีนนั้น กำลังเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากหลายปีก่อนหน้านี้เรามักจะคุ้นเคยกันรถยนต์จากญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา เป็นหลัก แต่ในระยะ 7- 8 ปีที่ผ่านมานี้เรามักจะเห็นการหันมาบริโภคในส่วนของรถยนต์จากจีนมากยิ่งขึ้น และล่าสุดกับแบรนด์ BYD แบรนด์รถยนต์น้องใหม่ที่เข้ามาตีตลาดรถยนต์ในเมืองไทยภายในปี 2022 นี้เป็นเรียบร้อย โดยมี Rever Automotive เป็นตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย

BYD แบรนด์รถยนต์สัญชาติจีน
(https://www.aljazeera.com/economy/2022/7/28/chinas-byd-was-dismissed-by-elon-musk-now-its-beating-tesla)

BYD แบรนด์รถยนต์ที่มีการก่อตั้งอย่างเป็นทางการมาแล้ว 19 ปี

สำหรับBYD หรือBYD Auto จะเรียกว่าเป็นแบรนด์รถยนต์น้องใหม่ล่าสุดจากประเทศจีนที่น่าจับตามองที่สุดในชั่วโมงนี้ก็คงไม่ผิดไปสักทีเดียว เนื่องจากแบรนด์นี้พึ่งจะมีการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2003 ที่ผ่านมานี้ หลังจากที่บริษัทได้ทำการซื้อกิจการต่อจาก Qinchuan Automobile Company ในปี 2002 ซึ่งBYD เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการผลิตรถหลายชนิด เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสาร รถบรรทุก รถจักรยานไฟฟ้า รถยก และแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟ เป็นต้น แต่ถึงอย่างนั้นเพียงระยะเวลา 19 ปีBYD ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ได้ในที่สุด 

แต่สำหรับปี 2022 นี้ ทางทีมผู้บริหารและพัฒนาของBYD ได้เล็งเห็นความสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า บวกกับในอนาคตตลาดของ รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV นั้นเริ่มมีการขยายตัวที่มากขึ้น

ทางBYD จึงได้เริ่มผลิตทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ออกมาหลายรุ่นด้วยกัน และแน่นอนว่ายอดขายรถยนต์แต่ละรุ่นจากแบรนด์ก็ค่อนข้างสูงเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แบรนด์นี้นับว่าเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้

BYD

Rever Automotive ตัวแทนจำหน่ายของBYD ในเมืองไทย

สำหรับปี 2022 นี้ใครที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์นวัตกรรมใหม่จากBYD เรียกว่าอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เนื่องจากล่าสุด เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทาง Rever Automotive ก็ได้จัดงานเปิดตัวของการเป็นตัวแทนจำหน่าย และเป็นผู้ให้บริการหลังการขายสำหรับรถจากBYD ที่จำหน่ายในประเทศไทย

นอกจากนี้ทางทีมผู้บริหารยังได้กล่าวว่า ในปี 2022 นี้ทางบริษัทจะเร่งทำการขยายตัวแทนจำหน่ายให้ได้ 30 แห่ง และ 60 แห่งในปี 2023 ซึ่งเราเชื่อว่าหากทำได้เช่นนั้นจะทำให้รถยนต์จากแบรนด์นี้ได้รับความนิยมสูงขึ้นไปอีกขั้นอย่างแน่นอนนอกจากนี้ในส่วนของรถยนต์รุ่นแรกที่คาดว่าจะวางจำหน่ายในBYD Thailand อาจจะเป็นBYD Dolphin ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 5 ประตู 5 ที่นั่งที่คาดว่าจะมีราคาราว ๆ 700,000 กว่าบาทไทยเท่านั้น

อ่านบทความ : WRECKFEST เกมที่จะเปิดประสบการณ์ความมันไม่รู้ลืม

สนับสนุนโดย : ดัมมี่ เกมสุดฮิตที่มีมาอย่างยาวนาน สามารถเข้ามาเล่นได้ผ่านเว็บ HILOSPEC อีกทางเลือกที่ให้ผู้เล่นได้เข้ามาสร้างความสนุกสนาน ผ่านเกมในรูปแบบออนไลน์กัน มั่นคง เชื่อถือได้ ที่สุดแห่งปี 2022

Categories
ARTICLE รุ่นรถ แบรนด์รถ

Mazda 3 2022 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ

สำหรับใครที่เป็นสาวกของ Mazda และกำลังรอการเปิดตัวรถรุ่นใหม่จากแบรนด์ วันนี้ทาง Mazda ได้ทำการเปิดตัว Mazda 3 2022 แล้วอย่างเป็นทางการ และงานนี้เราเชื่อว่ามีหลายคนต้องใจละลายให้กับความสวย เท่ และดูดีของรถรุ่นนี้อย่างแน่นอน

Mazda 3 2022 ที่มาพร้อมสีใหม่ล่าสุด ทั้งหรู ดูดี และมีสไตล์

Mazda 3เปิดตัว แล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อช่วงต้นปี 2022 ที่ผ่านมา โดย Mazda 3รุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นที่มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของเครื่องยนต์ รวมไปถึงดีไซน์นั้งภายนอกและภายใน ทำให้วันนี้เว็บไซต์ของเราจึงอยากหยิบเอา Mazda 3รุ่น 2022มารีวิวให้กับทุกคนได้อ่านกัน

Mazda 3 2022
(https://autostation.com/news/new-mazda-3-2022)

โดยรถยนต์ Mazda 3 2022จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ MAZDA3 SEDAN 2.0 C, MAZDA3 SEDAN 2.0 S และ MAZDA3 SEDAN 2.0 SP ซึ่งทุกรุ่นจะมีสเปคของเครื่องยนต์ที่เหมือนกัน ได้แก่เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลังแรงม้าสูงถึง 165 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า และที่สำคัญคือ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร เท่านั้น 

Mazda
(https://www.9carthai.com/new-mazda-3-price/)

นอกจากนี้ในส่วนของการตกแต่งภายใน รถยนต์รุ่นนี้ถูกออกแบบมาพร้อมคอนเซปต์ AWAKENING YOUR SOUL ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่ช่วยบ่งบอกถึง เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกความเป็นสปอร์ตในตัวคุณออกมา ดังนั้นดีไซน์ของรถจึงมีทั้งความเรียบหรู ดูดี และความเท่ แบบสปอร์ท โดยภายในจะตกแต่งด้วยสีดำทั้งหมด ทั้งบริเวณคอนโซน และเบาะ ซึ่งจะเป็นเบาะหนัง รวมไปถึงที่นั่งคนขับและผู้โดยสารด้านหน้ายังสามารถปรับได้ถึง 10 ทิศทาง นอกจากนี้เนื่องจากรถรุ่นนี้เป็นรถยนต์ 5 ประตูดังนั้นจึงสามารถพับปรับ พับเบาะหลังได้ 60:40 เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มพื้นที่ให้การเก็บสัมภาระได้มากขึ้นนั่นเอง

Mazda 3
(https://www.headlightmag.com/official-price-mazda3-my2022/) 

ราคาของรถทั้ง 3 รุ่นย่อย พร้อมกับข้อมูลของสีรถ

อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นแล้วว่า Mazda 3 2022มีรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน โดย Mazda 3 2022ราคา เริ่มต้นจะอยู่ที่ 979,000 สำหรับรุ่น SEDAN 2.0 C และ 2.0 C Sports, 1,069,000 บาท สำหรับรุ่น SEDAN 2.0 S และ 2.0 S Sports และราคา  1,198,000 บาท สำหรับรุ่น SEDAN 2.0 SP และ 2.0 SP Sports ซึ่งหากใครที่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลของ Mazda 3 2022ราคา ตาราง-ผ่อน บนเว็บไซต์ของ Mazda ได้เลย 

นอกจากนี้แล้วรถยนต์ใหม่รุ่นนี้ มีทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง (Soul Red Crystal), สีเทา (Machine Grey), สีขาว (Snowflake White Pearl), สีดำ (Jet Black), สีเงิน (Sonic Silver) และสีเบจ (Platinum Quartz) ซึ่งเป็นสีใหม่ล่าสุดนั่นเอง

อ่านบทความ >> BMW IX รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ทั้งเท่ และดูดุดัน

สนับสนุนโดย >> UFABET เว็บบาคาร่า อันดับ1 เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ มั่นคง ปลอดภัย 100% มาแรงที่สุดในปี 2022 > HTTPS://UFABALL.BET