Previous slide
Next slide
Categories
ARTICLE

ทำความรู้จักกับรถยนต์ New MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ที่สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าสนใจ

ทำความรู้จักกับรถยนต์ New MG MAXUS 9 ไฟฟ้า 7 ที่นั่งที่สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าสนใจ

เปิดตัวกันไปแล้วกับรถตู้ที่เป็นสุดยอดรถไฟฟ้าที่หลายๆ คนกำลังรอคอยกันอยู่ก็ว่าได้เพราะเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริงโดยส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้ toyota Alphard การเป็นรถตู้ที่ใช้สำหรับครอบครัวกันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากได้รู้จักกับ MG MAXUS 9 ที่เปิดตัวมาด้วยราคา 2,499,000 บาทก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและในรุ่น V ราคาอยู่ที่ 2,699,000 บาทยอดจองถึงหลักพันคันแล้วในตอนนี้และมีการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าอยู่ หลังจากตัดสินใจจองก็รอระยะเวลาประมาณ 2 เดือนก็จะได้รับรถยนต์ MG MAXUS 9 ตามที่รอคอย

รู้จักกันกับ รถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9 กับขุมพลังที่น่าเหลือเชื่อ

MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้ามอเตอร์ 245 แรงม้าด้วยแบตเตอรี่ความจุถึง 90 กิโลวัตต์มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนให้พละกำลังสูงสุดถึง 180 กิโลวัตต์หรือ 245 แรงม้าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 350 นิวตันเมตรแบตเตอรี่และการจัดจัดวางขนาดความจุ 90 กิโลวัตต์สามารถวิ่งในระยะสูงสุด 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบสองแบบทั้ง normal Charge และ quick Charge จนทำให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทั่วประเทศ ด้วยพลังของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมสถานีชาร์จทั่วประเทศโดยการชาร์จไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จะได้อยู่ที่ 30% ถึง 80% ความเร็วสูงสุด 120 กิโลวัตต์และการชาร์จแบบธรรมดาชาร์จไฟจาก 5% ถึง 100% จะใช้เวลาประมาณอยู่ที่ 8 ชั่วโมง 30 นาทีรองรับการชาร์จสูงสุดอยู่ที่ 11 กิโลวัตต์ทั้งนี้ระยะเวลาในการชาร์จขึ้น แบตเตอรี่คงเหลือและกำลังประจุของไฟฟ้า

  • แบตเตอรี่มีมาตรฐานความปลอดภัยและป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่น
  • ระบบพวงมาลัยควบคุมด้วยไฟฟ้า
  • ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
  • ระบบช่วงด้านหน้าแบบอิสระระบบช่วงด้านล่างแบบอิสระมัลติลิ้งค์

การทดสอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า

MG MAXUS 9 เป็นรถยนต์ที่หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างแล้วตัวรถนั้นดูไม่ใหญ่จนเกินไปสำหรับการถอยเข้า ถอยออกภายในบริเวณบ้านมีความสูงจากพื้นไม่มากจากบันไดเป็นส่วนสำคัญถ้าหากมีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กที่ต้องการใช้รถตู้จะขึ้นลงง่าย Toyota Alphard แน่นอนเพราะมีติดตัวถังยาว 5270 กว้าง 2000 สูง 1840 ระยะยาวฐานล 3200 มิลลิเมตรระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตรการออกเดินทางจากกรุงเทพเดินทางทั้งหมด 6 คนมีน้ำหนักรถยนต์ประมาณ 2.9 ตันเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบที่ใช้น้ำหนักจริงตำแหน่งผู้ขับมองได้อย่างสบายตาด้วยกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนทำให้ไอร้อนจากแดดเข้ามาเยอะพอสมควร แต่เมื่อติดฟิล์มแล้วก็สามารถวิ่งในเมืองได้อย่างคล่องตัวแบบไม่น่าเชื่อ เพราะมุมมองในการนั่งทำให้เรารู้สึกไม่อึดอัดอัตราการเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้ากดคันเร่งรถออกแบบทันใจ ไม่ต้องรอนานแถมยังเป็นรถยนต์ที่มีแรงม้าสูงทำให้เปลี่ยนเลนส์ในเมืองได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องลุ้นมีระบบช่วยเหลือในการขับขี่อีกเพียบถ้าหากขึ้นทางด่วนเรื่องความแรงนั้นไม่ต้องสงสัยเลยเพราะมาพร้อมกับความแรง 245 แรงม้าและแรงบิด 350 นิวตันเมตรพาตัวรถหนักเกือบ 3 ตันวิ่งแซงแรงสบายขณะ ที่ทุกคนนั่งกันได้อย่างสบายๆ ไม่มีแรงกระแทกใดๆ ทั้งสิ้นแถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเงียบทำให้คุณลืมความเร็วทำความเร็วได้เป็นอย่างดี ภายในออกแบบมาอย่างนุ่มนวลมีความนิ่งเป็นอย่างมากและการขับขี่ที่ทำให้คุณนั้นสามารถนั่งรถทางไกลได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกเวียนหัวและสำหรับผู้ที่นั่ง แถวเบาะ Vip ข้างหลังคนขับบอกได้เลยว่าเป็นเบาะที่สบายที่สุดสำหรับการเดินทางเพราะมีระบบนวดหลัง และสำหรับการนอนสำหรับการเดินทางไกลที่เอามาคำนวณดูแล้วถือได้ว่าการเดินทางแบบเรื่อยๆ ที่รู้สึกไม่เหนื่อยเลย

พื้นที่ห้องโดยสารมีการตกแต่งได้อย่างหรูหราและมีฟังก์ชันดังต่อไปนี้

MG MAXUS 9 ภายในห้องโดยสารจะมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างมากมายสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้าเบาะนั่งแถวที่สองพร้อมกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เชื่อมต่อทุกรูปแบบ

  • ดีไซน์คอนโทรลหน้าพร้อมที่วางแก้วและรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
  • เบาะหนังหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารและไฟห้องโดยสารถึง 64 สี
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าสี่ทิศทาง
  • เบาะนั่งแถวที่สองพร้อมระบบจดจำการนั่งมีระบบนวดเบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอทัชสกรีนพร้อมช่องวางโทรศัพท์โต๊ะพับและที่วางแก้ว
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังสี่ทิศทางควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับวางโทรศัพท์
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล 7 นิ้วและหน้าจอสี่ระบบสัมผัส 12.33 นิ้วพร้อมกับลำโพง 12 ชุด
  • มีระบบเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและพร้อมเชื่อมต่อ USB 9 จุด
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay แบบมัลติมีเดียและระบบสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์
  • กระจกมองหลังผ่านกล้อง
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติและบริเวณด้านหน้าและด้านหลังพร้อมระบบกรองอากาศพีเอ็ม 2.5
  • ระบบกุญแจนิรภัยพร้อม Push Start

New MG MAXUS 9 มาพร้อมกับโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบรอบคันมีมาตรฐานและยังมีระบบอื่นๆดังต่อไปนี้

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า
  • ระบบป้องกันการไหลของรถยนต์โดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง
  • ระบบป้องกันล้อล็อกพร้อมระบบกระจายแรงเบค
  • ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบควบคุมการทรงตัว
  • ระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้ง
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
  • ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
  • ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่และระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้าด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
  • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบสามมิติ
  • สัญญาณเตือนระยะเดินทางและถอยหลัง
MAXUS 9 official price

รีวิวการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9

MG MAXUS 9 ดีกว่าที่คุณคาดคิดแต่แนะนำให้เลือกใช้งานแบบตัวท็อป MG MAXUS 9 รถตู้ไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์มีให้เลือกสองรุ่นเริ่มต้นจะเริ่มที่ 2,499,000 บาทและรุ่นท็อปอยู่ที่ 2,699,000 บาท

ราคาทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีฟังก์ชันที่แตกต่างกันทดลองนั่งด้านหลังกันก่อนโดยพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือให้สบายมากๆ ใครที่กำลังรอรถตู้ไฟฟ้าแบบ 100% ถือว่าคันนี้ตอบโจทย์ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนรถตู้ ผู้บริหารและรถครอบครัวพร้อมกับลูกเล่นต่างๆ เป็นแบบหน้าจอทัชสกรีนสามารถปรับเบาะได้หลายรูปแบบปรับเอนเบาะแบบทั่วไปนอกจากนี้นั้นยังควบคุมซันรูฟแอร์ได้อีกด้วย และดึงอุปกรณ์เสริมมาเป็นที่วางของให้ฟิลผู้บริหารที่อยากทำงานหรือทานข้าวในรถยนต์ MG MAXUS 9 คันนี้ก็สามารถทำได้ไเลยทันทีเบาะแถว 3 นั่งได้สบายกว้างขวางสามคนแต่ถ้าหากตัวไม่เล็ก 2 คนก็กำลังดีเป็นรถยนต์ที่ปรับเบาะมาเพื่อให้มีความสะดวกสบายและมีฟิลการขับขี่ในรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มต้นความเร็วจาก 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำความเร็วได้เป็นอย่างดีเป็นจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าในการขับขี่ให้ความรู้สึกว่าเป็นรถยนต์ที่มีความหน่วงพอสมควร สำหรับการขับในเมืองแต่ถ้าหากขับบนทางด่วนหรือ ต่างจังหวัดก็จะทำความเร็วได้เป็นอย่างดีรวมถึงโหมดอื่นๆ ก็ยังมีมาหลากหลายทั้งพวงมาลัยมือขับแบบสบายตอบโจทย์การขับขี่แบบกระชับนอกจากนี้ยังล็อคมือทีเดียว เพราะสามารถปรับขึ้นลงได้แต่ไม่ใช่ปรับแบบระบบไฟฟ้ากระจกมองหลัง ที่ไม่สามารถมองผ่านเบาะแถว 2 แถว 3 ซึ่งเป็นการตั้งค่าเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารด้านหลังออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ในสไตล์รถผู้บริหาร ซึ่งไม่สามารถปรับให้มองจากด้านในรถได้เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้ทดลองขับก่อน จึงจะตัดสินใจซื้อเพราะถ้าหากใครไม่มั่นใจในกระจกมองหลังก็จะค่อนข้างซีเรียสกับรถยนต์คันนี้กล้องมองหลัง 360 องศามีภาพชัดและมีไฟเตือนที่ด้านในกระจกมองข้างรถคันนี้มีเกียร์ที่อยู่พวงมาลัยด้านขวาพร้อมกับหน้าจอเอนเตอร์เทนเม้นท์ที่จะควบคุมระบบต่างๆ ตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องแทนการใช้ปุ่มสตาร์ทคือเวลาเปิดประตูหรือว่าจอดหรือเปิดปิดประตูรถจะดับให้อัตโนมัติ รวมถึงควบคุมระบบความปลอดภัย ยกเว้นการควบคุมระบบแอร์ที่ ควบคุมผ่านแผงด้านล่างจอนี้เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay มีหน้าจอของแอพพลิเคชั่นที่โดดเด่นสวยงาม เปรียบเทียบกับหน้าจอคนขับแล้วสิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือคอนโซลหน้าที่มีความนุ่มมาก ถ้าหากมีเด็กอยู่ด้านหน้ารถเราก็จะรู้สึกมั่นใจขณะเบรก พร้อมกับมีแท่นชาร์จไร้สาย ที่มีที่วางแก้วทั้งสองช่องได้ที่วางแขวนขนาดใหญ่ออกแบบได้ดีกว้างขวางไม่บีบช่วงขาของคนขับทำให้ขับได้ง่าย

MG MAXUS 9 ให้ความรู้สึกขณะคลับนั้นจะมีเสียงลมเข้าห้องโดยสารเมื่อความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปแต่ถ้าหากต่ำกว่านี้ก็จะมีเสียงลมเข้ามารบกวนถือว่าอยู่ในมาตรฐานห้องโดยสารเงียบเก็บเสียงได้ดีแต่ถ้าเป็นเสียงรถบรรทุกเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเสียงมอเตอร์ไซค์แน่นอนว่าเสียงนี้ก็เข้าอยู่แล้วความเร็วอยู่ ที่ 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคันนี้ความเร็วได้ที่ 8. 9 วินาทีและท็อปสปีดสูงสุดอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนระยะการเดินทางเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สามารถเดินทางได้ 540 กิโลเมตรต่อ หนึ่งการชาร์จแต่ก่อนออกเดินทางการขับขี่ตัวเลขก็จะแสดงอยู่ที่ 426 กิโลเมตรแต่ถ้าหากขับไปถึงสระบุรีแล้วก็เหลือ 110 กิโลเมตรแต่ระยะทางที่แสดงหน้าจอจะเหลือ 288 กิโลเมตรเป็นการคำนวณระยะทางที่แตกต่างกันถึง 30 กิโลเมตรอาจจะต้องเฉลี่ยในการขับขี่แต่ละครั้ง

ข้อสรุปกับรถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9 ที่จะกลายเป็นรถยนต์ของคนรุ่นใหม่ในอนาคต

สรุปว่า MG MAXUS 9 เป็นรถยนต์ที่มีความทันสมัยและค่อนข้างตอบโจทย์ในด้านการใช้งานของครอบครัวแต่แนะนำให้เลือกเป็นรุ่นท็อปจะดีกว่าและที่สำคัญเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่มีแค่ 2 เจ้าในตลาดจีนเท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง ระหว่าง BYD กับ MG และยังไม่มีการส่งมอบรถแต่อย่างใดแต่หลังจากการทดสอบ MG MAXUS 9 แล้วก็จะให้ความรู้สึกและตอบสนองผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีแน่นอนเพราะความคล่องตัวสะดวกสบายและฟังก์ชันที่ขับขี่ง่ายหากคุณแม่หรือครอบครัวใดที่กำลังหารถยนต์ไปรับส่งลูกไปโรงเรียนบอกได้เลยว่าคันนี้ ตอบโจทย์อย่างแน่นอนหรือจะเป็นเดินทางไกลไปเขาใหญ่ก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

แนะนำ รถฮาเล่ 5 รุ่นยอดนิยม สเปคระดับตัวท็อป เหมาะกับสายเดินทางระยะไกล

นอกจากรถยนต์แล้ว มอเตอร์ไซค์ก็ถือเป็นรถอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมและมีหลากหลายแบบให้เลือกใช้งาน สำหรับสายเท่ สายแต่งรถสไตล์อเมริกัน น่าจะรู้จักฮาร์ลีย์ หรือ รถฮาเล่ กันเป็นอย่างดี โดยรถประเภทนี้จัดเป็นรถทรงครูสเซอร์ (Cruiser) ผลิตจากบริษัท Harley-Davidson ซึ่งได้รับความนิยมมากในอเมริกา รวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีกลุ่มคนชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์เดียวกัน ดีไซน์ตัวรถถือว่าเท่และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก หลาย ๆ รุ่นจะมีความคลาสสิคอยู่ในตัว เหมาะกับการเดินทางในระยะไกล บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 รถฮาร์ลีย์รุ่นยอดนิยม จะมีรุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย

5 อันดับ รถฮาเล่ รุ่นยอดฮิต ติดทุกกระแส ตัวดังในระดับตำนานที่มิอาจลืม

หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า Harley Davidson รุ่นนิยม นั้นมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ทรง Cruiser-Chopper ที่ถูกผลิตจากบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์โดยตรง ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ที่ ไบค์เกอร์ นำมาแต่งเองทั้งหมด จุดเด่นของรถ ฮาเล่ ก็คือ ความเร็ว สามารถเดินทางไกลได้ดี แถมยังมีเบาะนั่งที่ช่วยให้คนขับผ่อนคลายได้ด้วย โดยจะมีท่านั่งที่เหมาะสม ทำให้ขับได้แบบสบาย ๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์นี้ รถฮาเล่ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มาดูกันว่า 5 ตัวท็อป มีรุ่นไหนบ้าง และแต่ละรุ่นมี ราคา จำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่

Harley

1. Harley-Davidson Touring Road King Special (ราคาเริ่มต้น 1,328,000 บาท)

หากพูดถึง Harley Davidson รุ่นนิยม จะขาดรุ่นนี้ไปไม่ได้เลย เรียกว่าเป็นรถสไตล์ครูสเซอร์-ชอปเปอร์ ทรง Touring ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ไฟหน้าเป็นแบบ LED ลักษณะกลมโตชัดเจน เบาะนั่งโค้งเว้า ส่วนแฮนด์จะเป็นแบบ Mini Ape ขับขี่และควบคุมรถได้ง่าย ส่วนท้ายรถจะมีกระเป๋าข้างแบบ Stretched ทรงคลาสสิค ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อารมณ์เหมือน รถสปอร์ต ไบค์สมัยก่อน นับเป็น ฮาเล่ ราคา หลักล้านที่ใครหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 V Twin พร้อมเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,868 cc แรงบิด สูงสุดอยู่ที่ 163 นิวตันเมตร

2. Harley-Davidson Softail Fat Boy 114 (ราคาเริ่มต้น 1,109,500 บาท)

อีกหนึ่ง Harley Davidson ที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ ตัวท็อป ของแบรนด์ที่กระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรุ่นนี้จะโชว์ให้เห็นถึงความเป็นคัสตอมที่มีขนาดใหญ่ชัดเจน แต่ทว่าน้ำหนักเบากว่า ฮาเล่ รุ่นก่อนหน้านี้ รูปทรงรถดูแบบเรียบ ๆ สไตล์คลาสสิค มีไฟหน้า LED ทรงกลม ส่วนแฮนด์จะไม่ได้ยื่นออกเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ และเบาะนั่งอยู่ในระดับที่กำลังเหมาะสม ไม่สูงและต่ำจนเกินไป มาพร้อม เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ระบบเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,868 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 114 นิวตันเมตร

3. Harley-Davidson Softail Breakout 114 (ราคาเริ่มต้น 1,046,000 บาท)

นับเป็นรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน สไตล์ชอปเปอร์สมัยใหม่ที่มีดีไซน์เท่ระเบิดไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลยก็ว่าได้ เรียกว่าเป็น สปอร์ตไบค์ ที่มีความสมาร์ทอยู่ในตัวสูงทีเดียว น้ำหนักรวมจะอยู่ที่ 294 กิโลกรัม มาพร้อมไฟหน้าทรงกลมแบบ LED เช่นเคย ตัวถังมีความนูนขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนแฮนด์จะมีลักษณะเหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และเบาะนั่งโค้งเล็กน้อย ถือเป็น ฮาเล่ ราคา หลักล้านที่มีดีไซน์คลาสสิค ไม่ดูเยอะจนเกินไป เหมาะกับการเดินทางไกลที่ต้องการความกระฉับกระเฉง และด้วย ราคา ที่ไม่ใช่น้อย ๆ รถรุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ระบบเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,745 cc แรงบิด สูงสุด 144 นิวตันเมตร

4. Harley-Davidson Sportster Forty-Eight (ราคาเริ่มต้น 636,500 บาท)

อีกหนึ่ง Harley Davidson รุ่นนิยม ที่มีสเปคน่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยรุ่นนี้จะมีดีไซน์ทรงสปอร์ต รูปทรงโฉบเฉี่ยว มองดูภาพรวมแล้วจะรู้สึกได้ว่าตัวรถเป็นทรงอ้วน แต่ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบโก้ ไม่เน้นองค์ประกอบมากเกินไป มาพร้อมไฟหน้ากลมเดี่ยวแบบ LED และล้อหน้าหนาใหญ่ดูโดดเด่น ส่วนแฮนด์จะไม่ได้ยื่นออกเหมือนรุ่นอื่น ๆ ถือเป็นรถ ฮาเล่ ที่ดูเท่และมีความบึกบึนพอสมควร รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Air-cooled Evolution ระบบเกียร์ 5 สปีด เบนซิน 1,202 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 96 นิวตันเมตร ถือเป็นฮาร์ลีย์รุ่นแนะนำสำหรับคนที่ต้องการ เครื่องยนต์ ขนาด 1200 cc

5. Harley-Davidson Sportster Iron 883 (ราคาเริ่มต้น 509,000 บาท)

ปิดท้ายด้วย รถสปอร์ต ไบค์สีดำสุดคูล ถือเป็นรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ที่มีดีไซน์สไตล์คลาสสิคและโมเดิร์น ผสานกันได้อย่างลงตัว โดยมีไฟหน้าทรงกลมแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว 2 ดวง อยู่ทางด้านซ้าย-ขวา ล้อใหญ่และหนา จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกใจเหล่า ไบค์เกอร์ ทั้งหลายมากพอสมควร เพราะนอกจากดีไซน์จะดูสปอร์ต ดุดันแล้ว ในส่วนของเบาะนั่งจะอยู่ในระดับต่ำ นั่งสบาย แถมยังมีระบบกันสะเทือนทรงกว้างอีกด้วย รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Evolution ระบบเกียร์ 5 สปีด เบนซิน 883 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 70 นิวตันเมตร นับเป็น ฮาเล่ ราคา หลักแสนที่น่าครอบครองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

มือใหม่ควรเลือก รถฮาเล่ อย่างไรให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตัวเอง

เมื่อทราบกันแล้วว่า Harley Davidson รุ่นนิยม มีรุ่นใดบ้าง คราวนี้ขอแนะนำวิธีเลือก รถฮาเล่ ให้กับมือใหม่กันบ้าง สำหรับใครที่อยากครอบครอง สปอร์ตไบค์ ยี่ห้อนี้ ควรพิจารณาจากความชอบของตัวเองเป็นหลัก สำหรับคนที่มีส่วนสูงระดับ 160 ต้น ๆ สามารถลองแบบ Softail หรือ Dyna ก่อนก็ได้ ในความเป็นจริงแล้วการจะครอบครองรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ได้จำเป็นต้องมีเงินมาก เพราะ ราคา ก็ใช่ย่อย แถมยังมีปัญหาจุกจิกต่าง ๆ ที่ผู้ขับต้องรับสภาพให้ได้ด้วย ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ Harley Davidson เป็นรถที่เหมาะกับคนชอบสไตล์คลาสสิคเท่ ๆ โดยเฉพาะ ทั้งนี้ยังสามารถปรับแต่งและเปลี่ยนท่อให้ เสียงดัง ขึ้นได้

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

หากพูดถึงมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์เท่ ๆ ราคาแพง ๆ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงแบรนด์ ducati เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ผลิตรถจักรยานยนต์ชื่อดังระดับโลก แถมยังมีรถหลาย ๆ รุ่นที่ติดอันดับรถมอเตอร์ไซค์ที่แพงที่สุดในโลกด้วย ด้วยขนาดของตัวรถ ดีไซน์ สมรรถนะ และองค์ประกอบอื่น ๆ จึงทำให้รถบิ๊กไบค์จากแบรนด์นี้มีราคาแพงจนหลายคนเอื้อมไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนที่ชื่นชอบรถประเภทนี้ต่างก็พยายามที่จะครอบครองให้ได้ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 อันดับ Ducati ที่แพงที่สุด ราคาหลักล้าน พร้อมสเปคโดนใจ ตอบโจทย์สายบิ๊กไบค์เป็นอย่างดี

5 อันดับ ducati ราคาแพงที่สุด มาพร้อมสเปคสุดเท่ เร้าใจ มีรุ่นใดบ้าง 2024

ดูคาติ เป็นบริษัทออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์จากประเทศอิตาลี ถ้าถามว่ารถมอเตอร์ไซค์ ดูคาติมีกี่รุ่น ก็ต้องบอกว่ามีอยู่หลายรุ่นและหลายประเภทด้วยกัน แต่จะมีอยู่บางรุ่นที่เป็น ตัวท็อป ในตำนาน และปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงอยู่ ด้วยสเปคที่ตอบโจทย์ ไบค์เกอร์ จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ นอกจากสเปครถแล้ว สิ่งหนึ่งที่การันตีความปังก็คือ ราคา ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนั้น ๆ เนื่องจากรถสเปคดี ๆ มีความเพอร์เฟคต์ มักจะมาพร้อมมูลค่าสูงลิ่วจนยากที่จะได้ครอบครอง มาดูกันว่า 5 อันดับ ducati ที่แพงที่สุด มีรุ่นใดบ้าง

1. Ducati Desmosedici D16RR NCR M16 (ราคาประมาณ 7,560,000 บาท)

นี่คือ สปอร์ตไบค์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องพละกำลัง หากใครชื่นชอบรถ Ducati ที่มี เสียงดัง เน้นความเร็วแรงเป็นหลักก็ต้องรุ่นนี้เลย ถังน้ำมันดูบิ๊กบึ้ม แต่ด้วยความที่ตัวแฟริ่งถูกทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ จึงทำให้รถสุดเท่คันนี้ถูกลดน้ำหนักลงไปถึง 144 กิโลกรัม แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดใหญ่ แต่ทว่าน้ำหนักนั้นค่อนข้างเบาพอสมควร นอกเหนือจาก โลโก้ Ducati แล้ว สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงแบรนด์ได้ดีก็คือรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร มาพร้อม เครื่องยนต์ Ducati 989 cc V4 Desmodromic ให้กำลังสูงถึง 200 แรงม้า เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งใน รถที่แพงที่สุดของ Ducati

2. Ducati Testa Stretta NCR Macchia Nera Concept (ราคาประมาณ 7,425,000 บาท)

นับเป็นอีกหนึ่งตำนานรถ ดูคาติ ที่มี ราคา แพงมากที่สุด และยังเป็นหนึ่งใน สปอร์ตไบค์ ที่มีมูลค่าแพงมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ให้อารมณ์แบบ รถสปอร์ต ไบค์อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยรูปลักษณ์และโทนสีของตัวรถยิ่งทำให้ดูแข็งแกร่ง ดุดัน อีกทั้งยังมี โลโก้ Ducati ที่เป็น Iconic ของแบรนด์ด้วย เรียกว่าเป็นรุ่น ตัวท็อป ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนไทเทเนียมมากมาย ดีไซน์ตัวรถค่อนข้างดุดันอยู่พอสมควร ใช้ เครื่องยนต์ Ducati Testastretta ให้กำลัง 185 แรงม้า และวาล์ว 4 สูบ ต่อเกียร์ พร้อมเกียร์ 6 สปีด

3. Ducati Superleggera V4 (ราคาประมาณ 3,500,000 บาท)

อีกหนึ่ง รถที่แพงที่สุดของ Ducati ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ต้องบอกว่ารถรุ่นนี้ถูกใจ ไบค์เกอร์ หลายคนอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยมีน้ำหนักรวมเพียงแค่ 159 กิโลกรัมเท่านั้นเรียกว่าได้มีน้ำหนักที่เบาเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น จึงทำ ความเร็ว ได้ดีเลยทีเดียว สำหรับแฟริ่งภายนอกของ Ducati รุ่นนี้จะใช้แบบเดียวกับ Panigale V4 R อาทิ ชิลด์หน้าทรงสูง ชุดแฟริ่งหน้า แฟริ่งข้างพร้อมรูระบายอากาศขนาดใหญ่ 2 รู และแฟริ่งครอบซับเฟรม มาพร้อม โลโก้ Ducati อันเป็นเอกลักษณ์ รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale 4 สูบ ขนาด 998 cc ระบายความร้อนด้วยของเหลว ฉีดเชื้อเพลิง ทำมุม 90 องศา

4. Ducati Streetfighter V4 Lamborghini (ราคาประมาณ 2,385,000 บาท)

มาถึงรถรุ่นนี้แล้วคงไม่ต้องบอกว่า ducati ประเทศอะไร เพราะครั้งนี้ทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับบริษัทผลิตรถสปอร์ตชื่อดังจากอิตาลีอย่าง Lamborghini ซึ่งเป็นการนำเอา Ducati Streetfighter V4 มาออกแบบภายใต้พื้นฐานของ Lamborghini Huracan STO จึงจะเห็นได้ว่า ดูคาติ รุ่นนี้มีลักษณะคล้ายกับลัมโบร์กินีรุ่นดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นแฟริ่ง บังโคลน อกล่าง และอื่น ๆ ซึ่งมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ขนาด 1,103 cc เรียกว่ามีขนาดมากกว่า 1000 cc ให้กำลัง 208 แรงม้า และ แรงบิด 123 นิวตันเมตร ผลิตทั้งหมด 630 คันเท่านั้น

5. Ducati Multistrada V4 Pikes Peak (ราคาประมาณ 1,579,000 บาท)

ปิดท้ายด้วย ดูคาติ รุ่นไฮเอนด์สปอร์ตทัวริ่ง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง รถสปอร์ต ไบค์ที่ได้พัฒนาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง จนทำให้กลายเป็นหนึ่งใน รถที่แพงที่สุดของ Ducati โดยรุ่นนี้จะมีพื้นฐานมาจากรุ่นก่อนหน้าอยู่พอสมควร มาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย สำหรับล้อรถจะเป็นล้อฟอร์จ และท่อไอเสีย Akrapovic ดีไซน์ตัวรถดูค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวถังและเบาะนั่งมีการปรับระดับให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ ขนาด 1,158 cc V4 GranTurismo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 10,500 รอบ/นาที แรงบิด สูงสุด 125 นิวตันเมตร ที่ 8,750 รอบ/นาที

สุดยอดแห่งความฮอต ducati บิ๊กไบค์สเปคเยี่ยม เป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ธรรมดาทั่วไป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับ รถที่แพงที่สุดของ Ducati มาถึงตรงนี้หวังว่าทุกคนจะรู้แล้วว่า ducati ประเทศอะไร เชื่อว่าหลายคนคงสัมผัสได้ว่าจุดเด่นของ ducati ก็คือดีไซน์และ ความเร็ว ที่ถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แถมยังมีเทคโนโลยีทันสมัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย จึงทำให้ ราคา สูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่ แม้ว่าขนาดของ เครื่องยนต์ จะน้อยกว่า 1200 cc แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก เพราะหลายคนยังคงพอใจกับขุมพลังดังกล่าว โดยใน 5 อันดับที่กล่าวถึงข้างต้นอาจจะไม่ใช่รถที่แพงที่สุดในรายการทั้งหมด แต่ก็ทำให้รู้ว่า ดูคาติมีกี่รุ่น ที่อยู่ในระดับตำนานของบิ๊กไบค์

สุดยอด 5 ชอปเปอร์ ดีไซน์เท่ ตอบโจทย์สายบิ๊กไบค์ รุ่นไหนดี 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

รีวิวเปรียบเทียบสเปค ราคา alphard 2023-2024 รุ่นไหนดี ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

หากกล่าวถึงรถยนต์อเนกประสงค์ที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ในเวลานี้ คงหนีไม่พ้น toyota alphard โตโยต้า อัลฟาร์ด หรือที่คนไทยนิยมเรียก “โตโยต้า อัลพาร์ด” เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์จากค่ายดังของญี่ปุ่นที่เหมาะกับครอบครัวใหญ่มาก ๆ เนื่องจากเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ดีไซน์หรูหรา มาพร้อมกับเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ อย่างครบครัน ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบาย เหมาะสำหรับการเดินทางที่สะดวกสบายและล่าสุดนี้ก็มีการเปิดตัว All New Toyota Alphard 2024 ซึ่งมาพร้อมกับโฉมใหม่และเทคโนโลยีสุดทันสมัย มาดูกันว่าจะแตกต่างจาก Alphard 2023 อย่างไร และควรเลือกรุ่นไหนดี

Alphard 2023 vs alphard 2024 แตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกรุ่นไหนดี

Toyota Alphard จัดเป็นรถยนต์ MPV อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยมี จำนวนที่นั่ง ทั้งหมด 7 ที่นั่งด้วยกัน นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะสวยหรูดูแพงแล้ว ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ประเภทนี้ยังมีพื้นที่กว้างขวางอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจและคนที่มีจำนวนสมาชิกในครอบครัวหลายคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงฟังก์ชันของตัวรถที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดพิเศษอย่างไรก็ตาม alphard 2023 และ 2024 ต่างมี สเปค และคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกัน วันนี้เราจึงจะมารีวิวเปรียบเทียบความแตกต่างของ alphard ทั้ง 2 รุ่นดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนทราบว่าแต่ละรุ่นมี ข้อดี และ ข้อเสีย อย่างไร และรุ่นไหนตอบโจทย์คุณมากที่สุด

1. ดีไซน์ภายนอก

  • กระจังหน้าของ alphard 2023 เป็นแบบสปอร์ต มีตารางสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม ติดตั้งโลโก้สามห่วง ชุดไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ส่วนไฟเลี้ยวเป็นแบบ Sequential และไฟตัดหมอกจะอยู่ข้างล่างสุดของช่อง ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ส่วนหลังคาจะเป็น Twin Moonroof ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งมีสวิตช์คอยควบคุมการทำงาน การออกแบบภายนอก จะมาในสไตล์สปอร์ต
  • กระจังหน้าของ alphard 2024 จะมี ดีไซน์ หรูหรา มาพร้อมโลโก้ Toyota แบบใหม่ แถมโครเมียมอยู่ทุกซอกของกระจังหน้า ส่วนไฟเลี้ยวจะเป็นไฟกะพริบแบบลายเส้น สำหรับไฟตัดหมอกก็จะอยู่ตรงกลางของช่อง มาพร้อมกับล้อแม็ก ขอบ 18 ลายใหม่ หลังคาแบบ Dual Sunroof พร้อมม่านบังแดดแบบปรับไฟฟ้า ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งมีสวิตช์คอยควบคุมการทำงาน 

2. ภายในห้องโดยสาร

  • ภายใน ห้องโดยสาร alphard 2023 จะมีเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองที่แยกอิสระ ซึ่งปรับได้ถึง 10 ทิศทาง และยังมีเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า คอนโซลด้านบนเป็นแบบ Super-long Overhead Console พร้อมกับจอ 14 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ส่วนแผงแดชบอร์ดจะมีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว
  • ภายใน ห้องโดยสาร alphard 2024 จะมีเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสองแยกอิสระและปรับได้ 10 ทิศทาง มาพร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้าและระบบต่าง ๆ ซึ่ง การออกแบบภายใน เบาะหลังจะกว้างกว่า alphard 2023 ส่วนคอนโซลด้านบนจะเป็นแบบ Super-long Overhead Console มีจอ 14 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และแผงแดชบอร์ดจะมีจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว

3. เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย

  • All New Toyota Alphard 2023 มาพร้อมกับระบบ ความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน, ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอยหลัง เป็นต้น
  • All New Toyota alphard 2024 มาพร้อมกับระบบ ความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD เทคโนโลยี E-Four ใหม่, โครงสร้างสถาปัตยกรรม TNGA เพื่อการทรงตัว ช่วยเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม, ถุงลมช่วยเสริมความปลอดภัย SRS 6 ตำแหน่ง และกล้องมองรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) 

4. เครื่องยนต์

  • All New Toyota Alphard 2023 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร Dual VVT- i ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า อีกทั้งยังเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง จนได้กลายเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four ให้กำลังรวม 250 แรงม้า และแรงบิด 270 นิวตัน-เมตร
  • All New Toyota alphard 2024 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร (รหัส 2AR-FE) ให้กำลังสูงสุด 182 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที พร้อมจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

5. ราคาอย่างเป็นทางการ

alphard 2023 และ 2024 จะมี ราคาเริ่มต้น แตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่นนั้น ๆ สำหรับ All New Toyota Alphard 2023-2024 (ไม่รวม Vellfure) จะมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นจะมี สเปค และเครื่องยนต์แตกต่างกัน โดย ออล นิว โตโยต้า อัลพาร์ด ราคา อย่างเป็นทางการของแต่ละรุ่นมีอยู่ ดังนี้

  • Alphard 2.5 HEV ราคา 4,129,000 บาท
  • Alphard 2.5 HEV Luxury ราคา 4,499,000 บาท

แนะนำมือใหม่เลือก alphard รุ่นไหนดี ตอบโจทย์ทั้งความชอบและการใช้งานของครอบครัว

เป็นอย่างไรกันบ้าง มาถึงตรงนี้เราหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะช่วยให้ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ว่า ประเภทรถยนต์ แบบไหน อัลพาร์ดรุ่นใดที่ตอบโจทย์และเหมาะกับ การใช้งาน ของตัวเองมากที่สุด ต้องบอกว่ารถโตโยต้า อัลพาร์ด ราคา ค่อนข้างดีเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับ สเปค ต่าง ๆ ทั้งยังมีเทคโนโลยีสุดทันสมัยที่ตอบโจทย์ใครหลายคนอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจหรือคนที่มีครอบครัวใหญ่ ๆ ต่างนิยม alphard เนื่องจากเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถใช้ประโยชน์และเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย แถมมีฟังก์ชั่นใช้งานและระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้ทุกเวลาการเดินทางที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ความครบครัน

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

แนะนำวิธีเลือก ทะเบียนรถมงคล ด้วยตัวเอง เสริมดวงปัง ดึงดูดแต่พลังงานดี ๆ

การเลือก ทะเบียนรถมงคล เป็นหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์ไทยที่เกี่ยวข้องกับเลขศาสตร์ ซึ่งจะนำสถิติและความเชื่อด้านต่าง ๆ มาคำนวณหรือวิเคราะห์เพื่อให้ได้ตัวเลขที่เป็นมงคลแก่เจ้าของหรือผู้ขับรถ โดยส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก รองลงมาจะเป็นการเสริมดวงชะตาเพื่อให้ชีวิตพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ทั้งนี้การเลือกทะเบียนรถดังกล่าวเป็นเพียงแค่ความเชื่อส่วนบุคคล แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อนี้อยู่กับสังคมไทยมานาน เนื่องจากตัวเลขและอักษรแต่ละตัวมีความหมายเป็นของตัวเอง มาดูกันว่าการเลือกทะเบียนรถง่าย ๆ ด้วยตัวเองสามารถพิจารณาจากสิ่งใดได้บ้าง

auspicious numbers

5 เทคนิคเลือก ทะเบียนรถมงคล ยังไงให้เหมาะกับตัวเอง ดึงดูดพลังงานดี ๆ หลีกหนีพลังงานลบ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการเลือกทะเบียนรถนั้นจะเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก รองลงมาจะเกี่ยวข้องกับการ เสริมดวง เนื่องจากการขับขี่รถยนต์นั้นมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ หลายคนจึงอยากจะทราบ วิธีดูเลขทะเบียนรถมงคล เพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกเลขทะเบียนรถที่มีความเป็น สิริมงคล แก่ตัวเองและคนขับ อย่างไรก็ตามความเชื่อเกี่ยวกับตัวเลขจะมีค่อนข้างหลากหลาย ฉะนั้นก่อนจะ จองทะเบียนรถออนไลน์ ควร เช็คเลขทะเบียนรถมงคล ให้ดีก่อน หากใครไม่มีนักโหราศาสตร์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือก ทะเบียนรถมงคล ก็สามารถพิจารณาด้วยตัวเองจาก 5 ข้อดังต่อไปนี้ได้เลย

1. เลือกเลขตามวันเกิด

แม้ว่าเลขแต่ละตัวจะมีความหมายเป็นของตัวเอง แต่การนำมาใช้ เสริมดวง ก็อาจจะส่งผลดีหรือร้ายไม่เหมือนกัน เพราะดวงชะตาตามวันเกิดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางเลขอาจจะถูกจัดเป็นเลข อัปมงคล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดีกับเราเสมอไป เราสามารถเลือก เลขทะเบียนรถมงคลตามวันเกิด ของตัวเองได้ เช่น เกิดวันที่ 23 เดือนมิถุนายน สามารถใช้เลขทะเบียนรถเป็น 236 หรือ 623 เป็นต้น นอกจากนี้หากต้องการเสริมดวงชะตาให้พบกับความ โชคดี แนะนำให้เช็คเลขที่ถูกโฉลกกับวันเกิดของตัวเอง และนำมาปรับใช้กับ ทะเบียนมงคล ได้เลย

Not recommend using

2. เลือกเลขให้เหมาะกับอาชีพ

เชื่อว่า สายมู หลายคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ วิธีดูเลขทะเบียนรถมงคล ให้เหมาะกับอาชีพที่ทำอยู่ เลขตัวไหน ควรใช้ และเลขตัวไหน ควรเลี่ยง แนะนำให้พิจารณาจากความหมายของตัวเลขนั้น ๆ ว่าส่งเสริมอาชีพการงานในด้านใดบ้าง เช่น อาชีพหมอและพยาบาล เหมาะกับเลข 3 เพราะต้องพบเจอคนไข้อยู่ทุกวัน สามารถเลือกใช้ ป้ายทะเบียนรถมงคล ที่มีเลข 3 คู่กับเลขอื่น ๆ ที่สมพงศ์กันได้เลย ไม่ว่าจะเป็น 35 หรือ 53 ก็ใช้ได้ เป็นต้น สำหรับตัวเลขที่เหมาะกับอาชีพต่าง ๆ มีอยู่ ดังนี้

  • ข้าราชการ ได้แก่ 14, 41, 15, 51, 19 และ 91
  • ครูอาจารย์ ได้แก่ 14, 41, 15, 51, 45, 54, 49, 94, 59, 95 และ 99
  • ทหาร ตำรวจ ได้แก่ 13, 31, 15, 51, 19, 91, 34, 43, 35 และ 53
  • นักบริหาร ได้แก่ 14, 41, 15, 51, 16, 61, 56 และ 65
  • นักพูด ได้แก่ 14, 41, 24, 42, 26, 62, 46, 64, 47 และ 74
  • หมอดู ได้แก่ 09, 90, 05, 50 และ 99
  • ช่างฝีมือ ได้แก่ 29, 92, 36, 63, 66, 69 และ 96
  • คนค้าขายของสวยงาม ได้แก่ 29, 92, 66, 69 และ 96
  • นักแสดง ได้แก่ 24, 42, 29, 92, 66, 69 และ 96
  • นักกู้ภัย ได้แก่ 47, 74, 77, 89 และ 98
  • นักธุรกิจ ได้แก่ 19, 91, 49, 94, 59, 95 และ 99
  • นักกีฬา ได้แก่ 33, 39, 93 และควรมี 5 อยู่ด้วย 
car plate number

3. เลือกเลขมงคล 4 หลักท้ายของทะเบียนรถ

การเลือก ทะเบียนเลขสวย จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเลขทุกหลัก ไม่ว่าจะมีตัวเลขอยู่ทั้งหมดกี่หลักก็ตาม อย่างมากสุดก็คือ 4 หลัก เทคนิคในการเลือกเลขทะเบียน 4 หลักท้ายให้เหมาะสมจะไม่ได้ดูแค่ตำแหน่งที่ 1, 2, 3 และ 4 เท่านั้น แต่จะพิจารณาจากความสัมพันธ์ของตัวเลขแต่ละตำแหน่งที่อยู่ใกล้กัน เช่น เลข 4 หลักจะแบ่งออกเป็น 3 คู่ กล่าวคือ 1234 เลขคู่ที่ 1 คือ 12, คู่ที่ 2 คือ 23 และคู่ที่ 3 คือ 34 การจะเลือก เลขทะเบียนรถมงคล เพื่อส่งเสริมความ โชคดี ต้องพิจารณาจากเลขที่อยู่ใกล้กันแต่ละคู่ด้วย เพื่อความเป็น สิริมงคล

4. เลือกอักษรให้เหมาะสม

จริง ๆ แล้วเราไม่ต้องซีเรียสกับการเลือกอักษรในทะเบียนรถมากก็ได้ เพราะบางอักษรเราไม่สามารถเลือกเองได้ ขึ้นอยู่กับกรมขนส่งที่กำหนดมาให้ แต่ในกรณีที่สามารถเลือกอักษร ทะเบียนมงคล ได้ สายมู ทั้งหลายควรเลือกอักษรให้เหมาะกับตัวเลขในทะเบียนรถ โดยจะต้องนำอักษรมาบวกกับตัวเลขเพื่อให้ได้ผลรวมที่ดี เช่น ก มีค่าเท่ากับ 1 เมื่อนำมาบวกกับเลข 32 จะได้ 1+3+2 = 6 เป็นต้น ผลรวมที่ได้จะต้องเป็น เลขทะเบียนรถมงคล ที่เหมาะกับตัวเรา โดยสามารถใช้เลขถูกโฉลกกับวันเกิด หรือเลขมงคลที่จะนำพาความ โชคดี มาให้ หรือในภาษาอังกฤษเราเรียกว่า “Lucky Number” นั่นเอง สำหรับค่าของตัวอักษรมีอยู่ ดังนี้

  • เลข 1 ได้แก่ ก, ด, ถ, ท, ภ
  • เลข 2 ได้แก่ ข, บ, ป, ง, ช
  • เลข 3 ได้แก่ ต, ฒ, ฆ
  • เลข 4 ได้แก่ ค, ธ, ร, ญ, ษ
  • เลข 5 ได้แก่ ฉ, ณ, ฌ, น, ม, ห, ฮ, ฎ, ฬ
  • เลข 6 ได้แก่ จ, ล, ว, อ
  • เลข 7 ได้แก่ ศ, ส
  • เลข 8 ได้แก่ ย, ผ, ฝ, พ, ฟ
  • เลข 9 ได้แก่ ฐ

5. หลีกเลี่ยงเลขไม่ดี

นอกจากจะเลือก เลขทะเบียนรถมงคลตามวันเกิด แล้ว เราควรให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงเลข อัปมงคล ด้วย สำหรับเลขที่ควรหลีกเลี่ยงคือเลขที่มีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ ตามหลักโหราศาสตร์ไทยจะมีอยู่ 3 เลขด้วยกัน คือ 0, 3 และ 8 เลขเหล่านี้เป็นเลขที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ความเดือดร้อนและภัยอันตรายต่าง ๆ ที่จะส่งผลร้ายต่อชีวิต ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรเลี่ยง ไม่ให้มีเลขดังกล่าวอยู่ใน ป้ายทะเบียนรถมงคล หรือพยายามไม่ให้มีเลข 3 ตัวนี้อยู่ติดกัน เช่น 368, 890, 053 เป็นต้น วิธีนี้จะช่วยเสริม สิริมงคล เพื่อดึงดูดสิ่งดี ๆ และหลีกหนีพลังงานลบ

แนะนำวิธีจอง ทะเบียนรถมงคล ออนไลน์ ใคร ๆ ก็ทำได้ไม่ยาก

หลังจาก เช็คเลขทะเบียนรถมงคล แล้ว ใครสนใจอยาก จองทะเบียนรถออนไลน์ เพื่อให้ได้เลขมงคล เสริมดวง ปัง ๆ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://reserve.dlt.go.th/reserve/v2 จากนั้นคลิกที่ “จองหมายเลขทะเบียน” และยอมรับหลักเกณฑ์การจองเลขทะเบียนรถ ต่อมาเลือกประเภทรถและกรอกรายละเอียดลงไป เสร็จแล้วตรวจสอบข้อมูลและเช็คทะเบียนรถออนไลน์ได้เลย จะเห็นได้ว่าวิธีการนั้นง่ายมาก ๆ ใครอยากได้ ทะเบียนเลขสวย เพื่อเสริมความเป็น สิริมงคล สามารถเข้าไปทำตามวิธีการดังกล่าวได้เลย เป็นอีกหนึ่งทริคความเชื่อเสริมความปังให้กับเราเป็นอย่างมากใครที่อยากมีเลขทะเบียนรถสวย ๆ มงคลรีบไปจับจองกันได้เลยหวังว่าคำแนะนำทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทุกคนได้เลข ทะเบียนรถมงคล ตามความต้องการ

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ ทำเองได้ง่าย ๆ ในทุกขั้นตอน ปี 2567

ในปัจจุบันการประมูลทะเบียนรถยนต์สามารถทำได้ง่ายและสะดวกสบายกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากในสมัยนี้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น จึงทำให้การประมูลทะเบียนรถยนต์ทำได้ไม่ยาก สำหรับใครที่อยากได้เลขทะเบียนรถสวย ๆ หรือเลขทะเบียนมงคล สามารถเข้าร่วมการประมูลในแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เลย มาถึงตรงนี้แล้วอย่ารอช้า เรามาดู วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ ด้วยตัวเองกันเลย

Car license

แนะนำ วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ มือใหม่จัดการเองได้ไม่ยาก

หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ป้ายทะเบียนประมูล ที่มีเลขสวย ๆ นั้นประมูลมาจากที่ไหน ประมูลในราคาเท่าไหร่ และประมูลมาได้อย่างไร จริง ๆ แล้วในสมัยนี้จะมี วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ เราสามารถประมูล ทะเบียนเลขสวย หรือ ทะเบียนรถมงคล ได้ค่อนข้างง่าย เมื่อก่อนจะไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์ไว้ให้ประมูล แต่ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว ทำให้ทุกคนสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่สนใจจะประมูลทะเบียนรถ ตามมาดู วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ 2567 กันได้เลย

1. การเข้าเว็บไซต์ กปถ. เพื่อสมัครสมาชิก/ลงทะเบียน

ขั้นตอนแรกของการประมูล ทะเบียนสวย ออนไลน์ เข้าไปที่เว็บไซต์ของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) (https://www.tabienrod.com) เลือกเมนู “การประมูลเลขรถเก๋ง” หรือรถที่ต้องการ ป้ายประมูล จากนั้นสมัครสมาชิก กรอกข้อมูลผู้ประมูล ทะเบียนรถมงคล ข้อมูลที่อยู่ตามภูมิลำเนาและที่อยู่ปัจจุบันให้เรียบร้อยอย่างครบถ้วน ในส่วนของข้อมูลการลงทะเบียน ให้ตั้ง Username และ Password ที่ต้องการใช้ลงทะเบียน โดยจะต้องกรอกตามเงื่อนไขที่กำหนดให้ถูกต้องและครบถ้วน เพื่อผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนและเปิดโอกาสให้มีสิทธิ์ครอบครอง ป้ายทะเบียนรถประมูล

register

2. การกรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร

บัญชีธนาคารต้องเป็นบัญชีเดียวกับผู้เข้าร่วม ประมูลป้ายทะเบียน สำหรับนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจำกัด, บริษัทจำกัด มหาชน และห้างหุ้นส่วนจำกัด หากต้องการเข้าร่วมประมูล ทะเบียนเลขสวย ในขั้นตอนนี้ต้องใช้เลขบัญชีธนาคารของนิติบุคคล หรือชื่อกรรมการที่มีอำนาจลงนามเท่านั้น ส่วนบุคคลธรรมดาที่จะเข้าร่วมประมูล ทะเบียนสวย สามารถกรอกข้อมูลบัญชีธนาคารของตัวเองได้เลย ต่อมาเลือกงานประมูล โดยให้เลือกจังหวัดที่ต้องการเข้าร่วมประมูล ป้ายทะเบียนรถประมูล และวางเงินหลักประกันตามกลุ่มที่สนใจในขั้นตอนถัดไป

3. การวางเงินหลักประกัน และชำระค่าหลักประกันการประมูลทะเบียนรถ

หากต้องการ ประมูลป้ายทะเบียน กี่หมายเลข ให้วางเงินหลักประกันตามจำนวนที่ต้องการ ก่อนลงทะเบียนควรตรวจสอบข้อมูล อ่านคำยืนยันและยอมรับเงื่อนไขการประมูล ทะเบียนสวย ให้เรียบร้อย คลิกดูเงื่อนไขการให้บริการ และตารางค่าบริการ ( ไม่เกี่ยวกับ ราคาป้ายทะเบียนประมูล ) ผู้ลงทะเบียนการประมูล ทะเบียนรถมงคล มากกว่า 1 รายการต้องตรวจสอบเลขที่ลงทะเบียนและเลขที่กองทุนให้ตรงกัน จากนั้นพิมพ์เอกสาร ลงชื่อและโอนเงินวางหลักประกันผ่านตู้ ATM, Mobile Banking หรือธนาคาร และเก็บหลักฐานการโอนเงินไว้ สำหรับการเลือกหลักประกันตามกลุ่มเลขทะเบียนที่ต้องการจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

  • กลุ่มที่ 1 ได้แก่ กลุ่มทะเบียนรถที่มีเลข 4 ตัวเหมือนกันทั้งหมด เช่น 5555, 9999 เป็นต้น ให้เลือก Bidding Card สีฟ้า โดยมีค่าหลักประกันไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท
  • กลุ่มที่ 2 ได้แก่ กลุ่มทะเบียนรถที่มีตัวเลข 2 และ 3 หลักเหมือนกัน, เลขคู่ 8 และเลขคู่ 9 รวมถึงเลขตัวเดียว ให้เลือกการ์ดสีชมพู โดยมีค่าหลักประกันไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
  • กลุ่มที่ 3 ได้แก่ กลุ่มทะเบียนรถที่มีเลขหลักพัน, เลขเรียง, เลขคู่และเลขสลับ ให้เลือกการ์ดสีส้ม โดยมีค่าหลักประกันไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท

4. การอัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตน

การอัปโหลดเอกสารเพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าร่วมการประมูล ทะเบียนเลขสวย สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์ www.tabienrod.com หลังจากเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์แล้วให้เลือกเมนู “เพิ่มเงินวางหลักประกัน” กรอก Username และ Password ตามด้วย Sign In คลิกเมนู “การดำเนินการเพิ่มหลักประกัน” ตามด้วย “การจัดการ” และเลือกไฟล์ภาพที่เตรียมไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารผ่านแล้วจะออกใบเสร็จเงินหลักประกัน และส่ง SMS เพื่อยืนยันการเข้าร่วม ประมูลป้ายทะเบียน สำหรับเอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมไว้ก่อนการอัปโหลดมีอยู่ ดังนี้

  • ใบลงทะเบียน (พร้อมลายมือชื่อ)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (พร้อมลายมือชื่อ) ในกรณีที่เป็นนิติบุคคล ให้ใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
  • หลักฐานการชำระเงินค่าหลักประกัน
  • หน้าบัญชีธนาคาร (สำหรับรับเงินหลักประกันคืนในกรณีที่ประมูลไม่ได้) 

5. การเข้าร่วมการประมูลทะเบียนรถออนไลน์

เมื่อลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาให้ผูกกับบัญชีไลน์ โดยแสกนคิวอาร์โค้ด เข้าไปที่หน้า Line Official กดที่เมนู “ผูก LINE กับ ACCOUNT” จากนั้นกรอกเลขที่บัตรประจำตัวประชาชนและรหัสงานประมูล เสร็จแล้วกดยืนยันเพื่อผูกไลน์กับไอดี ศึกษาเงื่อนไขและข้อตกลงการเข้าร่วมประมูล ทะเบียนเลขสวย เมื่อถึงเวลาประมูล จองทะเบียนรถออนไลน์ สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ และเข้าสู่ระบบประมูลหมายเลขทะเบียนตามเวลาที่กำหนดได้เลย โดยสามารถประมูลได้ 3 วิธี ดังนี้

  • การประมูลทะเบียนรถแบบ Real-Time ผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนสามารถเสนอราคาได้ตลอดระยะเวลาการประมูล จนกระทั่งถึงเวลาปิดการประมูล คนที่ประมูลในราคาสูงสุดก็จะได้ ป้ายทะเบียนรถประมูล ไปครอบครอง
  • การประมูลทะเบียนรถแบบ Maximum Bid ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องกำหนดราคาสูงสุดที่สามารถจ่ายได้เอาไว้ หากใครกำหนดราคา ป้ายทะเบียนประมูล ไว้สูงที่สุดจะกลายเป็นผู้ชนะ วิธีนี้จะดำเนินการผ่านระบบแบบอัตโนมัติ
  • การประมูลทะเบียนรถแบบ Advance Bid ผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนสามารถตั้ง ราคาป้ายทะเบียนประมูล ที่ต้องการไว้ได้เลย โดยระบบจะแสดงราคาสูงสุดไว้ หากไม่มีใครสู้ราคาดังกล่าวก็จะกลายเป็นผู้ชนะการประมูลในทันที วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่อยากได้ ทะเบียนสวย แบบไม่ต้องเสียเวลาประมูลนาน

มือใหม่ควรรู้ วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องศึกษา

หลังจากทราบ วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ 2567 แล้ว หวังว่าทุกคนจะสามารถทำตามขั้นตอนดังกล่าวและได้รับ ทะเบียนเลขสวย หรือ ทะเบียนรถมงคล ตามที่ปรารถนาไว้ สำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าร่วมประมูล จองทะเบียนรถออนไลน์ ควรศึกษารายละเอียดให้รอบคอบก่อน แม้ว่า วิธีประมูลทะเบียนรถออนไลน์ จะทำได้ง่าย แต่ในระหว่างการลงทะเบียนและประมูลจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมให้ดีก่อน โดยเฉพาะสัญญาณอินเทอร์เน็ตต้องมีความเสถียรมากพอ นอกจากนี้ควรเช็คตารางเวลาประมูลให้ชัวร์ก่อนทุกครั้ง และเมื่อชนะ ป้ายประมูล แล้วต้องนำรถยนต์ไปจดทะเบียนกับเลขทะเบียนใหม่ภายในวันเวลาที่กำหนดด้วย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023