Previous slide
Next slide
Categories
ARTICLE

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024

ฟิล์มรถยนต์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการกรองแสงแดดได้เป็นอย่างดีแถมยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่เป็นอย่างมากทำให้ขับรถได้อย่างง่ายขึ้นและยังสะท้อนแสงไม่ทำให้เกิดการกักเก็บความร้อนภายในห้องโดยสารปัจจุบันก็มีฟิล์มติดรถยนต์หลากหลายประเภทให้เลือกโดยแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปซึ่งในวันนี้เราก็จะพาทุกคนมาเลือก ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ในการติดฟิล์มรถยนต์ให้มากยิ่งขึ้น ว่าเลือกใช้อย่างไรจึงจะเหมาะสม

ฟิล์มติดรถยนต์มีประเภทไหนบ้าง

เนื่องจากฟิล์มติดรถยนต์มีให้เลือกหลายประเภทซึ่งแต่ละแบบนั้นมีจุดเด่นรวมไปถึงเกรดของฟิล์มแต่ละชนิดโดยฟิล์มติดรถยนต์ที่พบเห็นได้ทั่วไป ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี สามารถแบ่งหลักๆได้ดังนี้

1. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปกติ

ฟิล์มติดรถยนต์ธรรมดาทั่วไปสามารถป้องกันรังสียูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตได้ดีระดับหนึ่งตัวฟิล์มมีคุณสมบัติสะท้อนแสงจากภายนอกและลดปริมาณความร้อนได้เป็นอย่างดีส่วนข้อดีก็คือ ราคาไม่สูง สามารถเอื้อมถึงได้และเมื่อใช้งานไปซักระยะหนึ่งสีของฟิล์มจะเริ่มซีดและมีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนหรือสร้างความเสียหายให้กับกระจกได้

2. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปรอท

ฟิล์มกรองแสงที่มีลักษณะแวววาว ช่วยป้อง กันแสงยูวี ได้เป็นอย่างดีสะท้อนความร้อนตัวฟิล์มกรองแสงถูกย้อมด้วยสีที่มีส่วนผสมของโลหะอยู่ภายในชั้นของฟิล์มตัวฟิล์มจึงมีความแข็งแกร่งช่วยป้องกันรอยขีดข่วนส่วนข้อเสียก็คือฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบปรอทก็คือทำให้ใช้งานของ GPS หรืออีซี่พาร์ทไม่สะดวก

3. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบไฮบริด

ฟิล์มติดรถยนต์ที่มีส่วนผสมระหว่างฟิล์มย้อมสี และฟิล์มสีเมทัลไลซ์ ที่มีส่วนผสมของโลหะอยู่ในชั้นฟิล์มมีคุณสมบัติกรองแสงได้ดีสีไม่ซีดและสามารถป้องกันรอยขีดข่วนส่วนข้อเสียของฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบให้บิดก็คือราคาที่ค่อนข้างสูงและ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก

4. ฟิล์มกรองแสงแบบคาร์บอน

ฟิล์มติดรถยนต์ ที่มีลักษณะพื้นผิวด้านภายในเนื้อฟิล์มจะมีส่วนผสมของอนุภาคคาร์บอนสะท้อนแสงพิเศษให้คุณสมบัติสะท้อนความร้อนออกได้เป็นอย่างดีมีความทนทานสูงและสามารถกักเก็บความร้อนได้ดี

5. ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบเซรามิก

เป็นฟิล์มรถยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดดและรังสีต่างๆได้เป็นอย่างดีพร้อมลดความร้อนได้สูงถึง 99% นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงทนทานและฟิล์มชนิดนี้ค่อนข้างราคาสูงมากกว่าฟิล์มชนิดอื่นๆ

ยี่ห้อฟิล์มรถยนต์ ยอดนิยม ที่เจ้าของรถส่วนใหญ่นิยมใช้กัน

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี นอกจากเราจะเลือกประเภทฟิล์มให้เหมาะกับการใช้งานรถยนต์ของเราแล้วการเลือกยี่ห้อฟิล์มรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องเลือกให้เหมาะสมซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นสำหรับการใช้งานที่ไม่เหมือนกันซึ่งถ้าหากใครใช้งานแบบไหนก็สามารถเข้ามารับชมจุดเด่นกันได้เลย

1. ฟิล์มรถยนต์ Lamina

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ฟิล์มรถยนต์ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีแถมยังมีคุณสมบัติกรองแสงและทนความร้อนได้อย่างสูงสุดจากสหรัฐอเมริกาโดยผลิตโดยโรงงานฟิล์มกรองแสงลามิน่าที่ทันสมัยที่สุดและได้ชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทนความร้อนทุกประเภทมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1955 ยาวนานมาถึง 65 ปีเลยทีเดียว

จุดเด่นของฟิล์มลามิน่า

สำหรับจุดเด่นของ ฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มลามิน่า นั่นก็คือการมีฟิล์มเซรามิกที่ช่วยลดความร้อนและไม่เกิดเงาสะท้อนหลอกตาขณะขับขี่จะมีลักษณะบางทำให้รู้สึกสบายตาเป็นธรรมชาติ

ฟิล์มลามิน่ารุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มรถยนต์ลามิน่ารุ่น pop Series

ฟิล์มลามิน่าใช้อนุภาคเมทัลลิกแอนดรอยด์บริสุทธิ์ช่วยให้เนื้อฟิล์มมีความเหนียวแน่นลดความร้อนจากแสงแดดและรอยขีดข่วนที่จะเกิดขึ้น

  • ฟิล์มรถยนต์ลามิน่ารุ่น Digital Ceramatrix Safety

ฟิล์มติดรถยนต์แบบเซรามิกนิรภัยตัวฟิล์มผลิตจากนาโนเซรามิกบริสุทธิ์ 100% เนื้อฟิล์มหนา 4 มิลลิเมตรมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนกันความร้อนและสะท้อนรังสีจากแดดได้ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยยามค่ำคืนอย่างชัดเจน

  • ฟิล์มติดรถยนต์ลามิน่ารุ่น Digital Ev Boost

ฟิล์มติดรถสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตัวฟิล์มผลิตด้วยเทคโนโลยีเอไอเซรามิกป้องกันความร้อนจากแสงแดดและรังสียูวีได้เป็นอย่างดีช่วยลดการทำงานหนักของระบบไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในรถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืนในขณะที่ฝนตก

2. ฟิล์มติดรถยนต์ Hi – Kool

สำหรับฟิล์มรถยนต์ไฮโซนั้นผลิตจากบริษัท ลีวณิชย์ จำกัดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงมาอย่างยาวนานถึง 30 ปีเป็นฟิล์มที่ไม่มีสารเคลือบโลหะจนกระทั่งเข้าสู่โรงงานที่ดีที่สุดในอเมริกาและนำมาขาย ในประเทศประเทศไทยจนกลายเป็นแบรนด์ฟิล์มรถยนต์ที่ทุกคนรู้จักดีได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะมีคุณภาพในการป้องกันความร้อนได้และราคายุติธรรม

จุดเด่นของฟิล์มรถยนต์ไฮคลู

จุดเด่นของแบรนด์ นี้ก็คือการคิดค้นและวิจัยออกแบบฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ให้เหมาะกับพื้นที่เขตร้อนในประเทศไทยเป็นพิเศษ ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยให้การป้องกันความร้อนจากรถได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุดในอเมริกาเพื่อผลิตฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ขึ้นมานั่นเอง

ฟิล์มติดรถยนต์ไฮคลูรุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ไฮคลู รุ่น Beyond Ceramic

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แบบเซรามิกเกรดพรีเมี่ยมที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีและรังสีอัลตราได้สูง ฟิล์มรถยนต์ 40 มากตัวฟิล์มผลิตจากเทคโนโลยีเซรามิกในชั้นฟิล์มช่วยเรื่องสะท้อนความร้อนและลดการความร้อนได้เป็นอย่างดีไม่รบกวนการทำงานของ GPS

  • ฟิล์มติดรถยนต์ ไฮคลู รุ่น Black Carbon Series

ฟิล์มรถยนต์ 60 ที่มีสีดำสนิทและไม่มีส่วนผสมของโลหะทำให้ไม่รบกวนสัญญาณ Easy Pass และสัญญาณจากอุปกรณ์ digital ทุกชนิดภายนอกดูดุดันดำสนิทแต่มองเห็นได้อย่างชัดเจนจากภายในรถตัวฟิล์มสามารถป้องกันรังสียูวีได้

  • ฟิล์มติดรถยนต์ ไฮคลู รุ่นR Series

ฟิล์มรถยนต์ 80 เป็นฟิล์มกรองแสงรถยนต์รุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพราะสามารถกันความร้อนได้สูงถึง 84% การรังสียูวีได้มากกว่า 99% ในเนื้อฟิล์มมีส่วนผสมของชั้นโลหะเพื่อให้ฟิล์มสามารถสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกสามเฉดสีได้แก่ สีเทาสีเขียวและสีฟ้า

3. ฟิล์มติดรถยนต์ 3M

สำหรับฟิล์มติดรถยนต์ ยี่ห้อ นี้ถือว่าเป็นเจ้าแรกของโลกในการผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์ทำให้ แบรนด์ เป็นที่จดจำในฐานะของผู้ผลิตฟิล์มกรองแสงรถยนต์รายแรกของโลกเลยทีเดียวและยังได้มีการออกแบบฟิล์มประเภทต่างๆมาให้เหมาะสมตามความต้องการของลูกค้าอีกด้วย

จุดเด่นของฟิล์มติดรถยนต์ 3M

ลักษณะของฟิล์มจะเคลือบชั้นป้องกันรังสีอินฟราเรดหรือรังสีความร้อนสามารถสะท้อนรังสียูวีได้ถึง 99% โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญาณ อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Wi-Fi บลูทูธและสัญญาณโทรศัพท์ที่สำคัญยังได้รับการปกป้องและรับรองจากสถาบันด้านมะเร็งทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะ ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ป้องกันรังสีและแสงแดดได้อย่างไม่เป็นอันตรายจุดแข็งก็คือความคงทนฟิล์มไม่ร่อน

ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Crystalline Series

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์รุ่นคริสตัลลายหรือฟิล์มกรองแสงแบบใสแต่ให้คุณสมบัติสะท้อนแสงและป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีเมื่อมองจากภายนอกตัวเราจะดูเข้มให้ความรู้แต่เมื่อมองจากภายในสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งเวลากลางวันและกลางคืนลดเงาสะท้อนหรือสิ่งที่ไม่ต้องการได้ 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Privacy + Series

ฟิล์มกรองแสงรถยนต์สีดำเข้มผลิตด้วยนาโนแบคคาร์บอนใช้เทคนิคการลงโมเลกุลเม็ดสีดำพิเศษช่วยลดเงาสะท้อนทั้งภายนอกและภายในมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งเวลากลางวันและกลางคืนตัวฟิล์มมีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีและลดความร้อนจากแสงแดด 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ 3M รุ่น Ceramic Ultra Clear

ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่ผลิตด้วยเซรามิกโมเลกุลระดับนาโนไม่มีส่วนผสมของไอโลหะเพิ่มการเคลือบชั้นและป้องกันรังสีอินฟราเรดสะท้อนรังสียูวีได้เป็นอย่างดี

4. ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool

เป็นอีกหนึ่งฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีสุดพิเศษโดยการนำเอาฟิล์มกรองแสงสำหรับยานอวกาศเครื่องบินล่องหนมาใช้ในการผลิตฟิล์ม ซึ่งฟิล์มกรองแสงจากแบรนด์นี้เป็นฟิล์มชนิดพิเศษที่มีการเคลือบชั้นของโลหะลงบนแผ่นโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูงด้วยอนุภาคอะตอมทำให้ฟิล์มสามารถสะท้อนความร้อนและมองช่วงรังสีของดวงอาทิตย์ได้ดีเยี่ยม

จุดเด่นของฟิมล์ V – Kool

ฟิล์มรถยนต์ V – Kool นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีแล้วฟิล์มกรองแสงรถยนต์เหลือนี้นั้นยังมีเนื้อฟิล์มที่สายอีกด้วยผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกาและมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงฟิล์มยี่ห้อนี้ยังตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการฟิล์มใสๆ เน้นเรื่องป้องกันความร้อนแต่อยากได้เนื้อฟิล์มที่ทึบสามารถช่วยลดอุณหภูมิ ภายนอกรถได้ถึง 9.6 องศาทำให้ความโดดเด่นในการสะท้อนความร้อนเป็นอย่างมาก

ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Royal Privacy Package Vk 10

ฟิล์มกรองแสงที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับรถยนต์และยังมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดี 

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Solitaire Series

ฟิล์มติดรถยนต์เกรดพรีเมี่ยมแบบใสตัวฟิล์มมีการเคลือบชั้นโลหะเช่นทองคำและเงินลงบนแผ่นฟิล์มใสมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดีแสงสว่าง 2000 ได้สามารถป้องกันแสงรังสีอินฟราเรดได้ 94 ถึง 98% และค่าความร้อนรวมสูงสุดอยู่ที่ 70%

  • ฟิล์มติดรถยนต์ V – kool รุ่น Stature Series

ฟิล์มติดรถยนต์คุณภาพสูงเน้นโทนสีดำเข้มเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมีคุณสมบัติกันความร้อนได้เป็นอย่างดีค่าการลดความร้อนอยู่ที่ 71% ป้องกันรังสียูวีและรังสีอินฟราเรดได้ทัศนวิสัยการมองอย่างชัดเจน

5. ฟิล์มติดรถยนต์ SolarFx

อีกหนึ่งแบรนด์จากอเมริกาอย่าง Solar FX เป็นฟิล์มที่ถูกผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดโดยใช้การฝังอนุภาคนาโนเซรามิกขนาด 90 นาโนเข้าไปในเนื้อฟิล์มแทนการย้อมสีหรือการเคลือบด้วยโลหะเหมือนแบรนด์อื่นจนเกิดเป็น ฟิล์มเซรามิค คุณภาพเยี่ยมที่มีสีเข้มและสะท้อนแสงน้อยแถมยังได้รับประกันถึง 18 ปีอีกด้วย

จุดเด่นของฟิล์ม SolarFx

ตัวฟิล์มมีสีดำเข้มเป็นอย่างมากเหมาะสำหรับสายสปอร์ตที่ต้องการเพิ่มความหรูหราภายในรถแถมยังได้ความเป็นส่วนตัวนอกจากนี้ยังขับขี่ได้อย่างสบายใจฟิล์มสามารถมองเห็นได้อย่างคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืนทำหน้าที่กรองแสงรถยนต์ได้เป็นอย่างดีถึง ความเข้ม 99% ป้องกันความร้อนอยู่ที่ 93% โดยที่ไม่รบกวนสัญญาณ GPS เรื่องความทนทานสีไม่จืดจางแน่นอน

ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่นแนะนำ

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Xenithir

ฟิล์มรถยนต์ชนิดเซรามิกตัวฟิล์มผลิตด้วยเทคโนโลยีทับซ้อนกันประจุเซรามิกเก้าชั้นทำให้ตัวฟิล์มมีความหนาและทนทานสูงช่วยป้องกันความร้อนสะท้อนแสงแดดได้เป็นอย่างดีลดความร้อนสะสมช่วยให้ห้องโดยสารเย็นเร็ว

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Black phantom

ฟิล์มรถยนต์ ความเข้ม สีดำเข้มตัวฟิล์มมีความหนา 2 มิลลิเมตรใช้เทคโนโลยีทับซ้อนกันของประจุเซรามิกห้าชั้นสะท้อนความร้อนได้เป็นอย่างดีลดความร้อนที่สะสมภายในห้องโดยสารการมองเห็นอย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน

  • ฟิล์มติดรถยนต์ Solar Gard รุ่น Selective Ceramic

ฟิล์มติดรถยนต์ชนิดเซรามิกโทนสีชาสไตล์ยุโรปตัวฟิล์มมีความหนา 1.8 มิลลิเมตรกันความร้อนและป้องกันรังสียูวีได้ถึง 385 ลดความร้อนภายในสะสมของรถได้เป็นอย่างดีและมีทัศนวิสัยสบายตาไม่รบกวนการทำงานของ Easy pass

สรุปฟิล์มติดรถยนต์ที่หลายคนก็จะต้องเลือกใช้

สำหรับ ฟิล์มกระจกรถยนต์ นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ เสริมที่ช่วยป้องกันแสงแดดและช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือก ฟิล์มรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ให้ทำการศึกษาข้อมูล ข้อดี ข้อเสีย เสียก่อนเพื่อให้ได้รุ่นที่ถูกใจเรามากที่สุดแถมไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มเพื่อซ่อมแซมให้งบบานปลายอีกด้วย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี ประจำปี 2024 ภาพสวย คมชัด ระดับ HD ราคาไม่แพง

กล้องติดรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกวิดีโอและเสียงขณะขับขี่รถยนต์เพื่อเก็บเป็นหลักฐานพร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ในด้านการขับขี่ซึ่งถ้าหากการใช้งานกล้องติดรถยนต์ปัจจุบันมีการเกิดอุบัติเหตุหรือการกีดขวางจากผู้อื่นในขณะที่ใช้ถนนร่วมกันก็สามารถสร้างความมั่นใจในการขับขี่ได้โดยคุณสามารถใช้กล้องติดรถยนต์บันทึกวิดีโอขณะเกิดเสียงหรือเกิดเหตุร้ายแรงความไม่ปกติบนท้องถนนและยังใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการ ขับขี่รถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยโดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 7 อันดับกล้องติดรถยนต์พร้อมฟังก์ชั่นดีๆ อีกมากมายเพิ่มความมั่นใจขณะขับขี่และสามารถลดแรงสั่นสะเทือนได้ไม่ว่าจะขับเดินทางไกลแค่ไหนก็สามารถมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

กล้องติดรถยนต์ ยอดนิยมประจำปี 2024 ที่มีฟังก์ชั่นคุ้มค่าราคาไม่แพง

รวม กล้องติดรถยนต์ ประจำ 2024 ที่มีเทคนิควิธีการเลือกให้มีฟังก์ชันคุ้มค่าราคาไม่แพงเลือกได้อย่างไรบ้างไปดูกันเลย

โดยในวันนี้เราก็จะแนะนำกล้องติดรถยนต์ 7 รุ่นน่าใช้ในปีนี้

1. กล้องติดรถยนต์ 70mai A500s (ราคาจำหน่าย 2999 บาท)

กล้องติดรถยนต์ รุ่นแรกที่ได้อัพเดทจาก แบรนด์ ระดับโลกมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่โดดเด่นและราคาสมน้ำสมเนื้อคุ้มค่ามากกว่าใครพร้อมรูรับแสง F1.8 ที่ช่วยในการมองเห็นภาพในยามค่ำคืนในที่มืดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถบันทึกภาพขณะจอดรถได้ตลอด 24 ชั่วโมงมีระบบเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับความสั่นสะเทือนที่ผิดปกติ

จุดเด่น

  • ความละเอียดเลนกว้างมากกว่า 140 องศา
  • ระบบเตือนการออกนอกเลนและเตือนการชนด้านหน้า
  • GPS ในตัว
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและสามารถควบคุมผ่านแอพ

2. กล้องติดรถยนต์ DDPai Mola N3 (ราคาเริ่มต้นที่ 2599 บาท)

กล้องติดรถยนต์ 140 °องศา DDPAI Mola N3 Pro GPS Front and Rear Dash Cam 2K+1600P Full HD หนึ่งใน กล้องติดรถยนต์ ยอดนิยมที่สุดในประเทศไทยขายดีไปทั่วโลกพร้อมความละเอียดคมชัดมากกว่า 2K พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเก็บความละเอียดของภาพได้ดีมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในที่แสงน้อยหรือแสงมากการใช้บันทึกข้อมูลแบบทบวนจะช่วยให้ไม่เปลือง memory การ์ด ใครกำลังมองหากล้องติดรถยนต์หน้าหลัง ราคาถูก แนะนำรุ่นนี้เลย

จุดเด่น

  • ความละเอียดเลนส์ขว้าง 140 องศา
  • มี Wi-Fi และ GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและควบคุมผ่านแอพได้

3. กล้องติดรถยนต์ 70mai M300 (ราคาประมาณ 1699 บาท)

กล้องติดรถยนต์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดพร้อมกับราคาสบายกระเป๋าอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนแนะนำอยากให้ใช้เพราะมีความละเอียดวิดีโอมากถึง 2004 × 1296 ทำให้คมชัดกว่า 1080P 1.5 เท่า การผสมผสานระหว่าง WDR & 3D Noise Reduction technology ทำให้ได้ภาพที่คมชัดในทุกสภาพแสง มีระบบเซ็นเซอร์ และมีดีไซน์ที่เล็กกระทัดรัดไม่บังทัศนวิสัยขณะขับขี่

จุดเด่น

  • ความละเอียดและเลนส์กว้าง 140 องศา ครอบคลุมการมองได้ทั่วถึง สามารถบันทึกได้ครอบคลุมทุกเลนถนน
  • มีเซ็นเซอร์บันทึกภาพฉุกเฉินอัตโนมัติ G-sensor เมื่อตรวจพบเหตุการณ์ชน แรงกระแทกหรือแรงสั่นอย่างรุนแรง จะบันทึกภาพอัตโนมัติและไม่ถูกบันทึกทับ
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • เชื่อมต่อและควบคุมผ่านแอพได้
  • ความจุของแบตเตอรี่ 240 mAh

4. กล้องติดรถยนต์ Transcend DrivePro 10 (ราคา 2900 บาท)

Transcend DrivePro 10

กล้องติดรถยนต์แบรนด์ดังจากประเทศไต้หวันที่ได้มาตรฐานระดับโลกขนาดตัวกล้องแทบจะเล็กที่สุดในหมู่ กล้องรถยนต์ ขณะพร้อมสเปคที่สามารถดูภาพได้คมชัดช่วยให้ภาพและวิดีโอในกล้องลื่นไหลดูได้ไม่ติดขัด DrivePro 10 มีเซ็นเซอร์รับภาพความไวสูงเพื่อจับภาพที่คมชัด ความละเอียดสูง ด้วยสีสันที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แม้ในที่แสงน้อย จึงเหมาะสำหรับการถ่ายทำทั้งกลางวันและกลางคืน มาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 140° บันทึกสูงสุด 1440P 2K QHD ที่ 30fps เพื่อบันทึกทุกรายละเอียดที่สำคัญ

จุดเด่น

  • ความคมชัด 1440P 2K QHD ถ่ายได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
  • มีเซ็นเซอร์บันทึกภาพขณะฉุกเฉิน
  • แบตเตอรี่ทนทาน
  • เชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมผ่านแอพ และดาวน์โหลดฟุตเทจแบบเรียลไทม์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องถอดการ์ดหน่วยความจำออก

5. กล้องติดรถยนต์ 70mai Omni (ราคาประมาณ 5500 บาท)

70mai Omni Dash Cam X200 กล้องติดรถยนตฺ์ 4G Built-In GPS 1080P Full HD 60FPS HDR 70 mai Car Camera กล้องติดรถยนต์ 360 องศาเจ้าแรกในตลาดโดยสิ่งที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นกว่ากล้องอื่นๆคือกล้องสามารถหมุนได้รอบตัวช่วยบันทึกภาพได้แบบไร้จุดบอร์ดเห็นภาพได้เต็มมุมกล้องและลดการบิดเบือนของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นเครื่องบันทึกการขับขี่แบบพาโนรามา 360° เลนส์สตาร์ไลท์มุมกว้าง 140 องศา สามารถเช็คตำแหน่งของรถของคุณได้ตลอดเวลาบนแอป ทำให้รถของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น

จุดเด่น

  • การบันทึกวิดีโอฉุกเฉิน บันทึกล่วงหน้า 5 วินาทีก่อนเกิดอุบัติเหตุและ 10 วินาทีหลังเกิดอุบัติเหตุรวมกันเป็นวิดีโอฉุกเฉิน
  • ความคมชัด 2 ล้านพิกเซล
  • มี ai และระบบเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. แสดงภาพแบบพาโนรามาได้โดยไม่มีจุดบอด
  • มี GPS และระบบ ADAS ระบุตำแหน่งที่แม่นยำของรถและติดตามความเคลื่อนไหวของเส้นทางได้
  • สั่งงานได้ด้วยเสียงภาษาอังกฤษ

6. กล้องติดรถยนต์ DDpai Mola E3 (ราคาขาย 4000 บาท)

กล้องติดรถยนต์ ที่มาพร้อมจอสัมผัสแบบแอลอีดีขนาดใหญ่ 10 นิ้วมาในรูปแบบของการใช้งานแบบแขวนกระจกมองหลังภายในห้องโดยสารสามารถใช้บันทึกภาพและใช้แทนกระจกมองหลังได้ควบคู่กันซึ่งในตัวสินค้าจะมาพร้อมกล้องหน้ารถและกล้องหลังรถเรียกได้ว่าซื้อตัวเดียวจบ

จุดเด่น

  • ความละเอียดกล้องหน้าและกล้องหลังสามารถหมุนกล้องได้ 130 องศากล้องหลังหมุนได้ 125 องศา
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมงพร้อมเซ็นเซอร์
  • หน้าจอช่วยป้องกันแสงจ้าได้

7. กล้องติดรถยนต์VlOFO A119 mini 2 (ราคาจำหน่าย 5,499 บาท)

VIOFO A119 mini 2 กล้องติดรถ 2K 60FPS ระบบควบคุมด้วยเสียง 5GHz Wi-Fi GPS รองรับภาษาไทย กล้องติดรถยนต์รุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยีจาก SONY สามารถบันทึกภาพได้ชัดมากยิ่งขึ้นและเสียงรบกวนที่น้อยลงกว่ามากพร้อมรูรับแสงที่มีเทคโนโลยีช่วยจับภาพป้ายทะเบียนรถคันอื่นๆบนท้องถนนได้อย่างชัดเจนสามารถปรับสมดุลย์ของแสงในภาพได้อย่างเหมาะสม

จุดเด่น

  • กล้องติดรถยนต์ 4k ความละเอียดเน้นกว้าง 140 องศา
  • บันทีกวิดีโอที่ความละเอียด 2560x1440P คมชัดระดับ 2K
  • มี GPS ในตัวพร้อมเซ็นเซอร์
  • บันทึกภาพขณะจอดได้ 24 ชั่วโมง
  • ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วรองรับการเชื่อมต่อของ Wi-Fi ทั้งสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์และ iOS
  • สั่งงานได้ด้วยเสียง

วิธีเลือก กล้องติดรถยนต์ รุ่นไหนดี

หลักการในการเลือกซื้อ กล้องติดรถยนต์ นอกจากจะบันทึกภาพได้อย่างคมชัดแล้วก็ยังต้องเลือกกล้องที่สามารถบันทึกได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยมีฟังก์ชันการแสดงผลที่ชัดเจนภาพวิดีโอที่ได้ต้องมีความละเอียดโดยเรามีวิธีเลือกกล้องติดรถยนต์มาแนะนำให้คุณได้รับชมดังต่อไปนี้

วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์หลังจากที่เราได้รู้เหตุผลในการเลือกซื้อรถยนต์แล้วการเลือกกล้องติดรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณสามารถเลือกสรรได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพมากที่สุดควรเลือกซื้อแนวทางดังต่อไปนี้

  • ความละเอียดของกล้องติดรถยนต์

ความละเอียดของ กล้องติดรถยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่ควรศึกษาให้ดีกล้องหน้ารถที่มีความละเอียดสูงจะอยู่ที่ 1080p ที่จะช่วยให้ภาพบันทึกออกมาอย่างชัดเจนเห็นรายละเอียดต่างๆอย่างครบถ้วนนอกจากนี้อย่าลืมที่เรื่องของจิ๊บประมวลผลเลนส์กล้องหน้ากล้องหลังที่จะทำให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

  • การบันทึกภาพในตอนกลางคืน

เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในยามกลางวันและกลางคืนในที่ที่มีแสงสว่างน้อยดังนั้นควรควรเลือกกล้องหน้ารถที่มีความชัดในการบันทึกภาพยามค่ำคืนสามารถเก็บภาพต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพสามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆได้อย่างง่ายดายในสภาวะที่ซับซ้อนหรือในสภาวะที่ติหรือเรียกว่าแสงน้อยนั่นเอง

  • เลือกมุมกล้อง

ควรเลือก กล้องติดรถยนต์ ที่มุมมองเกิน 100 องศาที่สามารถบันทึกภาพได้อย่างมุมกว้างเมื่อเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนสามารถเห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนจากกล้องหน้ารถ

  • อัลตราเฟรมเลท

เมื่อให้ภาพของ กล้องติดรถยนต์ ออกมาคมชัดอย่าลืมที่จะเช็คเครื่องของอัลตราเฟรมที่จะเป็นตัว แสดงความลื่นของวิดีโอที่กล้องติดรถหน้าบันทึกไว้ถ้าหากเฟรมเลทมีจำนวนเยอะก็จะช่วยให้ภาพออกมาดูคมชัดและสมมติแต่ถ้าหากมีอัตราเฟรมน้อยก็จะทำให้เกิดการกระตุกดูไม่ค่อยรู้เรื่องเน้นในเรื่องความจำที่เพิ่มมากขึ้นถ้าหากเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีอัตราเฟรมสูงก็เพียงพอต่อการใช้งาน

  • ความสว่างของหน้าจอในการติดกล้องรถยนต์

ความสว่างของหน้าจอในการติดกล้องรถยนต์ควรควบคุมปริมาณของแสงที่เข้ามาภายในกล้องควรเลือกกล้องติดหน้ารถที่มีมีค่ารูรับแสงที่ต่ำเพื่อให้ถ่ายภาพได้สว่างและชัดเจนภาพเหตุการณ์ออกมาคมชัดดูได้อย่างสว่างมากกว่าเดิม

  • เซ็นเซอร์

ข้อควรสำคัญอีกหนึ่งอย่างในการติดกล้องรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้มั่นใจขณะขับขี่ในระบบเซ็นเซอร์จีจะเป็นตัวช่วยตั้งรับแรงสั่นสะเทือนจากตัวรถที่เกิดขึ้นแบบฉุกเฉินหรือกระทันหันขณะบันทึกภาพในขณะที่รถโดนกระแทกแยกไฟล์พิเศษออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการซับซ้อนหรือข้อมูลสูญหายเป็นฟังก์ชันพิเศษในรถยนต์เป็นอย่างมาก

  • มีการรับประกันจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน

ควรเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์จากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานและมีการรับประกันซึ่งในปัจจุบันมีหลายร้านที่จำหน่ายมีหลายรุ่นที่แตกต่างกันออกไปสินค้าที่รับประกันจะช่วยสามารถยื่นซ่อมหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดการชำรุดเสียหาย

  • ราคากล้องติดรถยนต์

ปัจจุบันกล้องติดรถยนต์มีจำหน่ายหลายแบนและหลายรุ่นมีหลายราคาให้คุณเลือกซื้อตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นอยู่กับรูปแบบและคุณสมบัติควรตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกซื้อกล้องติดรถแล้วเลือกให้เหมาะสมพร้อมทั้งพิจารณาความคุ้มค่าคุณสมบัติ กล้องหน้ารถ ต่างๆที่จะช่วยให้คุณเลือกได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้น

เหตุผลที่คุณควรมีกล้องติดรถยนต์

กล้องติดรถยนต์เป็นผู้ช่วยมืออาชีพที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนบันทึกภาพและเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างรวดเร็วในวันนี้เราจะมาบอกเหตุผลว่าทำไมเราควรเลือกซื้อกล้องหน้ารถ

  • กล้องติดรถยนต์ ใช้สำหรับบันทึกเหตุการณ์เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

การมีกล้องติดรถยนต์จะช่วยให้คุณนั้นสามารถตกลงพูดคุยแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการยืนโต้เถียงโดยไร้หลักฐานเพราะกล้องจะสามารถบันทึกเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างครบถ้วนถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างยิ่งในการเคลียร์ปัญหา

  • กล้องรถยนต์สามารถบันทึกเหตุการณ์จับคนร้ายที่เข้ามาขโมยของหรือก่ออาชญากรรม

การใช้หลักฐานเป็น ข้อดี เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นหรือมีเจตนาที่คู่กรณีจะทำร้ายเราสามารถใช้กล้องติดหน้ารถบันทึกภาพเมื่อคู่กรณีเห็นกล้องก็จะไม่สามารถลงมือเพราะกลัวการบันทึกภาพเป็นการป้องกันภัยได้เป็นอย่างดี

  • กล้องติดรถยนต์สามารถใช้ในการลดเบี้ยประกันภัยรถยนต์

สามารถลดเบี้ยประกันภัยได้โดยมีคำสั่งในบริษัทประกันภัยเริ่มใช้เมื่อตั้งแต่วันที่สามมีนาพ.ศ. 2560

  • กล้องหน้ารถสามารถบันทึกเหตุการณ์

กล้องหน้ารถสามารถช่วยจดจำและบันทึกเหตุการณ์ในเส้นทางที่เราไม่คุ้นชินไม่รู้ว่าจะกลับทางเดิมอย่างไรก็สามารถเปิดกล้องหน้ารถช่วยให้มองเห็นการขับผ่านมาได้อย่างชัดเจน

  • บันทึกภาพขณะจอด

 เชื่อว่าหลายคนอาจประสบปัญหาโดนชนในที่จอดรถจนทำให้มีรอยถลอกหรือรอยบุบตามมาการติดกล้องรถยนต์แบบกระจกมองหลังจะช่วยบันทึกภาพและจัดการผู้ทำผิดได้อย่างง่ายดายบางรุ่นอาจจะมีโหมดสำหรับการบันทึกระหว่างจอดรถเมื่อเกิดการสั่นสะเทือนอีกด้วย

  • กล้องติดรถยนต์ช่วยสร้างความมั่นใจในขณะขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น

กล้องติดรถยนต์ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดเมื่อเกิดอุบัติเหตุและความเสี่ยงด้านต่างๆขณะบุญท้องถนนที่กล้องจะทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

  • บันทึกภาพความประทับใจจากกล้องหน้ารถ

เมื่อต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่มีวิวอันสวยงามหรือถนนที่มีความน่าประทับใจรวมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆเราก็สามารถเปิดการบันทึกจาก กล้องติดรถยนต์ เก็บไว้เป็นความทรงจำได้เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เราสามารถสร้างความสุขและความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี

สรุปในการเลือกใช้กล้องติดรถยนต์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน

สรุปแล้วการใช้ กล้องติดรถยนต์ หน้า หลัง รถมีข้อดีเป็นอย่างมากเพราะสามารถช่วยบันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดีช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ทั้งนี้เราจะต้องคำนึงถึงผลลัพธ์และประโยชน์จากกล้องให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการบันทึกในที่แสงน้อยยามค่ำคืนหรือความทนทานของแบตเตอรี่กับตัวกล้องพร้อมกับระบบจัดเก็บข้อมูลที่เราจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของแต่ละรุ่นแต่ละ ยี่ห้อ สิ่งสำคัญนั่นก็คือราคาเลือกกล้องคุณภาพดีมีความเหมาะสมในงบประมาณของตัวเอง เสริมความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ได้ในยุคสมัยนี้เลย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ที่ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ

เปิดตัวกับรถยนต์ tesla model 3 ไฟฟ้าซีดานรุ่นใหม่ ที่ขอยกให้เป็นที่สุดแห่งความคุ้มค่าโดดเด่นในเรื่องการจัดพลังงานและ option เสริมเอาใจคนสมัยใหม่อย่างสุดๆ เน้นเรื่องความสบายในการขับขี่พร้อมช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่กับเบาะที่นั่งที่ต่อยอดมาจากโมเดล 3 refresh ที่ส่งมาไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นรถยนต์ ที่ใครๆ ก็อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของเพราะมีความสะดวกสบายคุ้มค่า

ทำความรู้จัก Tesla Model 3 ก่อนการตัดสินใจซื้อ

เปิดตัว tesla model 3 Performance รุ่น 2024 อย่างเป็นทางการโดยมีการต่อยอดจาก tesla model 3 Refresh ส่งมอบไปก่อนหน้านี้แถมยังมีการอัพเกรดเพิ่มประสิทธิภาพในรถใหม่ในทุกมิติปรับการออกแบบภายนอกและภายในให้มีความแตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน

  • พร้อมกับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,149,000 บาท
  • ตัวรถใช้ระบบขับเคลื่อนรุ่นที่ 4 ขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • พร้อมหม้อกำลังได้มากกว่าเดิมถึง 22%
  • พร้อมภาระกำลังแรงม้าสูงสุดเพิ่มขึ้น 32% เพิ่มแรงบิด 16%
  • และแม้ว่าจะได้พลังมากขึ้นแต่กลับใช้พลังน้อยลงกว่าเดิม
  • ตัวรถสูงถึง 510 แรงม้าแรงบิดสูงสุดถึง 741 นิวตันเมตร
  • ความเร็วได้สูงสุด 262 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 2.9 วินาที

ถือว่าเป็น Tesla Model 3 รุ่นที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาส่วนระยะทางการขับขี่อยู่ที่ 528 กิโลเมตรตามมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา

  • ส่วนเวอร์ชั่นไทยมอบพละกำลังสูงสุดถึง 460 แรงม้า
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.1 วินาที
  • ล้อใช้ล้อฟอร์ดอันลอยขนาด 20 นิ้ว

และเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะได้มากยิ่งขึ้นในทุกมิติและยังมาพร้อมกับความสบายใจลดอาการโคลมของตัวรถได้ดีขึ้น และเพิ่มระยะทางการขับขี่ให้ไกล และยังมาพร้อมกับโหมดการขับขี่ในสนามการแข่งขันควบคุมการทำงานของมอเตอร์ได้โดยตรง ปรับช่วงล่างได้ปรับแต่งระบบระบายความร้อนและที่สำคัญส่งกำลังและระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถได้ในโหมดเดียวเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกอย่างสูงที่สุดสำหรับการขับขี่ในสนามแข่งขัน

ช่วงล่างของ Tesla Model 3 

มาพร้อมกับช่วงล่างที่ช่วยปรับแต่งการการทำงานของผู้ขับขี่อย่างอัตโนมัติ ตามสภาพถนนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถในทุกมิติทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือการขับขี่ในวันสบายๆ โดยตัวรถจะถูกควบคุมโดยโปรแกรมเทสล่า ที่พัฒนาขึ้นเองนั่นหมายความว่าเพิ่มประสิทธิภาพช่วงล่างในอนาคตจะสามารถทำได้ด้วยการอัพเดทซอฟต์แวร์

Tesla 3 กับการอัพเกรดอากาศพลศาสตร์

เมื่อเปรียบเทียบกับ tesla model 1และ2 tesla model 3 มีการอัพเดท

  • ชุดอุปกรณ์ตกแต่งภายนอกใหม่ส่งผลโดยตรงในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ของตัวรถลดแรงต้านอากาศได้มากถึง 5%&
  • ลดอาการหน้าลอยและเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องการยึดเกาะได้มากกว่าเดิมถึง 55% เมื่อเทียบกับ Tesla Model 3 Performance ในรุ่นเดิม
  • เบาะนั่งใหม่แบบสปอร์ต ให้ฟังก์ชันความสะดวกสบายแต่มีการอัพเกรดในส่วนของการรองรับร่างกายด้านข้างทำให้เพิ่มความมั่นคงกับผู้ขับขี่ ที่จะต้องเลี้ยวโค้งแบบหนักๆ ได้อย่างยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นเพราะจะช่วยทำให้ร่างกายของเราไม่โยนออกไปมากนักขณะนั่งอยู่

Tesla Model 3 ในประเทศประเทศไทย

รถยนต์แบบซีดานพลังงานไฟฟ้าที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก tesla model 3 รุ่นก่อนหน้าที่ออกจัดจำหน่ายมาอย่างยาวนานถึง 6 ปีตอนนี้ได้ปรับโฉมใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยมีการปรับปรุงใหม่ทั้งภายนอกและภายในอัดฟีเจอร์ ที่จำเป็นเข้าไปเพิ่มเติมหลายอย่างให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นพัฒนาและขับเคลื่อนรถให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับถูกเปิดเผยโฉมอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กันยา 2566 เวลา 07:00 น. ตามเวลาประเทศไทยส่วนรุ่นเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้เปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2567 โดยมีราคา Tesla Model 3 2024 ในประเทศไทยดังต่อไปนี้

ชื่อรุ่นราคา
Tesla Model 3 Rear Wheel Drive 20241,599,000 บาท
Tesla Model 3 Long Range 20241,899,000 บาท
Tesla Model 3 performance 20242,149,000 บาท

Tesla Model 3 มีอะไรใหม่บ้างในปี 2024

tesla model 3 ได้อัพเกรดคุณสมบัติมากมายที่ทำให้ประสบการณ์ในการขับขี่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็น

  • การปรับเปลี่ยนพวงมาลัยให้เป็นแบบมัลติฟังก์ชันพิเศษ ต่างจากเดิมเพราะช่วยลดความยุ่งยากขณะขับขี่
  • ทำให้ผู้ขับขี่สามารถคลิกแค่เพียงครั้งเดียว ก็สามารถถึงฟังก์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณไฟเลี้ยว หรือไฟสูง
  • นอกจากนี้ยังมีการควบคุมจากฝั่งทางด้านซ้ายสามารถปรับโหมดการเร่งความเร็วความสว่างทางหน้าจอและการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย
  • ในส่วนของห้องโดยสารที่มีการประกอบจากเทคโนโลยีสิ่งทอต่างๆ แบบอะลูมิเนียมที่เรียบง่ายมากที่สุดให้ความกลมกลืนและความสำคัญมีความยั่งยืนที่จะคำนึงถึงสภาพแวดล้อม
  • ห้องโดยสารที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ เพราะได้มีการอัพเกรดเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญทั้งตัวถังที่มีมาตรฐานสูง
  • โครงสร้างประตูที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เสริมด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่งแบบใหม่รถอาการบาดเจ็บทั้งคนนั่งและผู้โดยสารขณะมีการชนยิ่งไปกว่านั้น 
  • ปรับปรุงเรื่องการลดเสียงรบกวนด้วยการแบบใหม่ใช้กระจกแบบกันเสียง 360 องศาช่วยเพิ่มความเงียบภายในห้องโดยสารและสามารถลดเสียงๆ รบกวนจากถนนภายในได้มากถึง 31% ในช่วง 50 ถึง 100 Hz

นอกจากนี้ยังมีภาระกำลังมหาศาล ด้วยอัตราการเร่งที่ตอบสนองพร้อมกับความสามารถในการใช้พลังงานแบบต่ำได้ทำให้รถโมเดล 3 อัพเกรดใหม่ยังคงความเป็นเลิศในฐานะของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถขับได้ทั้งในเมืองและออกต่างจังหวัดตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ในสภาพแวดล้อมทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสั้นหรือเดินทางไกลรถโมเดล 3 จึงมีคุณสมบัติที่มอบความสะดวกสบายความปลอดภัยและความยั่งยืนให้แก่ผู้ขับขี่ได้ทั้งหมด

Tesla Model 3 2024 เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงอะไรไปบ้าง

tesla model 3 การเปลี่ยนแปลงหลายจุดดังต่อไปนี้

  • ตัวรถที่กว้างขึ้นยาวขึ้นแต่ความเตี้ยลดลง
  • ขับได้ไกลขึ้น 4.5%
  • ตัดเซ็นเซอร์รอบคันออกใช้เทสล่าวิชั่นแทน
  • มีไฟเตือนมุมอับสายตา
  • ไฟหน้าแอลอีดีดีไซน์ใหม่มีความมินิมัลมากยิ่งขึ้น
  • ไฟท้ายแอลอีดีดีไซน์ใหม่มินิมัลมากกว่าเดิม
  • ชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่
  • ชุดฝาท้ายและกันชนหลังดีไซน์ใหม่
  • เพิ่มประสิทธิภาพของกล้องรอบคันทำให้มีความละเอียดสูงมากยิ่งขึ้น
  • เพิ่มจอมัลติมีเดียขนาด 8 นิ้วสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • เสริมบรรยากาศภายในห้องโดยสารด้วยการตกแต่ง
  • พวงมาลัยดีไซน์ใหม่เพิ่มปุ่มควบคุมจำนวนมาก
  • ตัดก้านหลังพวงมาลัยออกทั้งหมด
  • ระบบเกียร์อยู่ในหน้าจอเหมือนโมเดล s,x
  • เปลี่ยนแผงคอนโซลหน้าใหม่ทั้งหมด
  • เบาะหลังใหม่พร้อมระบายอากาศ
  • กระจกแบบลดเสียงรบกวน
  • อัพเกรดเครื่องลำโพงเป็น 17 ตัว
  • ช่วงล่างมีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

รีวิวการขับ Tesla Model 3 ก่อนการตัดสินใจซื้อจริง

tesla model 3 ทดสอบภารกิจขับจาก กรุงเทพ ไปยัง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และ ฝั่งปราจีนบุรีขับไปถึงอ่างเก็บน้ำสาย 2 จังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้ากลับ กรุงเทพ ด้วยระยะทางรวมทั้งหมดเกือบ 400 กิโลเมตรเพื่อพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถในทุกมิติตั้งแต่เรื่องการขับขี่พละกำลังช่วงล่างระบบการจัดการพลังงานระบบช่วยเหลือการขับขี่ รวมถึงการเก็บเสียงพร้อมกับระบบชาร์จแบบแบตเตอรี่ 100% เต็มรีเซ็ททริปใหม่และออกเดินทางทันที เพื่อดูเรื่องการจัดการพลังงานของรถทั้งหมดด้านการขับขี่เราจะใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและ 70% ของการ เดินทางใช้โหมด auto pilot ในการขับทั้งหมด สิ่งที่น่าประทับใจก็คือ

  • ช่วงล่างที่มีความนุ่มนวลเป็นอย่างมาก
  • สามารถซับแรงกระแทกต่างๆไม่ว่าจะเป็นหลุมลูกระนาดหรือการขูดราดยางถนนต่างๆที่ไม่เรียบตัวช่วงล่างของรถสามารถเก็บอาการได้อย่างอยู่หมัดไม่มีอาการตึงๆ
  • พร้อมสัมผัสช่วงล่างมีความเป็นพรีเมียมสูงแตกต่างจากรุ่นเดิมได้อย่างชัดเจน

เหตุผลมาจากการปรับปรุงชุดช่วงล่างใหม่ทั้งหมดส่งผลทำให้ซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยมอีกทั้งยังเป็นการขับขี่บนถนนที่ซับซ้อนและมีทางชันเร่งขึ้นไปอย่างสบายๆ ด้วยจุด ถ่วงที่ต่ำมากและยังมีภาระกำลังที่ล้นเหลือทำให้เราสามารถเดินทางขึ้นเขาที่โค้งซับซ้อนและลาดชันแบบไร้รอยต่อ เพียงกดคันเร่งรถก็สามารถพุ่งทะยานไปได้ไกลทันที บอกเลยว่าความสัมพันธ์ในประสบการณ์ต่างๆ นั้นมีความชิวอย่างสมชื่อและค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้รบมากเลยทีเดียวมีความเป็นรถสปอร์ตตัวแรงอย่างแท้จริง แถมยังขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและค่อยๆ เพิ่มลดความเร็วเป็นไปอย่างตามระดับถูกใจช่วงล่างเพราะมีความนุ่มนวลและที่สำคัญถ้าหากต้องการ ใช้เป็นรถบ้านแบบเดิมๆ เราก็ขอแนะนำกันได้เลยเพราะจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนกำลังฝันถึงนั้นเป็นจริงแล้ว

Tesla 3 รุ่นใหม่ไม่มีเกียร์จะต้องขับอย่างไร

รถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 ไม่มีเกียร์จะขับได้อย่างไรคำตอบเลยก็คือจะใช้งานแค่สองครั้งระหว่างออกตัวรถกับระหว่างการขับขี่เราจะไม่ใช้เกียร์กันอยู่แล้วโดยคันเกียร์รถจะถูกเอาออกไปและเอาไปไว้ที่ฝังหน้าจอด้านขวาแทนเหยียบเบรกปัดขึ้น เพื่อเดินหน้าปัดลงเพื่อถอยหลังกดปุ่ม P ด้านบนเพื่อจอดและกดปุ่ม N เมื่อใส่เกียร์ว่างในกรณีฉุกเฉินจอดับสตาร์ทไม่ติดจะมีชุดเกียร์สำรองติดตั้งอยู่ที่เพดานบริเวณไฟฉุกเฉินถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างจอกับเกียร์เพดานในการขับขี่ทั่วไปเกียร์หน้าจอใช้ง่ายที่สุด ส่วนกรณีที่ต้องเปิดออโต้ไพล็อตให้กดปุ่มวงกลมฝั่งขวาเพื่อเปิดระบบแทน

Tesla Model 3 ใช้ไฟฟ้าเปลืองพลังงานไหม

tesla model 3 ทดสอบโดยการ

  • จอดรถตากอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียสและเปิดแอร์ที่ 21 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
  • พบว่าใช้ไฟไปทั้งหมด 6% ทดสอบการขับขี่ทั้งหมดอยู่ที่ 367 กิโลเมตร
  • อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าอยู่ที่ 139 กิโลวัตต์หรือ 7.19 หน่วยต่อกิโลเมตรใช้ไฟฟ้าไปทั้งหมด 76% คิดเป็นปริมาตรไฟฟ้า 57 กิโลวัตต์คิดเป็นเงินทั้งหมด 171 บาท

สรุปรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เหมาะกับใคร

โดยสรุปแล้วสำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า tesla model 3 แบบซีดานในงบไม่เกินสองล้านบาทนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์มากที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดดเด่นด้วย option และซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดในตลาดรถยนต์โลกจัดการพลังงานต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมทำให้รถยนต์คันนี้แม้จะวิ่งทางไกลแต่มีขนาดขแบตเตอรี่ไม่ได้ใหญ่มากนัก พร้อมกับระบบการช่วยเหลือการขับขี่ได้อย่างชาญฉลาดช่วยเหลือเราได้ทุกเหตุการณ์ หากไม่ติดขัดในเรื่องเกียร์หรือก้านไฟเลี้ยวต่างๆ นี่คือรถยนต์ที่ดีที่สุดในตระกูลรถไฟฟ้าเลยทีเดียว

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

รีวิว รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y เทสล่าตัวใหม่ ต่างจากเดิมยังไง

เปิดตัวกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y ที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้วในวันนี้ เปิดขายแล้วในประเทศเยอรมัน

  • พร้อมทำระยะทางการขับขี่ได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 
  • ราคาเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านบาท
  • โดยรุ่นที่จะทำระยะทาง 600 กิโลเมตรนี้จะต้องใช้ล้อแบบอัลลอย 19 นิ้วเท่านั้นหากใช้ล้ออัลลอย 20 นิ้วระยะทางขับไกลสุดจะลดเหลือแค่เพียง 565 กิโลเมตรตามมาตรฐานสหรัฐอเมริกา

เป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับทุกคนด้วยโอกาสที่จะมีการพลิกคว่ำและบาดเจ็บผู้โดยสารจึงจะทำให้ออกมาปลอดภัยเท่าที่ที่สุด จนกว่าจะเป็นไปได้พร้อมความปลอดภัยขั้นสูงช่วยลดความรุนแรงขณะชนป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ด้วยฟีเจอร์ระบบการเตือนการชนด้านหน้าระบบเบรกแบบฉุกเฉินและระบบหลีกเลี่ยงการออกนอกช่องจราจรทั้งหมด ล้วนเป็นมาตรฐานที่มามาพร้อมกับความปลอดภัยบนรถยนต์ของเรา เป็นรถยนต์ที่ขับสนุกและสามารถขับไปได้ไกลในทุกที่ด้วยระยะการวิ่ง 533 กิโลเมตรทำได้มากกว่าการขับขี่เพราะสามารถเล่นเกมภาพยนตร์หรือทำในสิ่งที่ชื่นชอบด้วยการสัมผัสหน้าจอขนาด 15 นิ้วห้องโดยสารที่กว้างขวางปรับด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่สูง เพลิดเพลินไปกับการวางขาที่เพียงพอทั้งเบาะหน้าและเบาะหลังรวมถึงสัมภาระที่ปลอดภัยทั้งหมดสำหรับรถยนต์คันนี้

พบกับราคา Tesla Model Y ก่อนการตัดสินใจซื้อ

ราคาจำหน่ายของ tesla model y ในประเทศเยอรมัน ผลิตจากโรงงาน Giga Berlin มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยด้วยกัน

รุ่นราคา
Tesla Model Y Rear-wheel drive1.79 ล้านบาท
Tesla Model Y Long Range Rear-wheel drive1.94 ล้านบาท
Tesla Model Y Long range All-wheel drive2.19 ล้านบาท
Tesla Model Y Performance All-wheel drive2.39 ล้านบาท

ทำความรู้จักแบบเจาะลึกกับ Tesla Model Y ที่ดีที่สุดประจำปี 2024

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถ Suv รองลงมาจาก Tesla Model X โดดเด่นด้วยรถยนต์นั่งตัวถังแบบ 5 ประตูมีขนาดเล็กกะทัดรัดและที่สำคัญเป็นรถยนต์ที่มีราคาถูกมากกว่ารุ่นพี่เป็นเท่าตัวสามารถเข้าถึงได้ง่ายและจับจองกันได้แล้วโดยใน ประเทศสหรัฐอเมริกา tesla model y มีราคาเทียบเท่ากับ

  • BMW x3 Series
  • Mercedes benz GLC Class

แม้รถยนต์ Tesla Model Y จะมีลักษณะคล้ายเคียงกันกับ Tesla Model 3 แต่ถ้าดูจริงๆก็จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่และรถที่สูงกว่าหรือมีความกว้างกว่ากันพอควรโดยรถยนต์ tesla model y จะอยู่ในพิกัดเดียวกันกับรถยนต์ BMW x3 Series และ Mercedes benz GLC Class

Tesla Model Y โครงสร้างและตัวถังของรถยนต์คันนี้

โครงสร้างของรถยนต์ tesla model y เน้นหนักไปที่ความปลอดภัยเป็นหลักมักถูกออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ มาโดยเฉพาะเพื่อที่จะกระจายแรงได้ดีเยี่ยมการันตีความปลอดภัย 5 ดาวจากสถาบันทดสอบความปลอดภัยอันเกิดจากมาตรฐานยุโรปหรือมาตรฐานสหรัฐอเมริกา ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดกับรถยนต์ Tesla Model Y ก็ผ่านมาทั้งหมด 5 ดาวเช่นเดียวกันเป็นรถยนต์ตัวแรกที่ทำให้มีโครงสร้างตัวรถที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมผลิตได้เร็วกว่ารถยนต์แบบเดิมโดยใช้แม่พิมพ์ขึ้นรูปตัวถังส่วนท้ายขึ้นมาจากเดิมที่จะต้องใช้ชิ้นส่วนโลหะถึง 70 ชิ้นเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งชิ้นใช้พิมพ์ขึ้นรูปในชิ้นเดียวซึ่งทำให้มีความแข็งแรงส่วนด้านหน้าของรถยนต์ tesla model y ใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบตามพิมพ์นิยมของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มระบบด้วยไฟตัดหมอกด้านข้างลายเส้นของตัวรถจะดูแตกต่างจาก Tesla Model Y ค่อนข้างมากด้วยลักษณะของหลังคาที่ถูก ดึงขึ้นให้สูงกว่ารถยนต์ model3 อย่างชัดเจนส่วนฟีเจอร์ต่างๆก็เรียกได้ว่ามาครบครันแบบมือจัดเต็มประตูเนียนไปกับตัวรถหลังคาแก้วแบบพาโนราม่า กล้องรอบคันพร้อมกับระบบ auto pilot

พบกับระบบช่วยขับขี่ auto pilot เวอร์ชั่นใหม่มีอะไรบ้าง

ระบบช่วยขับขี่ในรถยนต์ tesla model y ได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยแบ่งหัวข้อไว้ดังนี้ระบบสามารถขับอัตโนมัติตามเส้นทางที่กำหนดไว้ระบบเปลี่ยนเลนส์อัตโนมัติระบบถอยจอดอัตโนมัติระบบเรียกรถมาหาเราระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการขับเคลื่อนอัตโนมัติเวอร์ชั่นอัพเกรดและระบบหยุดรถตามสัญญาณไฟจราจร การเดินทางที่สงบมากยิ่งขึ้นช่วยให้รถของคุณนั้นสามารถบังคับเลี้ยวและเร่งความเร็วเบรกได้อัตโนมัติโดยช่องจราจรของคุณภายใต้การควบคุมดูแลแบบแอคทีฟ ช่วยให้การตัดสินใจที่ยากลำบากเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ผ่านกับระบบใช้งานที่มีความทันสมัยและมีการรับประกันถึง 4 ปีหรือ 80,000 กิโลเมตรไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อนพร้อมกับแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อน 8 ปีหรือ 192,000 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากระจกรอบคันที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความโปร่งโล่งสบายขณะนั่งและทำให้รู้สึกว่านี่คือรถยนต์ล้ำหน้าล้ำสมัยในอนาคต ที่จะพาทุกคนนั้นเดินทางด้วยความปลอดภัยในราคาที่จะจับต้องได้และสามารถนั่งได้สูงสุดถึง 5 คนพร้อมกับมีอัตราการเร่งความเร็วอยู่ที่ 3.7 วินาทีหรือว่าศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรนั่นเองพร้อมกับยังมีโหมดสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงเอาใจสำหรับคนที่ เลี้ยงน้องหมาหรือน้องแมวทำให้เพื่อนของคุณนั้นรู้สึกสบายใจขณะที่คุณไม่อยู่ในรถอีกด้วย นับว่ารถยนต์คันนี้เป็นทุกๆอย่างสำหรับรถครอบครัวหรือว่าเป็นรถสำหรับการเดินทางไกลใช้สำหรับการท่องเที่ยวต่างๆก็สุด 100,000 ที่จะดูแลอย่างง่ายดายขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์คู่ทำให้มั่นใจในทุกการเดินทางและสามารถปลอดภัยได้ทั้งคนขับและผู้ ใช้ถนนร่วมกันในการเดินทาง

  • รุ่น Rear – wheel Drive ได้ล้อ Gemini Wheels ขนาด 19 นิ้ว
  • รุ่น Long Range จะได้ล้อขนาด 20 นิ้วเป็นขนาดมาตรฐาน
  • รุ่น performance จะได้ล้อขนาด 21 นิ้ว

ด้านท้ายของตัวรถหลังคาถูกออกแบบให้มีลายเส้นราบลงมาถึงไฟท้ายใช้แบบ LED เต็มระบบ

Tesla Model Y กับระบบภายในที่ดีที่สุด

เข้ามาถึงที่ภายในห้องโดยสารยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยมินิมอลตัดด้วยลวดลายไม้สไตล์เทสล่าไว้เป็นอย่างดี ด้วยการตกแต่งภายในของเขาจะดูโดดเด่นด้วยหน้าจอควบคุมกลางขนาด 15 นิ้วที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของตัวรถทั้งคันเอาไว้ในหน้าจอเดียวพวงมาลัยทรงปกติมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบจอยสติ๊ก สองปุ่มเท่านั้นครอบคลุมการสั่งการของรถโดยส่วนใหญ่ tesla model y จะไม่มีหน้าจอเรือนใหม่ของผู้ขับมาให้ด้านใต้จอมีแท่นสายชาร์จไร้สายมาให้สองช่อง หลังคาแก้วแบบเต็มตาทำให้โปร่งโล่งสบายตาต่างจากรถยนต์ Molel 3 ที่จะมีคานพาดผ่านตรงกลางเบาะด้านหลังมาพร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้วตรงกลางสามารถพับเบาะแบบเรียบได้เครื่องเสียงใช้ลำโพง 14 ตัวพร้อมกับคุณภาพภายในห้องโดยสารระดับสตูดิโออัดเสียง ระบบความบันเทิงภายในของเวอร์ชั่นประเทศไทยมาครบครันพร้อมทั้ง YouTube Netflix และอื่นๆอีกมากมาย

สิ่งอำนวยความสะดวก Tesla Model Y ที่ทุกคนควรรู้

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เราก็จะมาบอกสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเปรียบเทียบข้อแตกต่างเพื่อที่จะได้ตัดสินใจง่ายระหว่างการซื้อ

  • ระบบช่วยขับขี่ auto pilot
  • ระบบปรับอากาศขั้นสูง
  • ระบบเสียงเสมือนจริง
  • พอร์ตพร้อมอุปกรณ์จัด เก็บข้อมูล 128 จิ๊ก
  • แท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายสองเครื่อง
  • กระจกมองข้างแบบตัดเลนปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า
  • ระบบอุ่นเบาะนั่งและพวงมาลัย
  • เบาะ นั่งคู่หน้าปรับโดยระบบไฟฟ้า

Tesla Model 3 กับ Tesla Model Y ในปี 2024 เลือกรุ่นไหนดี

เริ่มเปรียบเทียบกันด้วยสมรรถนะของตัวรถ Tesla Model 3 จะมีสองรุ่นย่อยเท่านั้น

  • มีพละกำลังอยู่ที่ 441 แรงม้า
  • แรงบิด 493 นิวตันเมตร
  • ทำอัตราเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.4 วินาที
  • และความเร็วได้สูงสุดถึง 201 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ส่วนฝั่ง tesla model y

  • มอบพละกำลังมาถึง 527 แรงม้าและแรงบิด 660 นิวตันเมตร
  • ทำอัตราการเร่ง 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที
  • และความเร็วได้สูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ถ้าวัดกันในเรื่องของความแรง tesla model y จะแรงมากกว่าเพราะพละกำลังจะอยู่ที่ 283 แรงม้าและแรงบิด 420 นิวตันเมตร
  • อัตราการเร่งจะต่างกันอยู่ที่ 6.1 วินาทีส่วน Tesla Model Y จะต่างกันอยู่ที่ 6.9 วินาทีเพราะมาจากขนาดตัวรถ

Tesla Model Y ที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีต้านลมที่มากกว่าพอสมควรมาต่อกันที่แบตเตอรี่ทั้งคู่ใช้สเปคเดียวกันระยะทางการขับขี่ก็แตกต่างกันพอสมควรโดยขณะที่ Tesla Model 3 ทำระยะทางการขับขี่ได้ที่ 513 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง tesla model y ทำระยะทางการขับขี่ได้สูงสุด 455 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งต่างกันมากถึง 50 58 กิโลเมตรหรือ 13% เลยทีเดียวมาต่อกันที่ขนาดของตัวรถยนต์ Tesla Model 3 จะมีความยาวอยู่ที่ 4720 มิลลิเมตรกว้าง 1850 มิลลิเมตรสูง 1441 มิลลิเมตรระยะฐานล้อ 2875 มีความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 138 มิลลิเมตรส่วน Tesla Model Y มีความยาว 4751 มิลลิเมตรกว้าง 1921 มิลลิเมตรสูง 1624 มิลลิเมตรระยะทางล้อ 2890 มิลลิเมตรมีความสูงใต้ท้องรถอยู่ที่ 172 มิลลิเมตรจะเห็นได้ว่าความแตกต่างกันมีความชัดเจนเป็นอย่างมากในทุกมิติส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระของรถยนต์ Tesla Model 3 สามารถจุได้ 682 ลิตรและเก็บใต้ฝากระโปรงได้อีก 88 ลิตรส่วนลดรถยนต์ Tesla Model Y ความจุด้านหลังมากถึง 971 ลิตรหรือจุได้มากถึง 42% และใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 117 ลิตรหรือจุมากกว่า 32%

สรุปกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Tesla Model Y เหมาะกับใครบ้าง

เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณนั้นจะต้องคำนึงถึงและพิจารณาก่อนที่จะซื้อเพราะเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่มีพื้นที่จุดสัมภาระเยอะตอบโจทย์มากกว่าอย่างชัดเจนแต่ถ้าหากอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นระยะขับไกลมาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ พร้อมกับจอเบาะคู่หน้าต้องเลือกรถยนต์ Tesla Model 3 เท่านั้น แต่ถ้าหากคุณเป็นวัยทำงานที่หลงใหลใน tesla model y ก็ขอแนะนำเลยเพราะมีความล้ำหน้าล้ำสมัยเป็นอย่างมากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พาโฉบเฉี่ยวไปในทุกที่ที่คุณต้องการไปด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ทันสมัยที่ใส่มาไว้ในรถคันนี้แล้ว ชาร์จได้ทุกที่และวิ่งได้มากมายสำหรับการขับขี่ทุกประเภทเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวหรือจะเป็นรถยนต์ที่คุณขับไปทำงานในทุกๆวันก็สะดวกรวดเร็วปลอดภัยถึงที่หมายอย่างแน่นอนขอแนะนำเลย

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ที่สุดของการเปิดตัวรถยนต์ BMW M4 สุดโหด

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2020 ที่ผ่านมาประเทศเยอรมนีได้เปิดตัวรถยนต์สายโหดอย่าง BMW M4 ซีดานและรถยนต์คู่ใจที่มาสานต่อตำนานความแรงของรถยนต์ของบรรพบุรุษ ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถพัฒนากลายเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ ที่เพิ่มความดุดันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีกระจังหน้าที่แปลกแหวกแนว พร้อมกับการขับเคลื่อน 4 ล้อจนทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นจะต้องสะดุดสายตากันตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเลย

ทำความรู้จัก BMW M4 G82

BMW M4 vs BMW M3 ที่สุดของรถยนต์รุ่นใหม่ BMW M3 รหัสตัวถัง G80 ในขณะที่ BMW M4 ใช้รหัสตัวถัง G82 รถทั้ง 2 รุ่นนี้มีการประกอบ จากโรงงานคนละที่กันซึ่งการประกอบของรถยนต์นั้นจะมีการใช้

  • เกียร์คัดคู่ 7 สปีดที่มาเป็นเกียร์อัตโนมัติ 
  • 8 สปีดนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
  • เป็นอุปกรณ์เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบ 3.0 ลิตรรุ่นเดียวกันกับ X3M และ X4M
  • มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
  • โดยจะออกแบบรูปร่างหน้าตามิติตัวถังอยู่ที่ความยาว 4794 มิลลิเมตรยาวกว่ารุ่นเดิมถึง 123 มิลลิเมตรระยะล้อ 2857 มิลลิเมตรเพิ่มขึ้น 45 มิลลิเมตร
  • ขนาดความกว้าง 1887 ความสูง 1393 มีห้องโดยสารที่สูงมากกว่าเดิมเล็กน้อย

ส่วนอัตราความกว้างของระยะแท็กล้อหน้าก็จะมีความกว้างมากยิ่งขึ้นปรับระยะความกว้างของล้ออีก 38 มิลลิเมตรความกว้างล้อหลังเพิ่มอีก 1 มิลลิเมตรเป็น 1605 มิลลิเมตรสูงจากใต้ ท้องรถอยู่ที่ 120 มิลลิเมตรนอกจากนี้ตะแกรงไตแนวตั้งขนาดมหึมา ยังมีแผงตัวถังขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมพร้อมๆ กันชนติด Drift Future ขนาดใหญ่รวมถึงท่อไอเสียโดดเด่นบางคนมีช่องระบายอากาศรวมถึงสเกิร์ต ที่ข้างลึกตรงกับ Drift Future ด้านหลังหลังคาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ที่สามารถสั่งเปลี่ยนหลังคาเหล็กพ่นสีได้ ถ้าหากลูกค้าต้องการซันรูฟก็ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายไม่แพ้กัน ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด

หัวใจของรถยนต์ BMW M4 คันนี้ก็อยู่ที่

  • เครื่องยนต์เบนซินที่มีแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบคู่
  • ที่เปิดตัวครั้งแรกมีปริมาณความจุถึง 2993 CC ความกว้างกระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตรช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตรอัตราส่วนกำลังอัดจุด 3 ต่อหนึ่งเทอร์โบ 2 ตัวเป็นเทอร์โบแบบ Mono scroll อีกเทอร์โบตัวหนึ่งจะรับไอเสียจากลูกสูบที่ 1 ถึง 3 และเทอร์โบตัวที่ 2 รับไอเสียจากสูบที่ 4 ถึง 6 
  • มีมาตรฐานและความแรงถึง 473 แรงม้าแรงบิด 406 และ 550 นิวตันเมตร
  • เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกพัฒนามาให้มีแรงสูงสุดถึง 503 แรงม้ามาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดนับว่ามีความเบากว่าเกียร์ธรรมดา 8 สปีดพร้อมกับเกียร์ Manual 

ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลังมีตัวเลือกระบบการขับเคลื่อนที่เปิดตัวในช่วงฤดูร้อนของปีหน้าระบบการขับเคลื่อนก็เหมือนกับระบบอื่นๆ ของ BMW โดยการทำงานนั้นจะมีโหมดขับเคลื่อนด้านหลังจนกว่าจะมีการตรวจจับการลื่นไถลส่งกำลังไปที่ล้อหลังแต่เพียงอย่างเดียวแค่ปิดการควบคุมและการทรงตัวก็จะกลับมาขับเคลื่อนด้วยล้อหลังเหมือนกับรถยนต์รุ่นก่อนๆ

โดยธรรมชาติแล้วรถยนต์ BMW มีขุมพลังที่มากกว่าเดิมทั้ง

  • ห้องเครื่องการติดตั้งจุดค้ำยัน ทรง 3 เหลี่ยมเพื่อลดอาการโครงขณะขับขี่
  • รวมถึงระบบป้องกันการสั่นสะเทือนและการตั้งค่าลดแรงสั่นสะเทือนที่แตกต่างกันมาให้ติดตั้งพร้อมล้อฟอร์ดน้ำหนักเบาโดยรุ่นพื้นฐาน
  • มีล้อหน้า 18 นิ้วและล้อหลัง 19 นิ้วมีล้อหน้าขนาด 9 นิ้วล้อหลัง 20 นิ้วเบรกมาตรฐาน

สำหรับสองรุ่นใช้คาลิปเปอร์ M 6 พอต

  • ที่ด้านหน้าพร้อม option เบรคคาร์บอนเซรามิกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 . 75 นิ้ว
  • option เพิ่มประสิทธิภาพที่ยึดเกาะและตอบสนองได้มากถึง 10 รูปแบบควบคุมอาการลื่นไถลของยางก่อนที่ระบบควบคุมแรงบิดและระบบควบคุมเสถียรจะเข้ามาแทรกแซง

การตกแต่งภายในของรถยนต์ BMW M4 ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมไม่มีการตกแต่งด้วยลายไม้ทั้งเพราะใช้วัสดุอะลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับงานภายในเท่านั้นการแสดงผลหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจออินโฟเทสเม้นท์ 10.25 นิ้วเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกันกับเบาะนั่งแบบสปอร์ตใหม่ ล่าสุดนำเสนอกันใช้เบาะนั่งคาร์บอนไฟเบอร์ชุดใหม่ช่วยลดน้ำหนักได้ 9.5 กิโลกรัมนอกจากนี้ BMW M4 ยังมีคัตเอาท์สำหรับเข็มขัดนิรภัยแบบแข่งขัน อีกด้วย

เปรียบเทียบระหว่าง BMW M4 Vs mercedes – AMG C63

ชิงตำแหน่งราชาระหว่างรถยนต์ BMW M4 และคู่แข่งที่กินกันไม่ลงอย่าง mercedes -AMG C63

  • BMW M4 ราคาขาย 3,805,750 บาท
  • mercedes -AMG C63 ราคาขาย 4,233,000 บาท

mercedes – AMG C63

หนึ่งในรถยนต์ที่ตอบโจทย์ในด้านการขับขี่มากที่สุดสร้างความสนุกสนานในด้านการขับขี่ที่ทันสมัยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวเพราะมียอดจำหน่ายสูงสุดมากกว่าครึ่งศตวรรษ โดยมีวิศวกรที่เป็นอันดับหนึ่งในทุกๆด้านในการใช้งานได้อย่างตอบโจทย์และยังเป็นดาวเด่นในด้านสมรรถนะจึงเป็นคู่แข่งที่เหมาะสมกันกับรถยนต์ BMW M4

ทำความรู้จักสมรรถนะของรถยนต์ BMW M4 ให้มากกว่าเดิม

การควบคุมด้วยสมรรถนะสูงขับเคลื่อนด้วยล้อขุมพลังกว่า 500 แรงม้าที่ฟังดูแล้วอาจจะมองว่าเป็นเรื่องยากในด้านการออกตัวแต่แท้จริงแล้วมือใหม่ที่ได้ทดลองขับก็ต่างพูดได้ว่านี่คือรถยนต์ที่ดีที่สุดมีความสมบูรณ์พร้อมยังมีการประสานพลังต่างๆ ได้อย่างประหยัดอีกทั้งรถยนต์ จะพาคุณนั้นไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.8 วินาทีพยานด้วยความเร็วแรงในการออกตัว

มาดูฝั่ง mercedes -AMG C63

  • การควบคุมนั้นยังถูกปลดล็อคไว้ที่ 10,000 กิโลเมตรจึงจะมีการปิดระบบคอนโทรล
  • ซึ่งการหมุนด้วยล้อขวานั้นจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปและถ้าหากเราได้ลองขับขี่ดูสักครั้งก็จะสามารถเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ 9 ระดับได้อย่างนุ่มนวล
  • จึงทำให้พุ่งสู่ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลานานกว่า M4 ถึง 0.7 วินาที
  • ขณะขับเคลื่อนก็ไม่ต่างกันมากนักเป็นการเปลี่ยนเกียร์ที่ไวกว่าเดิมจึงทำให้ M4 ทำเวลาได้ไวกว่า 0.5 วินาที

แต่ในความจริงแล้วคุณอาจจะไม่รู้สึกแตกต่างกันเลยกับรถยนต์ทั้ง 2 คันนี้พร้อมด้วยเครื่องเสียงจากรถยนต์ V8 ของ mercedes -AMG C63 ในทางกลับกัน BMW M4 มีเครื่องเสียง 6 แบบที่ดูธรรมดากว่ามาก เมื่อคุณขับขี่บนท้องถนนก็จะรู้สึกต่างกันทั้งทั้งสองคันนี้และจะรู้สึกมั่นใจมากกว่ากับรถยนต์ mercedes -AMG C63 ด้วยระบบเรียวที่ยอดเยี่ยมและช่วงล่างสุดยืดหยุ่นที่ทำให้รู้สึกว่ายึดเกาะที่ควบคุมได้ภายใต้ฝ่าเท้า แม้จะมาพร้อมกับพลังงานมหาศาลคุณก็ยังรู้สึกเหมือนโดนเหวี่ยงกับเครื่องยนต์ V8 ที่ทำให้คุณนั้นรู้สึกเข้าสู่ทางตรงได้อย่างรวดเร็วทันใจ

ในทางตรงกันข้ามกับรถยนต์ BMW M4

  • ต้องใช้ระยะเวลาเล็กน้อยขณะที่เลี้ยวเพราะเบรกที่แม่นยำกว่าและแรงยึดเกาะที่มากกว่าก็จะต้องออกตัวได้สักระยะหนึ่งก่อน แต่ถ้าหากรู้สึกชิน ก็จะรู้สึกได้ถึงความสมดุลย์ในเสถียรภาพที่น่าตื่นตาแถมไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะต้องออกแรงสักเล็กน้อย
  • จึงเป็นรถยนต์ที่ไม่เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบันทั่วไป แต่เหมาะสำหรับการวิ่งแข่งบนสนามมากกว่า
  • เพราะมีระบบที่ไวและเบรคที่ตอบสนองอย่างต่อเนื่องรวดเร็วจึงทำให้คุณรู้สึกขับได้นุ่มนวลได้ ของทั้งคู่นั้นอาจมีเสียงรบกวนจากถนนแต่ถ้าหากเดินทางกับรถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้รับรองเลยว่าจะต้องติดใจอย่างแน่นอน

ทัศนวิสัยในการขับขี่กับรถยนต์ทั้งสองรุ่น

ภายนอกของรถยนต์ทั้งสองรุ่นนั้นอาจจะดูเหมือนรถยนต์คูเป้ธรรมดา หากพิจารณาจากภายในแล้วจะรู้สึกถึงความพิเศษกับรถยนต์ BMW M4 ที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมปุ่ม Start สีแดง สายเข็มขัดสีแดงเดียวกัน มาพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มด้วยคอนโซลไม้และไฮไลท์แต่งด้วยโครเมียม

BMW M4

  • สีภายในของรถยนต์มีระดับเริ่มที่สีดำดั้งเดิมบนสีครีมจนไปถึงสีฟ้าอ่อน ด้านบนสีเหลืองสด
  • เกียร์คาร์บอนไฟเบอร์ดูยอดเยี่ยมและมีสัมผัสที่กระชับมือ
  • ส่วนแรงบันดาลใจมาจากรถแข่งหุ้มด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ส่วนซัพพอร์ทสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้า

เมื่อพูดถึงคุณภาพและวัสดุของรถยนต์ mercedes -AMG C63 กลับทำให้รู้สึกมีอายุขณะขับขี่เพราะมีการใช้พลาสติกที่เกิดรอยง่าย ปุ่มหมุนเหลือโหมดการขับขี่บนพวงมาลัยที่ดูไม่แข็งแรงเป็นพลาสติกเงาๆ ราคาถูกคอนโทรลกลางตรงกลาง มีเสียงเอี๊ยดอาร์ตขณะกดปุ่มในทางกลับกันรถยนต์ BMW M4 ทำให้มีความรู้สึกถึงการผลิตที่ประณีตแผงแสดงผลประกอบที่มีความแนบสนิทกันมากกว่า มีการใช้วัสดุสัมผัสนุ่มและกดปุ่มที่ให้ความรู้สึกถึงความแม่นยำมากกว่าเดิมนอกจากนี้ขณะเหยียบแป้นเหยียบ ก็ยังทำให้รู้สึกเอียงไปทางขวามากไปบนรถยนต์ทั้งสองคันแต่ยังมีตำแหน่งคนขับที่ยอดเยี่ยมรวมถึงเบาะแบบสปอร์ตปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมส่วนรองรับต่างๆที่สามารถปรับได้โอบกอดคุณอย่างแนบแน่นขณะนั่งบนเบาะและนี่คือรถยนต์ทั้ง 2 คันที่มีลูกค้าคาดหวังมากที่สุดและเป็นรถยนต์ที่สวยงามช่วงล่างดูพอดีๆทุกๆอย่างมีการปรับระดับสูงต่ำได้

mercedes – AMG C63

  • มีปุ่มหมุนที่ดูเท่ช่วยปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่โดยที่ไม่ต้องมือออกจากพวงมาลัย
  • เบาะแนวสปอร์ตนั่งสบายแถมปรับแต่งได้หลากหลายแต่อาจจะไม่ค่อยยึดเกาะมากเท่ารถยนต์ BMW M4 มีระบบติดตั้งเป็นโลหะแวววาวเสริมยางที่จะช่วยทำให้เท้าของคุณไม่ลื่นขณะขับขี่

สรุปรถยนต์ทั้งสองคันที่จะทำให้คุณนั้นตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

รถยนต์ทั้ง 2 คันมาพร้อมกับหน้าจอและการแสดงผลแบบดิจิตอลพร้อมกับเปลี่ยนเป็นโหมดโฟกัสที่ช่วยในการขับขี่ หากพูดถึงทัศนวิสัยรถยนต์ทั้ง 2 คันก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าอาจจะถูกจำกัดด้วยขอบกระจกหลังที่หนาแต่เรื่องที่ดี ก็มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ช่วยจอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังและมาพร้อมกล้อง 360 องศาที่ติดตั้งเพิ่มในขณะที่รถยนต์ BMW M4 มาพร้อมกับระบบช่วยจอดที่คำนวณพื้นที่อย่างเหมาะสมอย่างอัตโนมัติอย่างไรก็ตาม สำหรับการเลือกใช้รถยนต์ให้ตรงใจกับผู้ขับขี่ก็จะต้องทดลองขับดูก่อน เพื่อที่จะได้รู้จังหวะในการขับขี่เลี้ยวโค้งถอยจอดก่อนการตัดสินใจซื้อทุกครั้ง

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

พบกับ BMWiX xDrive 40 Sport 2023 หรูหราเหนือระดับยิ่งกว่า Tesla 

bmw ix xDrive 40 Sport รถยนต์ไฟฟ้า โฉมใหม่ที่อัดแน่นมาพร้อมกับเทคโนโลยียนตรกรรมนำสมัย จากประเทศเยอรมนี หากคุณกำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ขอแนะนำ BMWiX xDrive 40 Sport และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม จึงทำให้มีอัตราการเร่ง ที่เหนือชั้นรูปลักษณ์สะกดทุกสายตานำสมัยห้องโดยสารสุดหรูหรา วัสดุพรีเมียมคุณภาพสูงที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคและที่นั่งกว้างขวาง ทำให้คุณนั้นสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ร่วมเดินทางข้ามประวัติศาสตร์ไปด้วยกันกับรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีแนวคิดในการขับเคลื่อนแบบใหม่ ที่ได้รับการพัฒนามาตลอดเวลาและนี่คือรถยนต์แห่งอนาคตอย่างแท้จริง

BMWiX xDrive 40 Sport กับดีไซน์ที่โฉบเชียว

นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับไฮคลาสกับผู้นำตลาดรถยนต์พรีเมียมสัญชาติเยอรมัน อันเป็นแบรนด์ที่ครองใจวัยรุ่นไทยและชาวโลกมาอย่างยาวนานได้ก้าวเข้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้าด้วยรหัส i เป็นสัญลักษณ์ของรถยนต์จากแบรนด์ BMW bmw ix คือรถยนต์ไฟฟ้าแทบจะอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างขั้นสุด ด้วยการพัฒนารถขึ้นมาใหม่ทั้งหมดเกิดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะดีไซน์ภายในถูกออกแบบด้วยความหรูทรงพลังแต่ยังคงด้วยความเรียบง่ายบึกบึน รายละเอียดต่างๆ ของตัวรถนั้นสื่อถึงความปราณีตและความหรูหราล้ำยุคประสานเทคโนโลยี Shy Tech ที่ออกแบบทุกอย่างมาให้เรียบเนียนเข้าไปกับตัวถังรถจะได้มีส่วนใดส่วนหนึ่งยื่นออกมาเหลี่ยมให้ต้านลมเล่น มือจับประตูยังถูกออกแบบให้เว้าเข้าไปในตัวถัง

  • ฝากระโปรงหน้าที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คุณเปิดเองได้แต่เรื่องเติมน้ำฉีดกระจกก็ยังทำได้แค่เพียงกด Logo
  • กระจังหน้าไตคู่ แบบปิดทึบที่มาพร้อมเทคโนโลยีฟื้นฟูตัวเองถ้าหินดินใส่กระจังหน้าตัวนี้ก็จะฟูขึ้นมาและกลับมาไร้ร่องรอยอย่างน่าอัศจรรย์ส่วนกล้องเรดาร์และ เซ็นเซอร์อื่นๆฝังอยู่ภายใต้ผิวกระจังหน้ารถ
  • ดีไซน์ไฟหน้าที่เรียบและยาวที่สุดของ BMW โดยใช้ไฟ BMW laser Light อันเป็นระบบไฟหน้ารุ่นท็อปของ BMW 
  • โครงสร้างตัวถังทำมาจากอะลูมิเนียมส่วนชุดหลังคาทำจากกระจกพาโนรามิกติดตั้งอยู่บนโครงสร้างคาร์บอนซึ่งประกอบด้วยวัสดุไฟเบอร์บริเวณด้านข้างด้านหน้าประสานการใช้วัสดุสองประเภทเข้าไว้ด้วยกันเสริมความแข็งแกร่งและทำให้น้ำหนักเบาบางลงแม้รถจะมีขนาดใหญ่แต่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านแค่เพียง 0.25 เท่านั้น
  • bmw ix xDrive 40 Sport ใช้ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้วพร้อมชุดช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าแบบเต็มระบบที่สามารถปรับระดับความสูงต่ำได้โดยอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ที่คุณใช้งาน
  • ด้านท้ายของตัวรถถูกออกแบบมาให้มีความเป็นมินิมัลด้วยไฟท้ายแบบตามยาวสไตล์ BMW X7 มาพร้อมกับประตูห้องเก็บสัมภาระระบบรอบไฟฟ้าพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุมากถึง 500 ลิตรและสามารถเพิ่มความจุได้ถึง 1750 ลิตร
  • การออกแบบภายในห้องโดยสารนั้นมีความกว้างขวางกับที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะเสริมความหรูหรามากยิ่งขึ้นคอนโซลกลางมาในดีไซน์ที่เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรูพร้อมกับระบบเปลี่ยนเกียร์ Rocker Switch
  • เติมเต็มความทันสมัยมากยิ่งขึ้นกับภายในห้องโดยสารพร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารการขับขี่ด้วยจอและมีพวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่
  • เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังด้วยระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูงที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะและระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชันสั้นตามเสียงเบสในเบาะหน้ามาพร้อมหลังคากระจกแบบพาโนราเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

bmw ix xDrive 40 Sport ที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัยเหนือกว่าทุกรุ่น

มาพร้อมเซ็นเซอร์เจนเนอเรชันใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลัง มีการใช้กล้อง 5 ตัวและเรดาร์เซ็นเซอร์อีกห้าตัวพร้อมกับอัลตราโซนิคเซ็นเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคันส่งไปประมวลผลที่ชุดคอมพิวเตอร์ของตัวรถและแสดงผลออกมาเป็นค่าความปลอดภัย ตลอดการขับขี่ทั้งระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนส์และควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop & Go พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังมีพื้นที่เหลือเฟือเบาะอยู่จากพื้นรถในระดับที่นั่งสบายแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งเบาะใกล้พื้นค่อนข้างมากทำให้นั่งไม่สบายสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พร้อมฟีเจอร์ช่วยขับและอำนวยความสะดวกบน BMWiX xDrive 40 Sport ที่คุณจะคาดไม่ถึง

BMWiX xDrive 40 Sport มาพร้อม

  • ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่นวัตกรรมหลากหลายเหนือกว่ารถยนต์ BMW ทุกรุ่น
  • พร้อมเซ็นเซอร์เจนเนอเรชันใหม่
  • กล้อง 5 ตัวเรดาร์ 5 ตัว
  • อัลตราโซนิคเซ็นเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคัน
  • ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลนส์
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติประกอบด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทางแสดงพื้นที่โดยรอบของรถที่ให้เห็นแบบสามมิติผ่านระบบ Remote 3D view
  • ระบบสั่งการด้วยอัจฉริยะ

ระบบความปลอดภัย BMWiX xDrive 40 Sport ที่ติดตั้งมาอยู่รอบรถยนต์

ระบบความปลอดภัยภายใน bmw ix xDrive 40 Sport ที่ได้ติดตั้งคำนึงถึงผู้โดยสารและผู้ที่อยู่รอบรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น

  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง
  • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก
  • ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ
  • เซ็นเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน
  • ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่
  • ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน

BMWiX xDrive 40 Sport ด้วยขุมพลังที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว

bmw ix xDrive 40 Sport มาพร้อมกับ

  • มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว
  • การขับเคลื่อน 4 ล้อทรงพลังสูงสุดถึง 240 กิโลวัตต์หรือ 326 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร
  • มอบอัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจากศูนย์ถึง 100 เพียงแค่ 6.1 วินาที
  • ส่วนแบตเตอรี่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน NMC จาก CATL ความจุ 76.6 กิโลวัตต์
  • รองรับการชาร์จ AC 3 เฟสส่วน DC รับได้สูงสุด 150 กิโลวัตต์ซึ่งใช้เวลาชาร์จจาก 10 ถึง 80% ภายใน 31 นาทีเท่านั้น
  • ขับขี่ได้สูงสุดถึง 425 กิโลเมตร

หากพูดถึงแบตเตอรี่ของรถยนต์ bmw ix xDrive 40 ได้มีการนำแบตเตอรี่จากผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับหนึ่งของโลกมีความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีสูงและมีการผลิตมากที่สุดโดยส่วนใหญ่แล้วจะใส่อยู่ในรถยนต์

  • Hyundai
  • mercedes benz
  • tesla

แบรนด์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งขณะนี้เป็นผู้นำในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรในประเทศไทยที่ได้ศึกษาการจัดเก็บแบตเตอรี่ขั้นสูง ด้วยการเก็บเซลล์แบตเตอรี่ได้โดยตรง โดยไม่ต้องทำให้เป็นโมดูลก่อน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเก็บแบตเตอรี่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ลดความซ้ำซ้อนและลดต้นทุนการผลิตทั้งสององค์กรพยามที่จะผสมผสานความรู้และศักยภาพเข้าไว้ด้วยกันในการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ในอนาคต ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 องค์กรจะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 2 เพื่อสานต่อพันธกิจในการขับเคลื่อนระบบนิเวศยนต์ไฟฟ้าให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าสอดรับกับเป้าหมายของประเทศในการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น 0 ภายในปี 2065

พบสเปค BMWiX xDrive 40

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถก็ควรเรียนเรียนรู้สเปค bmw ix xDrive 40 เสียก่อนซึ่งมีดังต่อไปนี้

  • มอเตอร์ 2 มอเตอร์ 240 กิโลวัตต์
  • พละกำลังสูงสุด 326 แรงม้า
  • แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร
  • ระยะทางขับขี่สูงสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 425 กิโลเมตร
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
  • อัตราการเร่งศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • แบตเตอรี่ ระบายความร้อนดำน้ำ
  • พลังไฟฟ้าทั้งหมด 76.6
  • แรงดันไฟฟ้า 400
  • ระยะการชาร์จ DC 34 นาที
  • ระยะการชาร์จ Ac 0-100% 3.45 ชั่วโมง
  • พวงมาลัยไฟฟ้า
  • ระบบเบรกหน้าหลังแบบดิสก์เบรก
  • ระบบการสะเทือนหน้าหลังด้วยถุงลมนิรภัย

มิติตัวรถของรถยนต์ไฟฟ้า bmw ix xDrive 40

ทำความรู้จักมิติตัวรถดังต่อไปนี้

  • ตัวรถยาว 4953 กว้าง 1967 สูง 1696
  • ระยะฐานล้อ 3000 มิลลิเมตร
  • ระยะห่างจากพื้น 202 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักลดเปล่า 2440 กิโลกรัม

พื้นที่เก็บสัมภาระของรถยนต์ BMWiX xDrive 40

พื้นที่เก็บสัมภาระ 500 ลิตร พื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะหลังทั้งหมด 1750 ลิตร

รีวิวจากผู้ใช้จริงในการทดลองขับ BMWiX xDrive 40

ในส่วนของการทดลองขับนั้นทำได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับในเมืองชานเมืองและวิ่งทางไกลเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ว่าใช้งานแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างสัมผัสแรกที่ได้จากรถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยตัวรถที่ยาวเกือบ 5 เมตรแต่มีความกว้างสบายด้วยตำแหน่งที่นั่งและการออกแบบมุมมองภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมกับการช่วยเหลือการขับขี่อีกมากมายถือว่ารถยนต์คันนี้ไม่มีความแตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปสักเท่าไหร่ ส่วนพละกำลังมีความมหาศาลอัตราการเร่งแบบดุดัน รถยนต์คันนี้มอบความมั่นคงและซับแรงกระแทกขณะเข้าโค้งได้อย่างคมกริบนี่คือรถยนต์ที่ถือว่ามีการขับขี่อย่างชาญฉลาดเพราะสามารถช่วยเหลือการขับขี่ โดยส่วนใหญ่ทั้งทางตรงและทางเข้าโค้งทำงานได้เป็นอย่างดีเพียงพอสำหรับการที่คุณนั้นจะละสายตาออกจากท้องถนนได้ชั่วขณะและรถยนต์ bmw ix xDrive 40 จะขับแทนคุณได้อย่างสบายใจส่วนอัตราการสิ้นเปลืองของรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ ค่อนข้างประหยัดและอยู่ที่ 18 ต่อ 20 กิโลวัตต์ต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้นค่อนข้างประหยัดไฟฟ้าและที่สำคัญถือว่ามีความใกล้เคียงกับรถยนต์ Volvo Xc40

ราคาเจ้า BMWiX xDrive 40 ในการเปิดตัว 

ราคาในการเปิดตัวจะอยู่ที่ 5,299,000 บาทรวมภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อม package บำรุงรักษามีสีให้เลือกได้แก่

  • สีแดง
  • สีดำ
  • สีขาว
  • สีเทา
  • น้ำเงิน
  • ฟ้า

สามารถจับจองได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BMW ทั่วประเทศ

สรุป ที่สุดแห่งรถยนต์ไฟฟ้าที่บีเอ็มดันให้ BMWiX xDrive 40 เป็นตัวท็อปอันดับหนึ่ง

เริ่มต้นด้วยรถยนต์สุดหรู bmw ix ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้แก่คุณพัฒนาและต่อยอดความสำเร็จด้วยดีไซน์ล้ำนำสมัย โดดเด่นด้วยสัดส่วนภายในตัวรถแบบฉบับของ BMW ยกระดับความหรูหราขึ้นไปอีกขั้น พร้อมกับเอกลักษณ์อันโดดเด่น ประตูแบบไร้ครอบและคอนทัวร์ ซุ้มล้อเต็มเปี่ยมไปด้วยความโมเดิร์น แฝงไปด้วยความมั่นใจอย่างชัดเจน ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อตลอดเวลาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ที่คุณนั้นก็สามารถเป็นเจ้าของได้แล้วในวันนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความแตกต่างไม่อยากขับรถไฟฟ้ากับใครบนท้องถนนและที่สำคัญหากใครชื่นชอบกับแบรนด์ BMW มาอย่างเนิ่นนานนี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่ตั้งใจผลิตคิดขึ้นอย่างประณีตทุกขั้นตอน หากคุณได้ทดลองขับก็จะต้องติดใจเพราะผู้คนก็มักจะจ้องมองอย่างแน่นอน

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

BMW i5 คัมแบคครั้งแรกในการเปิดตัวรถไฟฟ้าซีดานที่ทันสมัยมากที่สุด

BMW i5 กลับครั้งแรกในการเปิดตัวรถไฟฟ้าซีดานที่ทันสมัยมากที่สุด

หากใครกำลังรอคอยให้รถยนต์สุดหรูอย่าง BMW มีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาก็ไม่ต้องรออีกต่อไปเพราะได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกลับรถยนต์ไฟฟ้า BMW i5 ที่มีสมรรถนะเหนือชั้นพร้อมกับสองรุ่น eDrive40 m Sport / M 60 xDrive ที่มีความหรูหรา ชาร์จง่ายสะดวกทุกที่ทุกเวลา รวมถึงการออกแบบภายนอกรูปโฉมที่มีความโดดเด่นกระจังหน้าสวยสง่างามแม้อยู่ในที่มืดพร้อมมอบประสบการณ์การสว่างไสวตั้งแต่การก้าวขาขึ้นรถไฟส่องพื้นแบบไดนามิคส์ที่ส่องสว่างบริเวณประตูรถขณะก้าวขึ้นและก้าวลงเพื่อความปลอดภัยต้อนรับความสวยงามที่ทุกสายตาโปร่งสบายเสมือนรถเปิดประทุนกับหลังคากระจกพาโนราม่าภายในห้องโดยสารที่มีความโอ่โถงมากยิ่งขึ้นเป็นห้องโดยสารที่ให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศในทุกที่นั่ง

พบกับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ BMW i5 ที่ใครๆ ก็หลงใหล

รถยนต์ไฟฟ้าซีดานสุดหรูกับบีเอ็มที่ได้เปิดตัวรุ่นใหม่กับสุดยอดนวัตกรรมไฟฟ้าดับเบิลยู i4 ที่มีการ ทดสอบสมรรถนะครั้งแรกที่สนามแข่งรถปทุมธานีเพื่อให้สื่อมวลชนได้รับรู้ถึงเทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟอย่างเต็มรูปแบบพร้อมได้ทดลองระบบช่วยเหลือต่างๆขณะที่ขับมีความล้ำนำสมัยประกอบกับเทคนิคการขับแบบสราญรมย์ช่วยควบคุมขณะเข้าโค้งและควบคุมเสถียรภาพทางการขับขี่ได้เป็นอย่างดีพร้อมกับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้งเพื่อให้สื่อมวลชนได้รับชมกันอย่างเต็มที่ ดีไซน์และรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นเสมือนจุดขายของรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่ฉลาดล้ำนำสมัยในทุกๆอย่างช่วยให้การขับขี่ของคุณเป็นไปอย่างเพลิดเพลินอีกทั้งยังสามารถเริ่มต้นเป็นเจ้าของได้ด้วยการผ่อนแค่เพียง 41,599 บาทต่อเดือนเท่านั้นและสามารถขับทางไกลได้สูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียง 30 นาทีเท่านั้น

BMW i5 eDrive40 M Sport 

ราคาจำหน่าย BMW i5 4,999,000 บาทพร้อม package บำรุงรักษานานสี่ปีไม่จำกัดระยะทาง

BMW i5 M60 xDrive

ราคาจำหน่าย BMW i5 5,599,000 บาทพร้อม package บำรุงรักษานานสี่ปีไม่จำกัดระยะทาง

BMW i5 M60xDrive

รถซีดานหรูในตำนานจากตระกูลซีรี่ย์ห้าเดินหน้าสู่นวัตกรรมไฟฟ้าที่มีความชาญฉลาดลงตัวผสมผสานสมรรถนะสูตรสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกันเป็นรถยนต์ผู้บริหารที่ออกแบบส่วนหน้ารถที่ยังคงเป็นกระจังหน้าทรงไต กู้อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มด้วยรูปแบบที่มีความโดดเด่นล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อนตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW iconic Glow บริเวณไฟหน้าทั้งสองดวงมีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทางไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในยามค่ำคืนส่วนด้านข้างรถดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่นเสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำมือจับประตูที่เรียบสนิทกับพื้นผิวของประตูรถพร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนราม่าขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยดีไซน์ไฟท้ายเรียบหรู

BMW i5 กลับดีไซน์การตกแต่งแบบสปอร์ตและเรียบหรูมีระดับ

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคันไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังสีเดียวกับบอดี้และสปอยเลอร์สีดำเงาสำหรับ BMW i5 m60 มีสีให้เลือกสีน้ำเงินสีแดงในชุดเบรคคาลิเปอร์และพิเศษสำหรับชุดแต่งไฟหน้าส่วนล้อแม็กสองขนาดสองสไตล์ขนาด 21 นิ้วสีดำและขนาด 20 นิ้วสีเทาเข้มแบบสลับสี

ในด้านสมรรถนะตัวท็อปอย่าง BMW i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าสี่ล้อมีชุดมอเตอร์ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์หรือ 601 แรงม้าและแรงบิด 795 นิวตันเมตรหรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตรทำให้ขณะขับขี่รู้สึกเร็วและแรงพิกัดด้วยอัตราเร่งศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาทีและความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยพลังชาร์จจากชุดแบตเตอรี่ แรงดันสูงที่ติดตั้งอยู่ในตัวถังรถความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงซึ่งทำให้มีการขับขี่ได้ถึง 516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC

BMW i5 eDrive40 M Sport

ส่วนรุ่น BMW i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อยด้วยตัวมอเตอร์ไฟฟ้าระบบขับเคลื่อนล้อหลังให้พละกำลังถึง 250 กิโลวัตต์ต่อ 340 แรงม้าพร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตรและสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบสปอร์ต และแผ่นแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกันกับ BMW m60 พร้อมอัตราการเร่งศูนย์ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาทีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497 ถึง 582 กิโลเมตรมาตรฐานกิโลวัตต์ตามมาตรฐาน NEDC 

BMW i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าแบบที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุดด้วยหัวชาร์จแบบกระแสไฟฟ้าสลับ Ac กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์และการชาร์จแบตไฟฟ้ากระแสตรง DC ช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่จาก 10 ถึง 80% ภายใน 30 นาทียานยนต์ของ BMW i5 พลังงานพลังงานไฟฟ้ายังคงรักษาสมดุลย์ระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้เช่นเดียวกันด้วยความกว้างของตัวรถที่มีมากขึ้นและการกระจายน้ำหนักหน้าหลังที่แทบจะสมบูรณ์อัตราส่วน 50 : 50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วนช่วงล่างทั้งสองรุ่นก็มาพร้อมกับระบบควบคุมไฟฟ้าพร้อมกล้องปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง

ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้ชัดภายในห้องโดยสารด้วยพวงมาลัยที่ทำมาจากคริสตัลและเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมปรับด้วยระบบไฟฟ้าขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสารม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลังและชุดอุปกรณ์ที่เสริมความหรูหราและสะดวกสบายในทุกการเดินทางโดยห้องโดยสารใน BMW i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสีที่ประดับด้วยขอบอะลูมิเนียมในขณะที่ BMW i5 M60 จะมาพร้อมกับสีเงินทั้งคนขับผู้โดยสารด้านหน้าและผู้โดยสารที่เบาะหนังทั้งสองด้านยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบด้วยระบบการปรับอุณหภูมิความแรงลมและการระบายระบายอากาศแบบแยกโซนรวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติห้าระดับในเซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลังและระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่พร้อมอากาศบริสุทธิ์ตลอดการเดินทาง

สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้ายังคงมุ่งเน้นไปด้วยความสบายและความมั่นใจของผู้ขับขี่ด้วยระบบจอโค้งที่แบ่งออกด้วยจอขนาด 12.3 นิ้วและจอแสระบบควบคุมขนาดขนาด 14.9 นิ้วในระบบปฏิบัติการที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆผ่านไอคอนที่เรียงมาเป็นรูปแบบแถวแนวตั้งช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้งานฟีเจอร์นั้นๆ นอกจากนี้หน้าจอแสดงผลแบบโค้งยังทำงานควบคู่ไปกับ BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล

อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ของห้องโดยสารที่มีการประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตูสามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านจอสัมผัสทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึงหกแบบตามรสนิยมเจ้าของ

นอกเหนือไปจากการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งเป็นอย่างดีแล้วที่สุดแห่งความสะดวกสบายด้านการใช้งานของ BMW i5 ยังมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลกซึ่งเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกบน BMW i5 เพื่อมอบสุนทรียแห่งการขับขี่ด้วยการมีลำโพง 17 ตัวมีกำลังขับถึง 655 วัตต์ตัวปรับรูปแบบเสียงถึงเจ็ดแบนมอบเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถทำให้สามารถมอบขุมพลังและความยืดหยุ่นทางเสียงให้คุณได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามส่งมอบความบันเทิงได้อย่างเต็มที่โดยการใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอม digital มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ปรับแต่งเสียงได้ตามความต้องการ สนุกไปอีกขั้นกับการเข้าถึงคอนเทนท์ดิจิตอลได้หลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิงรวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวโดยหนึ่งในไฮไลท์นั่นก็คือแพลตฟอร์มที่ทำให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานขณะที่พาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงในขณะที่จอดชาร์จ ในขณะที่ขับขี่บนท้องถนน BMW ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลนส์ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันที่ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การทดสอบก่อนขายจริงในรุ่น BMW i5 eDrive40 M Sport / M60 xDrive

ได้มีการทดสอบณสนามสปีดในจังหวัดปทุมธานีเป็นสนามเล็กๆเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของตัวรถซึ่งทั้งสองตัวมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน BMW i5 eDrive40 M Sport เป็นมอเตอร์เดี่ยวแรงม้ามีพอประมาณภายนอกที่หลายคนอาจชื่นชอบแต่บางคนก็รู้สึกว่ายังไม่โดนสักเท่าไหร่แต่สำหรับทีมงานต่างๆบอกได้เลยว่านี่คือรถไฟฟ้าล้ำนำสมัยในอนาคตที่แตกต่างจากเดิมอย่างชัดเจนภายในห้องโดยสารก็เป็นรถไฟฟ้ายุคใหม่เช่นเดียวกันมีความล้ำสมัยประกอบกับระบบปฏิบัติการ ที่ใช้งานได้มากยิ่งขึ้นสะดวกสบายเป็นการขับขี่เริ่มต้น BMW i5 eDrive40 M Sport ออกตัวได้ง่ายเข้าโค้งต่างๆตอบสนองได้เป็นอย่างดีโดดเด่นและเข้าโค้งด้วยจุดถ่วงต่ำทำให้การขับขี่ในแต่ละโค้งนั้นครอบคลุมส่วนในรุ่น M60 เป็นการแตกต่างกันเล็กน้อยนี่คือรถที่มีความเป็นสปอร์ตแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะก็อาจจะมีการเหวี่ยงและการกดคันเร่งออกจากโค้งทุกอย่างตอบสนองอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้องคอยระวังในการขับขี่

ข้อดีของ BMW ทั้ง 2 รุ่น

  • สมรรถนะเป็นเลิศช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ
  • ดีไซน์สปอร์ตหรูหราออกแบบให้ด้านหน้ากว้างแนวหลังคาลาดเอียง โฉบเฉี่ยวตกแต่งภายในและภายนอกพรีเมียมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น
  • เทคโนโลยีที่ทันสมัยครบครันและสามารถสั่งการด้วยเสียงหรือด้วยมือแถมมีจอที่สามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

ข้อเสีย BMW ทั้ง 2 รุ่น

  • ไม่เหมาะสำหรับการขับขี่ในประเทศไทยเพราะเน้นการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและถูกออกแบบมาให้มีช่วงล่างต่ำการขับขี่ถนนในเมืองอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
  • รถยนต์และอะไหล่เครื่องยนต์ราคาสูงเพราะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีค่าดูแลและบำรุงรักษาเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไปแล้วหากหมดประกันสี่ปีอะไหล่บางตัวต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

สรุป นิยามแห่งรถยนต์ไฟฟ้าซีดานที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด

เรียกว่าเป็นรถยนต์สมรรถนะแท้ๆ ที่ออกตัวแรงเป็นอย่างมากทั้งดีไซน์รูปลักษณ์การขับขี่สุดโฉบเชียวให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของได้แล้วในวันนี้กับราคา 4,999,000 บาทในรุ่น BMW i5 eDrive40 M Sport และตัวท็อป 5,599,000 บาทพร้อม package การบำรุงรักษาทั้งสี่ปีในสองรุ่นความคุ้มค่าที่ไม่ได้แค่เพียงตัวรถเท่านั้นแต่การบำรุงรักษาก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน เป็นรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบทำให้คุณเพลิดเพลินได้อย่างไร้กังวลเพราะมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่จะทำให้คุณนั้นขับขี่ได้ทุกวัน เป็นทุกอย่างให้คุณแล้วกลับรถยนต์ซีดานตัวแรงมาใหม่พอมีระบบ ai ที่นำข้อมูลและการตรวจสอบการคาดเดาให้กับลูกค้าเพื่อ ยกระดับการดูแลและการให้บริการอย่างดีที่สุดขณะขับขี่

แนะนำวิธีเลือก ทะเบียนรถมงคล ด้วยตัวเอง เสริมดวงปัง ดึงดูดแต่พลังงานดี ๆ

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ทำความรู้จักกับรถยนต์ New MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง ที่สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าสนใจ

ทำความรู้จักกับรถยนต์ New MG MAXUS 9 ไฟฟ้า 7 ที่นั่งที่สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าสนใจ

เปิดตัวกันไปแล้วกับรถตู้ที่เป็นสุดยอดรถไฟฟ้าที่หลายๆ คนกำลังรอคอยกันอยู่ก็ว่าได้เพราะเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริงโดยส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้ toyota Alphard การเป็นรถตู้ที่ใช้สำหรับครอบครัวกันอยู่แล้ว แต่ถ้าหากได้รู้จักกับ MG MAXUS 9 ที่เปิดตัวมาด้วยราคา 2,499,000 บาทก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและในรุ่น V ราคาอยู่ที่ 2,699,000 บาทยอดจองถึงหลักพันคันแล้วในตอนนี้และมีการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าอยู่ หลังจากตัดสินใจจองก็รอระยะเวลาประมาณ 2 เดือนก็จะได้รับรถยนต์ MG MAXUS 9 ตามที่รอคอย

รู้จักกันกับ รถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9 กับขุมพลังที่น่าเหลือเชื่อ

MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้ามอเตอร์ 245 แรงม้าด้วยแบตเตอรี่ความจุถึง 90 กิโลวัตต์มาพร้อมกับระบบระบายความร้อนให้พละกำลังสูงสุดถึง 180 กิโลวัตต์หรือ 245 แรงม้าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 350 นิวตันเมตรแบตเตอรี่และการจัดจัดวางขนาดความจุ 90 กิโลวัตต์สามารถวิ่งในระยะสูงสุด 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบสองแบบทั้ง normal Charge และ quick Charge จนทำให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายทั่วประเทศ ด้วยพลังของรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมสถานีชาร์จทั่วประเทศโดยการชาร์จไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็จะได้อยู่ที่ 30% ถึง 80% ความเร็วสูงสุด 120 กิโลวัตต์และการชาร์จแบบธรรมดาชาร์จไฟจาก 5% ถึง 100% จะใช้เวลาประมาณอยู่ที่ 8 ชั่วโมง 30 นาทีรองรับการชาร์จสูงสุดอยู่ที่ 11 กิโลวัตต์ทั้งนี้ระยะเวลาในการชาร์จขึ้น แบตเตอรี่คงเหลือและกำลังประจุของไฟฟ้า

  • แบตเตอรี่มีมาตรฐานความปลอดภัยและป้องกันน้ำและป้องกันฝุ่น
  • ระบบพวงมาลัยควบคุมด้วยไฟฟ้า
  • ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
  • ระบบช่วงด้านหน้าแบบอิสระระบบช่วงด้านล่างแบบอิสระมัลติลิ้งค์

การทดสอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า

MG MAXUS 9 เป็นรถยนต์ที่หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างแล้วตัวรถนั้นดูไม่ใหญ่จนเกินไปสำหรับการถอยเข้า ถอยออกภายในบริเวณบ้านมีความสูงจากพื้นไม่มากจากบันไดเป็นส่วนสำคัญถ้าหากมีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็กที่ต้องการใช้รถตู้จะขึ้นลงง่าย Toyota Alphard แน่นอนเพราะมีติดตัวถังยาว 5270 กว้าง 2000 สูง 1840 ระยะยาวฐานล 3200 มิลลิเมตรระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตรการออกเดินทางจากกรุงเทพเดินทางทั้งหมด 6 คนมีน้ำหนักรถยนต์ประมาณ 2.9 ตันเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบที่ใช้น้ำหนักจริงตำแหน่งผู้ขับมองได้อย่างสบายตาด้วยกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนทำให้ไอร้อนจากแดดเข้ามาเยอะพอสมควร แต่เมื่อติดฟิล์มแล้วก็สามารถวิ่งในเมืองได้อย่างคล่องตัวแบบไม่น่าเชื่อ เพราะมุมมองในการนั่งทำให้เรารู้สึกไม่อึดอัดอัตราการเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้ากดคันเร่งรถออกแบบทันใจ ไม่ต้องรอนานแถมยังเป็นรถยนต์ที่มีแรงม้าสูงทำให้เปลี่ยนเลนส์ในเมืองได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องลุ้นมีระบบช่วยเหลือในการขับขี่อีกเพียบถ้าหากขึ้นทางด่วนเรื่องความแรงนั้นไม่ต้องสงสัยเลยเพราะมาพร้อมกับความแรง 245 แรงม้าและแรงบิด 350 นิวตันเมตรพาตัวรถหนักเกือบ 3 ตันวิ่งแซงแรงสบายขณะ ที่ทุกคนนั่งกันได้อย่างสบายๆ ไม่มีแรงกระแทกใดๆ ทั้งสิ้นแถมยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีความเงียบทำให้คุณลืมความเร็วทำความเร็วได้เป็นอย่างดี ภายในออกแบบมาอย่างนุ่มนวลมีความนิ่งเป็นอย่างมากและการขับขี่ที่ทำให้คุณนั้นสามารถนั่งรถทางไกลได้อย่างสบายๆ โดยที่ไม่รู้สึกเวียนหัวและสำหรับผู้ที่นั่ง แถวเบาะ Vip ข้างหลังคนขับบอกได้เลยว่าเป็นเบาะที่สบายที่สุดสำหรับการเดินทางเพราะมีระบบนวดหลัง และสำหรับการนอนสำหรับการเดินทางไกลที่เอามาคำนวณดูแล้วถือได้ว่าการเดินทางแบบเรื่อยๆ ที่รู้สึกไม่เหนื่อยเลย

พื้นที่ห้องโดยสารมีการตกแต่งได้อย่างหรูหราและมีฟังก์ชันดังต่อไปนี้

MG MAXUS 9 ภายในห้องโดยสารจะมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างมากมายสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้าเบาะนั่งแถวที่สองพร้อมกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เชื่อมต่อทุกรูปแบบ

  • ดีไซน์คอนโทรลหน้าพร้อมที่วางแก้วและรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
  • เบาะหนังหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารและไฟห้องโดยสารถึง 64 สี
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางและนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าสี่ทิศทาง
  • เบาะนั่งแถวที่สองพร้อมระบบจดจำการนั่งมีระบบนวดเบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอทัชสกรีนพร้อมช่องวางโทรศัพท์โต๊ะพับและที่วางแก้ว
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังสี่ทิศทางควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับวางโทรศัพท์
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล 7 นิ้วและหน้าจอสี่ระบบสัมผัส 12.33 นิ้วพร้อมกับลำโพง 12 ชุด
  • มีระบบเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและพร้อมเชื่อมต่อ USB 9 จุด
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple CarPlay แบบมัลติมีเดียและระบบสมาร์ทโฟนในระบบแอนดรอยด์
  • กระจกมองหลังผ่านกล้อง
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติและบริเวณด้านหน้าและด้านหลังพร้อมระบบกรองอากาศพีเอ็ม 2.5
  • ระบบกุญแจนิรภัยพร้อม Push Start

New MG MAXUS 9 มาพร้อมกับโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยแบบรอบคันมีมาตรฐานและยังมีระบบอื่นๆดังต่อไปนี้

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า
  • ระบบป้องกันการไหลของรถยนต์โดยไม่ต้องเหยียบเบรคค้าง
  • ระบบป้องกันล้อล็อกพร้อมระบบกระจายแรงเบค
  • ระบบเสริมแรงเบรคด้วยอิเล็กทรอนิกส์
  • ระบบควบคุมการทรงตัว
  • ระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้ง
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน
  • ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน
  • ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่และระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้าด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย
  • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบสามมิติ
  • สัญญาณเตือนระยะเดินทางและถอยหลัง
MAXUS 9 official price

รีวิวการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9

MG MAXUS 9 ดีกว่าที่คุณคาดคิดแต่แนะนำให้เลือกใช้งานแบบตัวท็อป MG MAXUS 9 รถตู้ไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์มีให้เลือกสองรุ่นเริ่มต้นจะเริ่มที่ 2,499,000 บาทและรุ่นท็อปอยู่ที่ 2,699,000 บาท

ราคาทั้ง 2 รุ่นนี้ก็มีฟังก์ชันที่แตกต่างกันทดลองนั่งด้านหลังกันก่อนโดยพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือให้สบายมากๆ ใครที่กำลังรอรถตู้ไฟฟ้าแบบ 100% ถือว่าคันนี้ตอบโจทย์ให้ความรู้สึกเป็นเหมือนรถตู้ ผู้บริหารและรถครอบครัวพร้อมกับลูกเล่นต่างๆ เป็นแบบหน้าจอทัชสกรีนสามารถปรับเบาะได้หลายรูปแบบปรับเอนเบาะแบบทั่วไปนอกจากนี้นั้นยังควบคุมซันรูฟแอร์ได้อีกด้วย และดึงอุปกรณ์เสริมมาเป็นที่วางของให้ฟิลผู้บริหารที่อยากทำงานหรือทานข้าวในรถยนต์ MG MAXUS 9 คันนี้ก็สามารถทำได้ไเลยทันทีเบาะแถว 3 นั่งได้สบายกว้างขวางสามคนแต่ถ้าหากตัวไม่เล็ก 2 คนก็กำลังดีเป็นรถยนต์ที่ปรับเบาะมาเพื่อให้มีความสะดวกสบายและมีฟิลการขับขี่ในรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มต้นความเร็วจาก 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำความเร็วได้เป็นอย่างดีเป็นจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าในการขับขี่ให้ความรู้สึกว่าเป็นรถยนต์ที่มีความหน่วงพอสมควร สำหรับการขับในเมืองแต่ถ้าหากขับบนทางด่วนหรือ ต่างจังหวัดก็จะทำความเร็วได้เป็นอย่างดีรวมถึงโหมดอื่นๆ ก็ยังมีมาหลากหลายทั้งพวงมาลัยมือขับแบบสบายตอบโจทย์การขับขี่แบบกระชับนอกจากนี้ยังล็อคมือทีเดียว เพราะสามารถปรับขึ้นลงได้แต่ไม่ใช่ปรับแบบระบบไฟฟ้ากระจกมองหลัง ที่ไม่สามารถมองผ่านเบาะแถว 2 แถว 3 ซึ่งเป็นการตั้งค่าเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารด้านหลังออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ในสไตล์รถผู้บริหาร ซึ่งไม่สามารถปรับให้มองจากด้านในรถได้เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้ทดลองขับก่อน จึงจะตัดสินใจซื้อเพราะถ้าหากใครไม่มั่นใจในกระจกมองหลังก็จะค่อนข้างซีเรียสกับรถยนต์คันนี้กล้องมองหลัง 360 องศามีภาพชัดและมีไฟเตือนที่ด้านในกระจกมองข้างรถคันนี้มีเกียร์ที่อยู่พวงมาลัยด้านขวาพร้อมกับหน้าจอเอนเตอร์เทนเม้นท์ที่จะควบคุมระบบต่างๆ ตั้งแต่การสตาร์ทเครื่องแทนการใช้ปุ่มสตาร์ทคือเวลาเปิดประตูหรือว่าจอดหรือเปิดปิดประตูรถจะดับให้อัตโนมัติ รวมถึงควบคุมระบบความปลอดภัย ยกเว้นการควบคุมระบบแอร์ที่ ควบคุมผ่านแผงด้านล่างจอนี้เชื่อมต่อกับ Apple CarPlay มีหน้าจอของแอพพลิเคชั่นที่โดดเด่นสวยงาม เปรียบเทียบกับหน้าจอคนขับแล้วสิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือคอนโซลหน้าที่มีความนุ่มมาก ถ้าหากมีเด็กอยู่ด้านหน้ารถเราก็จะรู้สึกมั่นใจขณะเบรก พร้อมกับมีแท่นชาร์จไร้สาย ที่มีที่วางแก้วทั้งสองช่องได้ที่วางแขวนขนาดใหญ่ออกแบบได้ดีกว้างขวางไม่บีบช่วงขาของคนขับทำให้ขับได้ง่าย

MG MAXUS 9 ให้ความรู้สึกขณะคลับนั้นจะมีเสียงลมเข้าห้องโดยสารเมื่อความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปแต่ถ้าหากต่ำกว่านี้ก็จะมีเสียงลมเข้ามารบกวนถือว่าอยู่ในมาตรฐานห้องโดยสารเงียบเก็บเสียงได้ดีแต่ถ้าเป็นเสียงรถบรรทุกเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเสียงมอเตอร์ไซค์แน่นอนว่าเสียงนี้ก็เข้าอยู่แล้วความเร็วอยู่ ที่ 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคันนี้ความเร็วได้ที่ 8. 9 วินาทีและท็อปสปีดสูงสุดอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนระยะการเดินทางเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่สามารถเดินทางได้ 540 กิโลเมตรต่อ หนึ่งการชาร์จแต่ก่อนออกเดินทางการขับขี่ตัวเลขก็จะแสดงอยู่ที่ 426 กิโลเมตรแต่ถ้าหากขับไปถึงสระบุรีแล้วก็เหลือ 110 กิโลเมตรแต่ระยะทางที่แสดงหน้าจอจะเหลือ 288 กิโลเมตรเป็นการคำนวณระยะทางที่แตกต่างกันถึง 30 กิโลเมตรอาจจะต้องเฉลี่ยในการขับขี่แต่ละครั้ง

ข้อสรุปกับรถยนต์ไฟฟ้า New MG MAXUS 9 ที่จะกลายเป็นรถยนต์ของคนรุ่นใหม่ในอนาคต

สรุปว่า MG MAXUS 9 เป็นรถยนต์ที่มีความทันสมัยและค่อนข้างตอบโจทย์ในด้านการใช้งานของครอบครัวแต่แนะนำให้เลือกเป็นรุ่นท็อปจะดีกว่าและที่สำคัญเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่มีแค่ 2 เจ้าในตลาดจีนเท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง ระหว่าง BYD กับ MG และยังไม่มีการส่งมอบรถแต่อย่างใดแต่หลังจากการทดสอบ MG MAXUS 9 แล้วก็จะให้ความรู้สึกและตอบสนองผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีแน่นอนเพราะความคล่องตัวสะดวกสบายและฟังก์ชันที่ขับขี่ง่ายหากคุณแม่หรือครอบครัวใดที่กำลังหารถยนต์ไปรับส่งลูกไปโรงเรียนบอกได้เลยว่าคันนี้ ตอบโจทย์อย่างแน่นอนหรือจะเป็นเดินทางไกลไปเขาใหญ่ก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

แนะนำ รถฮาเล่ 5 รุ่นยอดนิยม สเปคระดับตัวท็อป เหมาะกับสายเดินทางระยะไกล

นอกจากรถยนต์แล้ว มอเตอร์ไซค์ก็ถือเป็นรถอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมและมีหลากหลายแบบให้เลือกใช้งาน สำหรับสายเท่ สายแต่งรถสไตล์อเมริกัน น่าจะรู้จักฮาร์ลีย์ หรือ รถฮาเล่ กันเป็นอย่างดี โดยรถประเภทนี้จัดเป็นรถทรงครูสเซอร์ (Cruiser) ผลิตจากบริษัท Harley-Davidson ซึ่งได้รับความนิยมมากในอเมริกา รวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีกลุ่มคนชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์เดียวกัน ดีไซน์ตัวรถถือว่าเท่และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก หลาย ๆ รุ่นจะมีความคลาสสิคอยู่ในตัว เหมาะกับการเดินทางในระยะไกล บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 5 รถฮาร์ลีย์รุ่นยอดนิยม จะมีรุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย

5 อันดับ รถฮาเล่ รุ่นยอดฮิต ติดทุกกระแส ตัวดังในระดับตำนานที่มิอาจลืม

หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า Harley Davidson รุ่นนิยม นั้นมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ทรง Cruiser-Chopper ที่ถูกผลิตจากบริษัทผลิตรถจักรยานยนต์โดยตรง ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ที่ ไบค์เกอร์ นำมาแต่งเองทั้งหมด จุดเด่นของรถ ฮาเล่ ก็คือ ความเร็ว สามารถเดินทางไกลได้ดี แถมยังมีเบาะนั่งที่ช่วยให้คนขับผ่อนคลายได้ด้วย โดยจะมีท่านั่งที่เหมาะสม ทำให้ขับได้แบบสบาย ๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์สไตล์นี้ รถฮาเล่ ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ มาดูกันว่า 5 ตัวท็อป มีรุ่นไหนบ้าง และแต่ละรุ่นมี ราคา จำหน่ายอยู่ที่เท่าไหร่

Harley

1. Harley-Davidson Touring Road King Special (ราคาเริ่มต้น 1,328,000 บาท)

หากพูดถึง Harley Davidson รุ่นนิยม จะขาดรุ่นนี้ไปไม่ได้เลย เรียกว่าเป็นรถสไตล์ครูสเซอร์-ชอปเปอร์ ทรง Touring ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ไฟหน้าเป็นแบบ LED ลักษณะกลมโตชัดเจน เบาะนั่งโค้งเว้า ส่วนแฮนด์จะเป็นแบบ Mini Ape ขับขี่และควบคุมรถได้ง่าย ส่วนท้ายรถจะมีกระเป๋าข้างแบบ Stretched ทรงคลาสสิค ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อารมณ์เหมือน รถสปอร์ต ไบค์สมัยก่อน นับเป็น ฮาเล่ ราคา หลักล้านที่ใครหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 V Twin พร้อมเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,868 cc แรงบิด สูงสุดอยู่ที่ 163 นิวตันเมตร

2. Harley-Davidson Softail Fat Boy 114 (ราคาเริ่มต้น 1,109,500 บาท)

อีกหนึ่ง Harley Davidson ที่ได้รับความนิยมและถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเป็นมอเตอร์ไซค์ ตัวท็อป ของแบรนด์ที่กระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยรุ่นนี้จะโชว์ให้เห็นถึงความเป็นคัสตอมที่มีขนาดใหญ่ชัดเจน แต่ทว่าน้ำหนักเบากว่า ฮาเล่ รุ่นก่อนหน้านี้ รูปทรงรถดูแบบเรียบ ๆ สไตล์คลาสสิค มีไฟหน้า LED ทรงกลม ส่วนแฮนด์จะไม่ได้ยื่นออกเหมือนกับรุ่นอื่น ๆ และเบาะนั่งอยู่ในระดับที่กำลังเหมาะสม ไม่สูงและต่ำจนเกินไป มาพร้อม เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ระบบเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,868 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 114 นิวตันเมตร

3. Harley-Davidson Softail Breakout 114 (ราคาเริ่มต้น 1,046,000 บาท)

นับเป็นรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน สไตล์ชอปเปอร์สมัยใหม่ที่มีดีไซน์เท่ระเบิดไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลยก็ว่าได้ เรียกว่าเป็น สปอร์ตไบค์ ที่มีความสมาร์ทอยู่ในตัวสูงทีเดียว น้ำหนักรวมจะอยู่ที่ 294 กิโลกรัม มาพร้อมไฟหน้าทรงกลมแบบ LED เช่นเคย ตัวถังมีความนูนขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนแฮนด์จะมีลักษณะเหมือนมอเตอร์ไซค์ทั่วไป และเบาะนั่งโค้งเล็กน้อย ถือเป็น ฮาเล่ ราคา หลักล้านที่มีดีไซน์คลาสสิค ไม่ดูเยอะจนเกินไป เหมาะกับการเดินทางไกลที่ต้องการความกระฉับกระเฉง และด้วย ราคา ที่ไม่ใช่น้อย ๆ รถรุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 114 ระบบเกียร์ 6 สปีด เบนซิน 1,745 cc แรงบิด สูงสุด 144 นิวตันเมตร

4. Harley-Davidson Sportster Forty-Eight (ราคาเริ่มต้น 636,500 บาท)

อีกหนึ่ง Harley Davidson รุ่นนิยม ที่มีสเปคน่าสนใจไม่ใช่น้อย โดยรุ่นนี้จะมีดีไซน์ทรงสปอร์ต รูปทรงโฉบเฉี่ยว มองดูภาพรวมแล้วจะรู้สึกได้ว่าตัวรถเป็นทรงอ้วน แต่ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบโก้ ไม่เน้นองค์ประกอบมากเกินไป มาพร้อมไฟหน้ากลมเดี่ยวแบบ LED และล้อหน้าหนาใหญ่ดูโดดเด่น ส่วนแฮนด์จะไม่ได้ยื่นออกเหมือนรุ่นอื่น ๆ ถือเป็นรถ ฮาเล่ ที่ดูเท่และมีความบึกบึนพอสมควร รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Air-cooled Evolution ระบบเกียร์ 5 สปีด เบนซิน 1,202 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 96 นิวตันเมตร ถือเป็นฮาร์ลีย์รุ่นแนะนำสำหรับคนที่ต้องการ เครื่องยนต์ ขนาด 1200 cc

5. Harley-Davidson Sportster Iron 883 (ราคาเริ่มต้น 509,000 บาท)

ปิดท้ายด้วย รถสปอร์ต ไบค์สีดำสุดคูล ถือเป็นรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ที่มีดีไซน์สไตล์คลาสสิคและโมเดิร์น ผสานกันได้อย่างลงตัว โดยมีไฟหน้าทรงกลมแบบ LED พร้อมไฟเลี้ยว 2 ดวง อยู่ทางด้านซ้าย-ขวา ล้อใหญ่และหนา จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกใจเหล่า ไบค์เกอร์ ทั้งหลายมากพอสมควร เพราะนอกจากดีไซน์จะดูสปอร์ต ดุดันแล้ว ในส่วนของเบาะนั่งจะอยู่ในระดับต่ำ นั่งสบาย แถมยังมีระบบกันสะเทือนทรงกว้างอีกด้วย รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Evolution ระบบเกียร์ 5 สปีด เบนซิน 883 cc ให้ แรงบิด สูงสุด 70 นิวตันเมตร นับเป็น ฮาเล่ ราคา หลักแสนที่น่าครอบครองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

มือใหม่ควรเลือก รถฮาเล่ อย่างไรให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตัวเอง

เมื่อทราบกันแล้วว่า Harley Davidson รุ่นนิยม มีรุ่นใดบ้าง คราวนี้ขอแนะนำวิธีเลือก รถฮาเล่ ให้กับมือใหม่กันบ้าง สำหรับใครที่อยากครอบครอง สปอร์ตไบค์ ยี่ห้อนี้ ควรพิจารณาจากความชอบของตัวเองเป็นหลัก สำหรับคนที่มีส่วนสูงระดับ 160 ต้น ๆ สามารถลองแบบ Softail หรือ Dyna ก่อนก็ได้ ในความเป็นจริงแล้วการจะครอบครองรถ ฮาร์ลีย์ เดวิดสัน ได้จำเป็นต้องมีเงินมาก เพราะ ราคา ก็ใช่ย่อย แถมยังมีปัญหาจุกจิกต่าง ๆ ที่ผู้ขับต้องรับสภาพให้ได้ด้วย ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ Harley Davidson เป็นรถที่เหมาะกับคนชอบสไตล์คลาสสิคเท่ ๆ โดยเฉพาะ ทั้งนี้ยังสามารถปรับแต่งและเปลี่ยนท่อให้ เสียงดัง ขึ้นได้

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

5 ducati ราคาแพงที่สุด มีรุ่นไหนบ้าง 2024

หากพูดถึงมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์เท่ ๆ ราคาแพง ๆ เชื่อว่าหลายคนต้องนึกถึงแบรนด์ ducati เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ผลิตรถจักรยานยนต์ชื่อดังระดับโลก แถมยังมีรถหลาย ๆ รุ่นที่ติดอันดับรถมอเตอร์ไซค์ที่แพงที่สุดในโลกด้วย ด้วยขนาดของตัวรถ ดีไซน์ สมรรถนะ และองค์ประกอบอื่น ๆ จึงทำให้รถบิ๊กไบค์จากแบรนด์นี้มีราคาแพงจนหลายคนเอื้อมไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนที่ชื่นชอบรถประเภทนี้ต่างก็พยายามที่จะครอบครองให้ได้ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 อันดับ Ducati ที่แพงที่สุด ราคาหลักล้าน พร้อมสเปคโดนใจ ตอบโจทย์สายบิ๊กไบค์เป็นอย่างดี

5 อันดับ ducati ราคาแพงที่สุด มาพร้อมสเปคสุดเท่ เร้าใจ มีรุ่นใดบ้าง 2024

ดูคาติ เป็นบริษัทออกแบบและผลิตรถจักรยานยนต์จากประเทศอิตาลี ถ้าถามว่ารถมอเตอร์ไซค์ ดูคาติมีกี่รุ่น ก็ต้องบอกว่ามีอยู่หลายรุ่นและหลายประเภทด้วยกัน แต่จะมีอยู่บางรุ่นที่เป็น ตัวท็อป ในตำนาน และปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นที่พูดถึงอยู่ ด้วยสเปคที่ตอบโจทย์ ไบค์เกอร์ จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่ นอกจากสเปครถแล้ว สิ่งหนึ่งที่การันตีความปังก็คือ ราคา ของรถมอเตอร์ไซค์รุ่นนั้น ๆ เนื่องจากรถสเปคดี ๆ มีความเพอร์เฟคต์ มักจะมาพร้อมมูลค่าสูงลิ่วจนยากที่จะได้ครอบครอง มาดูกันว่า 5 อันดับ ducati ที่แพงที่สุด มีรุ่นใดบ้าง

1. Ducati Desmosedici D16RR NCR M16 (ราคาประมาณ 7,560,000 บาท)

นี่คือ สปอร์ตไบค์ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องพละกำลัง หากใครชื่นชอบรถ Ducati ที่มี เสียงดัง เน้นความเร็วแรงเป็นหลักก็ต้องรุ่นนี้เลย ถังน้ำมันดูบิ๊กบึ้ม แต่ด้วยความที่ตัวแฟริ่งถูกทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ จึงทำให้รถสุดเท่คันนี้ถูกลดน้ำหนักลงไปถึง 144 กิโลกรัม แม้ว่าตัวรถจะมีขนาดใหญ่ แต่ทว่าน้ำหนักนั้นค่อนข้างเบาพอสมควร นอกเหนือจาก โลโก้ Ducati แล้ว สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงแบรนด์ได้ดีก็คือรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร มาพร้อม เครื่องยนต์ Ducati 989 cc V4 Desmodromic ให้กำลังสูงถึง 200 แรงม้า เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งใน รถที่แพงที่สุดของ Ducati

2. Ducati Testa Stretta NCR Macchia Nera Concept (ราคาประมาณ 7,425,000 บาท)

นับเป็นอีกหนึ่งตำนานรถ ดูคาติ ที่มี ราคา แพงมากที่สุด และยังเป็นหนึ่งใน สปอร์ตไบค์ ที่มีมูลค่าแพงมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ให้อารมณ์แบบ รถสปอร์ต ไบค์อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยรูปลักษณ์และโทนสีของตัวรถยิ่งทำให้ดูแข็งแกร่ง ดุดัน อีกทั้งยังมี โลโก้ Ducati ที่เป็น Iconic ของแบรนด์ด้วย เรียกว่าเป็นรุ่น ตัวท็อป ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนไทเทเนียมมากมาย ดีไซน์ตัวรถค่อนข้างดุดันอยู่พอสมควร ใช้ เครื่องยนต์ Ducati Testastretta ให้กำลัง 185 แรงม้า และวาล์ว 4 สูบ ต่อเกียร์ พร้อมเกียร์ 6 สปีด

3. Ducati Superleggera V4 (ราคาประมาณ 3,500,000 บาท)

อีกหนึ่ง รถที่แพงที่สุดของ Ducati ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ต้องบอกว่ารถรุ่นนี้ถูกใจ ไบค์เกอร์ หลายคนอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ โดยมีน้ำหนักรวมเพียงแค่ 159 กิโลกรัมเท่านั้นเรียกว่าได้มีน้ำหนักที่เบาเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น จึงทำ ความเร็ว ได้ดีเลยทีเดียว สำหรับแฟริ่งภายนอกของ Ducati รุ่นนี้จะใช้แบบเดียวกับ Panigale V4 R อาทิ ชิลด์หน้าทรงสูง ชุดแฟริ่งหน้า แฟริ่งข้างพร้อมรูระบายอากาศขนาดใหญ่ 2 รู และแฟริ่งครอบซับเฟรม มาพร้อม โลโก้ Ducati อันเป็นเอกลักษณ์ รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale 4 สูบ ขนาด 998 cc ระบายความร้อนด้วยของเหลว ฉีดเชื้อเพลิง ทำมุม 90 องศา

4. Ducati Streetfighter V4 Lamborghini (ราคาประมาณ 2,385,000 บาท)

มาถึงรถรุ่นนี้แล้วคงไม่ต้องบอกว่า ducati ประเทศอะไร เพราะครั้งนี้ทางแบรนด์ได้ร่วมมือกับบริษัทผลิตรถสปอร์ตชื่อดังจากอิตาลีอย่าง Lamborghini ซึ่งเป็นการนำเอา Ducati Streetfighter V4 มาออกแบบภายใต้พื้นฐานของ Lamborghini Huracan STO จึงจะเห็นได้ว่า ดูคาติ รุ่นนี้มีลักษณะคล้ายกับลัมโบร์กินีรุ่นดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นแฟริ่ง บังโคลน อกล่าง และอื่น ๆ ซึ่งมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ Desmosedici Stradale ขนาด 1,103 cc เรียกว่ามีขนาดมากกว่า 1000 cc ให้กำลัง 208 แรงม้า และ แรงบิด 123 นิวตันเมตร ผลิตทั้งหมด 630 คันเท่านั้น

5. Ducati Multistrada V4 Pikes Peak (ราคาประมาณ 1,579,000 บาท)

ปิดท้ายด้วย ดูคาติ รุ่นไฮเอนด์สปอร์ตทัวริ่ง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง รถสปอร์ต ไบค์ที่ได้พัฒนาองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง จนทำให้กลายเป็นหนึ่งใน รถที่แพงที่สุดของ Ducati โดยรุ่นนี้จะมีพื้นฐานมาจากรุ่นก่อนหน้าอยู่พอสมควร มาพร้อมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัย สำหรับล้อรถจะเป็นล้อฟอร์จ และท่อไอเสีย Akrapovic ดีไซน์ตัวรถดูค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวถังและเบาะนั่งมีการปรับระดับให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ ขนาด 1,158 cc V4 GranTurismo 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 10,500 รอบ/นาที แรงบิด สูงสุด 125 นิวตันเมตร ที่ 8,750 รอบ/นาที

สุดยอดแห่งความฮอต ducati บิ๊กไบค์สเปคเยี่ยม เป็นมากกว่ามอเตอร์ไซค์ธรรมดาทั่วไป

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 อันดับ รถที่แพงที่สุดของ Ducati มาถึงตรงนี้หวังว่าทุกคนจะรู้แล้วว่า ducati ประเทศอะไร เชื่อว่าหลายคนคงสัมผัสได้ว่าจุดเด่นของ ducati ก็คือดีไซน์และ ความเร็ว ที่ถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง แถมยังมีเทคโนโลยีทันสมัยที่ถูกเพิ่มเข้ามาให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วย จึงทำให้ ราคา สูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่ แม้ว่าขนาดของ เครื่องยนต์ จะน้อยกว่า 1200 cc แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก เพราะหลายคนยังคงพอใจกับขุมพลังดังกล่าว โดยใน 5 อันดับที่กล่าวถึงข้างต้นอาจจะไม่ใช่รถที่แพงที่สุดในรายการทั้งหมด แต่ก็ทำให้รู้ว่า ดูคาติมีกี่รุ่น ที่อยู่ในระดับตำนานของบิ๊กไบค์

สุดยอด 5 ชอปเปอร์ ดีไซน์เท่ ตอบโจทย์สายบิ๊กไบค์ รุ่นไหนดี 2024

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023