Previous slide
Next slide
Categories
UNCATEGORIZED

Bugatti Divo ซูเปอร์คาร์ดีไซน์หรู พร้อมความโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย

Bugatti Divo

Bugatti Divo เป็นรถยนต์ซูเปอร์คาร์ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ PEBBLE BEACH ใน CALIFORNIA ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการรถซูเปอร์คาร์ เนื่องจากมาพร้อมกับดีไซน์สุดหรูที่มีความสวยงาม โดดเด่น พร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็นได้อย่างทันที ด้วยความพิเศษสุดอลังการนี้ จึงทำให้เกิดคำถามว่า Bugatti Divo มีกี่คัน และคำตอบก็คือมีเพียง 40 คันทั่วโลก จึงเป็นรถที่มีความแรร์ และช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ Bugatti Divo ขึ้นไปอีก

และสำหรับใครที่สนใจ วันนี้เรามีรายละเอียดเกี่ยวกับซูปอร์คาร์สุดหรูคันนี้มาให้ได้รู้กัน โดยนอกจากคุณสมบัติโดดเด่นของรถยนต์คันนี้แล้ว เรายังมีข้อมูล Bugatti Divo ราคาในไทย และราคาที่มีประโยชน์สำหรับการคำนวณ Bugatti Divo ราคารวมภาษี  มาให้ทุกคนได้เห็นถึงความพิเศษของรถยนต์คันนี้ โดยรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปทำความรู้จักกับรถซูเปอร์คาร์คันนี้ได้เลย

Bugatti Divo

แรงบันดาลใจในการสร้าง  Bugatti Divo ตัวท็อปที่ผลิตอย่างมีที่มา

Bugatti Divo ถูกผลิตขึ้นมาด้วยมาตรฐานการผลิตบนพื้นฐานเดียวกันกับ Bugatti  Chiron ซึ่งมีการเปิดตัวก่อนหน้านี้ โดยชื่อ Divo มาจาก มาจากชื่อของนักแข่งรถในยุค 1920 อย่าง ALBERT DIVO ที่ควบคุม BUGATTI แล้วคว้าแชมป์มาได้ติดต่อกันตลอด 20 ปี 

การผลิตซุเปอร์คาร์รุ่นนี้ ผ่านกระบวนการผลิตมาอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้รถยนต์ที่ดีที่สุดทั้งด้านการออกแบบ และด้านสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งผลงานที่ออกมาก็ไม่ทำให้คนทั้งโลกต้องผิดหวัง เพราะหลังจากการเปิดตัว  Bugatti Divo ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างมาก

 โดย Bugatti Divo ราคาในไทย มูลค่า 191 ล้านบาท  มาพร้อมขุมพลัง W16 พละกำลังมหาศาลถึง 1,500 แรงม้า และมีดีไซน์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว มีลูกเล่นแนวสปอร์ต และความหรูหราล้ำสมัยภายในห้องผู้โดยสาร อีกทั้งยังมีการพัฒนาจาก Bugatti Chiron ได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น 

ส่องความพิเศษ Bugatti Divo ที่มาเหนือในวงการซูเปอร์คาร์

คุณสมบัติของ Bugatti Divo นั้นมีความพิเศษอย่างมาก เรียกได้ว่าในยุคของการเปิดตัว ซูเปอร์คาร์สุดล้ำคันนี้กลายเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นเหนือรุ่นอื่นในค่ายเดียวกัน เพราะนอกจากจะมีความสวยงามแล้ว สมรรถนะ และพละกำลังยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเหมาะสมกับมูลค่า 5 ล้านยูโร และความแรร์ที่มีเพียง 40 คันในโลก โดยความพิเศษเหล่านั้น มีดังต่อไปนี้

  • Bugatti Divo  มีช่องระบายอากาศสำหรับเบรก DIFFUSER ที่ออกแบบเพื่อรองรับปลายท่อไอเสีย 4 ท่อ
  • ไฟท้ายที่ถูกตกแต่งแบบ 3 มิติ ด้วยครีบ LED ขนาดแตกต่างกันจำนวนถึง 44 ดวง
  • ภายในห้องโดยสารมีการเอาช่องเก็บของออก และเปลี่ยนมาใช้ชุดเครื่องเสียงที่มีน้ำหนักเบาลง
  • ความเร็งสูงสุดถูกจำกัดไว้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ 380 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • หนังอัลคันทาราสีน้ำเงิน คอนโซลคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีชุดเครื่องเสียงน้ำหนักเบา พร้อมด้วยแป้นแพดเดิ้ลชิฟต์ขนาดใหญ่
  • Bugatti Divo ขับสนุก ทนต่อแรงกดได้ดี และมีน้ำหนักเบา ทำให้เคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่ว โฉบเฉี่ยว

Bugatti Divo แตกต่างจาก Bugatti Chiron อย่างไรบ้าง ?

  • Bugatti Chiron ราคาในไทยอยู่ที่ 300 ล้านบาท มีจำกัดเพียง 20 คันทั่วโลก ส่วน Bugatti Divo ราคารวมภาษี เริ่มต้นที่มูลค่า 191 ล้านบาท
  • Divo สร้าง DOWNFORCE ได้ 456 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากรุ่น CHIRON ถึง 90 กิโลกรัม
  • มีน้ำหนักเบาลงจาก BUGATTI CHIRON 35 กิโลกรัม
  • แสดงแรงจีตอนเจ้าโค้งขนาด 1.6 G ได้โดยไม่หลุดโค้งที่สนาม Nardo ด้วยความเร็วสูง ซึ่งทำเวลาดีกว่ารุ่น Chiron ถึง 8 วินาที

สถานการณ์ปัจจุบันของ Bugatti Divo

สำหรับใครที่สนใจ Bugatti Divo ราคาในไทย นั้น เราก็จะมาบอกกันชัด ๆ อีกครั้งว่า Bugatti Divo ราคารวมภาษีในประเทศไทยเริ่มต้น 191 ล้านบาท โดยสำหรับ Bugatti Divo ราคารวมภาษีที่แน่นอนนั้นยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด 

แต่อย่างไรก็ตาม ในข้อมูลมีการระบุว่าทั้ง 40 คันที่ผลิตขึ้นมา มีการจองไว้ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไปว่า Bugatti Divo มีกี่คัน และคันสุดท้ายของรุ่นนี้ก็ได้ออกจากโรงงานและส่งถึงมือลูกค้าไปอย่างสมบูรณ์ ด้วยสไตล์การออกแบบที่มีสีหลักคือน้ำเงิน Bugatti EB 110 LM Blue ตัดกับสีน้ำเงินเข้มที่บริเวณส่วงล่างตัวรถ, หลังคา และปีกท้ายเป็นการโชว์ลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์  ภายในห้องโดยสารมากับโทนสีน้ำเงิน  French Racing Blue สลับกับน้ำเงิน Deep Blue หนังแท้ผสานกับ Alcantara ได้กลมกลืน เรียกได้ว่าเป็นการส่งท้ายได้อย่างสมศักดิ์กศรีซูเปอร์คาร์ราคาสูง

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ทำความรู้จักกับ Nissan Skyline R35 สุดยอดรถสปอร์ตในฝันของใครหลายๆ คน

  เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ใฝ่ฝันว่าอยากจะได้ขับรถสปอร์ตดูสักครั้ง และ Nissan Skyline R35 ก็เป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายๆ คนเช่นเดียวกัน รุ่นนี้เรียกได้ว่ากระแสดีไม่มีตก มักมีคนถามบนโลกอินเตอร์เน็ตอยู่เสมอว่า Nissan Skyline R35 ราคาเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่เราพอจะสามารถจับต้องได้หรือไม่ และสเปกของรถคันนี้จะเป็นอย่างไร เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบของรถรุ่นนี้ไปพร้อมๆ กัน

Nissan Skyline R35

เปิดสาเหตุ ทำไม Nissan Skyline R35 จึงกลายเป็นขวัญใจคนชื่นชอบรถสปอร์ต

เรียกได้ว่าแรงดีไม่มีตกสำหรับกระแสรถสปอร์ตอย่าง Nissan Skyline R35  รถที่ออกแบบมาเพื่อตีตลาดยุโรปโดยเฉพาะ หลังจากที่ประสบความสำเร็จราคา GTR R34 เกินห้ามใจ การกลับมาในครั้งนี้เปลี่ยนโฉมใหม่ให้สวยงามขึ้นกว่าเดิม ลักษณะภายนอกมีความใกล้เคียงกับหุ่นยนต์กันดั้ม ในส่วนของการใช้งานก็ไม่ธรรมดา ไม่ต้องถามเลยว่า GTR R35 กี่แรงม้า เพราะจัดหนักจัดเต็มสุดๆ GTR R35 ราคาในไทยตอนนี้พุ่งไปที่ 10 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว เราจึงจะพาทุกคนไปดูความพิเศษของรถคันนี้กัน 

Nissan Skyline R35

อัตราการเร่งสปีดถึงใจ

GTR R35 กี่แรงม้าเป็นคำถามที่หลายคนสนใจมากที่สุด สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V6 3,800 cc Twin Turbo 485 แรงม้า แต่รุ่น Nismo กำลังขับสูงถึง 69 แรงม้าเลยทีเดียว ทำเวลาในสนามได้ถึง 7.38 นาที ทำให้ Nissan Skyline R35 กลายเป็นรถสปอร์ต 4 ที่นั่งที่มาพร้อมกับอัตราการเร่งรวดเร็วไม่แพ้ใครในโลก ใช้เวลาเพียงแค่ 2.8 วินาทีในการทำความเร็วจาก 0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่ารถซุปเปอร์คาร์ เอาไปขับในสนามไม่อายใครแน่นอน 

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไม่แพ้รุ่นใหญ่

ด้วยความที่เครื่องแรงเต็มพิกัด ทำให้ Nissan Skyline R35 ต้องมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อเพิ่มความสมดุลและความปลอดภัยในการขับขี่ สามารถบุกน้ำลุยไฟไปได้ทุกที่ หมดปัญหาเสียการทรงตัวซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จะถนนสภาพแยกแค่ไหนก็ไม่หวั่น 

ผลงานประกอบเครื่องยนต์โดย Takumi

ใครที่รู้แล้วว่าคำตอบของคำถาม Nissan Skyline R35 ราคาเท่าไหร่น่าสะพรึงขนาดไหน ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รถรุ่นนี้ประกอบเครื่องยนต์โดยกลุ่มคนอย่าง Takumi คำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นที่ใช้เรียกคนที่มีความชำนาญด้านเครื่องยนต์สูงที่สุด ซึ่งบนโลกใบนี้มีบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Takumi เพียงแค่ 4 คนเท่านั้น และพวกเขาก็เป็นผู้ประกอบเครื่องยนต์รหัส VR38DETT ของรถรุ่นนี้นั่นเอง 

มันจึงไม่ใช่รถที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ผลิตจากหุ่นยนต์ในโรงงาน แต่ถูกประกอบขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะทำให้ผู้ครอบครองรู้สึกเป็นคนพิเศษมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทุกขั้นตอนกระบวนการมีความพิถีพิถันและเข้มงวดสมกับเป็นการทำงานสไตล์ญี่ปุ่น มันเลยยิ่งทำให้รถรุ่นนี้มีความพิเศษขึ้นกว่าเดิมไปอีก สมแล้วที่ GTR R35 ราคาในไทยพุ่งไปแตะหลักสิบล้าน 

การลู่ลมน่าเหลือเชื่อ

ถึงแม้ว่า Nissan Skyline R35 จะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แถมยังออกแบบเทอะทะลักษณะคล้ายกับหุ่นยนต์กันดั้มอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับสามารถลู่ลมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สามารถเทียบกับแบรนด์ระดับโลกชื่อดังอย่าง Ferrari รุ่น 458 Italia กันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือหากเทียบกันแบบช็อตต่อช็อตแล้ว รถสปอร์ตจากนิสสันดูเหมือนว่าจะสามารถลู่ลมได้ดีกว่าด้วยซ้ำไป เมื่อลู่ลมได้ดีก็ทำให้อัตราการเร่งความเร็วดีขึ้นไปด้วย เพราะหมดปัญหาเรื่องแรงต้านจึงสามารถไปต่อได้อย่างไร้อุปสรรคนั่นเอง 

เปลี่ยนเกียร์เร็วเทียบเท่าเฟอร์รารี่ 

นอกจากเรื่องการลู่ลมที่สามารถเทียบกับแบรนด์ดังอย่างเฟอร์รารี่ได้แล้ว เจ้า Nissan Skyline R35 ยังมาพร้อมกับความสามารถพิเศษในการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วทันใจ หากเทียบกับรุ่น Ferrari Enzo เจ้า Nissan คันนี้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วกว่า 0.15 วินาทีกันเลยทีเดียว ฟังดูเหมือนเร็วกว่าการแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่หากอยู่ในสนามแข่งหรือวัดความเร็วกันจริงๆ ในถนน เวลาเพียงแค่ 0.15 วินาทีก็ถือว่าเป็นความเร็วที่แตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว 

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

ตารางแข่ง F1 ปี 2024 พร้อมรายละเอียทั้งหมด ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ตารางแข่ง F1

การแข่งขัน fomula 1 เป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยม และมีความโด่งดัง เนื่องจากเป็นการแข่งรถระดับนานาชาติ ที่ได้รับการควบคุมจาก องค์กรควบคุมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ Fédération Internationale de l’Automobile (FIA) ว่าเป็นการแข่งขันระดับสูงสุดสำหรับรถแข่งล้อเปิด เป็นกีฬาที่มีการจัดขึ้นทุกปีเป็นฤดูกาล และมีการจัดแข่ง fomula 1 ในทั่วโลก จึงสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความตื่นเต้น

โดยในปี 2024 ได้มีการเปิดเผยตารางการแข่งขัน พร้อมกับรายละเอียดต่าง ๆ มาแล้วเป็นที่เรียบร้อย รวมถึงยังมีการเคลื่อนไหวมากมายที่น่าสนใจใน ตารางแข่ง f1 ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมรายละเอียดของการแข่งขันมาสรุปให้เข้าใจได้ง่าย จะมีประเด็นไหนที่น่าสนใจบ้าง เรามาดูกันเลย

ตารางแข่ง F1

มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ใน ตารางแข่ง F1 ปี 2023 และปี 2024 ?

F1 ตารางแข่งในปี 2024 นั้น มีความแตกต่างจาก ตารางแข่ง f1 2023 เนื่องจากสถานการณ์โลกกลับมาดีขึ้น หลังจากเผชิญผลกระทบของโควิด อีกทั้งยังมีการระบุสถานที่แข่ง และวันเวลา ที่จะทำให้สะดวกต่อการรับชมการแข่งขัน อีกทั้งยังเหมาะสมกับสนามแข่งในแต่ละที่ โดยสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในตารางแข่ง f1 มีดังต่อไปนี้

–            ตารางแข่ง F1 2024 มีทั้งหมด 24 สนาม ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์

–            มีการโยกโปรแกรมหลายสนามให้มีการจัดแข่งในภูมิภาคเดียวกัน เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทาง

–            ประเทศจีนกลับมาแข่งขัน  fomula 1 อีกครั้งในรอบ 4 ปี หลังจากเผชิญสถานการณ์โควิด 19

–            2 สนามแรกของ ตารางแข่ง F1 2024 ที่บาห์เรนและซาอุดิอาระเบีย มีการโยกวันแข่งจริงจากวันอาทิตย์มาวันเนื่องจากในช่วงเวลานั้นอยู่ในช่วงถือศีลอด หรือ รอมฎอน

–            คนในวงการ  fomula 1 ออกมาประกาศจุดยืนเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการปรับความคล่องตัวของการแข่งขัน f1

สำรวจ ทีมในตารางแข่ง f1  ที่น่าจับตามอง พร้อมย้อนดูความสำเร็จในปี 2023 ที่ผ่านมา

  • Red bull

ทีม Red bull ทีมหัวตารางแข่ง f1 2023 ด้วยผลการแข่งขัน คะแนนนำ 166 ห่างจากอันดับ 2 เกือนหนึ่งเท่าตัว เป็นทีมที่มีความเกรียงไกร ด้วยนักขับที่การันตีความสามารถอย่าง มักซ์ เวอร์สแตพเพน นักแข่งอายุน้อยที่คว้าอันดับ 1 ในการแข่งขัน Australian Grand Prix ในปี 2023 ที่ผ่านมา ตามมาด้วย เซร์คิโอ เปเรซ นักแข่งในทีมเดียวกันที่คว้ายชัยชนะใน Saudi Arabian Grand Prix และด้วยความสามารถของผู้คนในทีม และความสมบูรณ์ของผู้คน รวมถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ส่งผลให้ทีม Red bull เป็นทีมที่น่าจับตามองอย่างมาก ในตารางแข่ง f1 2024

  • Mercedes

ที่มที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่น่าจับตามองในตารางแข่ง f1  ด้วยสถิติการแข่งขัน ในตารางแข่ง f1 2023 ที่มีคะแนนของทีมอยู่ในอันดับต้น ๆ และยังมีนักขับอย่าง Lewis Hamilton ที่สามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยมในปี  2017-2020 รวมทั้งในช่วงเวลานั้นทีมก็ได้แชมป์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  โดยปี 2021 ได้ทำสถิติคว้าแชมป์ไปแล้ว 95 ครั้ง และนักแข่งอีกหนึ่งคนคือ George Russell นักแข่งดาวรุ่งวัย 25 ปีชาว ผลผลิตจากทีมเยาวชนของ Mercedes-AMG Petronas Motorsport อดีตแชมป์โลก Formula 2 เมื่อปี 2018 และยังคงทำผลงานได้ดีในปีหลัง ๆ ที่ผ่านมา ทีมเมอร์เซเดสมีรถแข่งที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จัก จึงเป็นอีกหนึ่งทีมใน ตารางแข่ง F1 2024 ที่ดึงความสนใจของผู้คนได้

  • Ferrari F1

เป็นทีมที่น่าจับตามองมาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นทีมเก่าแก่ใน ตารางแข่ง f1 และถูกจัดอันดับให้เป็นทีมแข่งขัน f1 ที่ได้รับความนิยม และมีการใช้เครื่องยนต์เฟอร์รารี่ทำการแข่งขันมาโดยตลอด มาพร้อมกับนักแข่งดาวรุ่ง 2 คนอย่าง Charles Leclerc และ Carlos Sainz ซึ่งทำฟอร์มได้ดีในช่วงปีหลัง ๆ ส่งผลให้คะแนนรวมทีมยังคงอยู่อันดับต้น ๆ ในตารางแข่ง f1 2023 ดังนั้นในปี 2024 นี้ จึงเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีความน่าสนใจ

และทั้งหมดนี้ ก็คือข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับ ตารางแข่งขัน f1 ที่กำลังจะมาถึงในปี 2024 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.f1-fansite.com เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับชมการแข่งขันเครื่องยนต์ที่คนทั้งโลกตั้งตารอในทุกปี

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

CORVETTE C6 รถสปอร์ตอเมริกันมัสเซิลดีไซน์โดดเด่น

CORVETTE C6

เมื่อกล่าวถึงรถสปอร์ตคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องนึกถึงรถยุโรปกันอย่างแน่นอน เพราะรถยุโรปหลายแบรนด์มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นที่รู้จักกันมานาน แต่ถ้ากล่าวถึงรถสปอร์ตที่ไม่ใช่แบรนด์ยุโรป คงหนีไม่พ้นรถสปอร์ตของอเมริกาอย่างแน่นอน สำหรับรถสปอร์ตที่มีชื่อเสียงของทางฝั่งอเมริกาก็มีอยู่หลายแบรนด์ด้วยกัน และหนึ่งในนั้นมีรถสปอร์ตในตำนานอย่าง CORVETTE C6 ด้วย รถสปอร์ตอเมริกันมัสเซิลที่มีดีไซน์โดดเด่น และเป็นที่กล่าวขานในวงการรถสปอร์ตมายาวนาน

รู้จัก CORVETTE C6 สุดยอดรถสปอร์ตระดับตำนานที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

CHEVROLET C6 CORVETTE ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 2005 – 2013 โดยถูกเปิดเผยให้เห็นไฟหน้าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 สำหรับ C6 ที่ถูกผลิตเป็นรุ่นแรก ๆ จะมีราคาอยู่ที่ 44,245 เหรียญ อย่างไรก็ตามในระหว่างการผลิตรถสปอร์ตรุ่นดังกล่าว มักจะมีการพัฒนาและเสริมคุณสมบัติต่าง ๆ ให้กับตัวรถ เพื่อให้สามารถรองรับกับการแข่งขันได้ แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี แต่ทว่า CORVETTE C6 รุ่นนี้ ก็ยังเป็นตำนานที่หลายคนนึกถึงอยู่เสมอ ถึงแม้ว่า CORVETTE C8 จะมาแรงในช่วงหลังก็ตาม ครั้งนี้มาทำความรู้จักกับรถสปอร์ตรุ่นนี้กันว่ามีลักษณะและคุณสมบัติเป็นอย่างไรบ้าง  

CORVETTE C6

1. ลักษณะภายนอก

เมื่อเข้าสู่รุ่น C6 CORVETTE CHEVROLET ก็ได้เปลี่ยนดีไซน์ใหม่ทั้งหมด แต่ทว่าหน้าตาก็ยังแอบคล้ายกับ C5 ที่ถูกนำมาแปลงโฉม ในส่วนของไฟหน้าจะมีลักษณะคล้ายกับ FERRARI 360 อย่างมาก แต่รุ่นนี้จะถูกปรับแต่งให้สูงขึ้นและสั้นกว่า C5 อยู่ที่ 5.1 นิ้ว ในขณะที่ฐานล้อจะถูกปรับขึ้น 1.2 นิ้ว แม้ว่าล้ออาจจะไม่ได้ดูหรูหราและทันสมัยนัก แต่ก็ไม่ได้ดูแย่ เมื่อเข้าสู่รุ่น Z06 จะถูกปรับแต่งให้เป็นแบบใหม่ ซึ่งจะมีโครงหลังคาอลูมิเนียม สปอยเลอร์หลังมีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม ส่วนบังโคลนหน้าจะใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่กว้างขึ้น และบังโคลนหลังเป็นแบบไฟเบอร์กลาส โดยรวมจะแตกต่างจาก CAPTIVA และรุ่นอื่น ๆ พอสมควร

2. ภายในห้องโดยสาร

ในส่วนของห้องโดยสาร CORVETTE CHEVROLET รุ่น C6 จะเห็นถึงความแตกต่างอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับ CAPTIVA และรุ่นอื่น ๆ โดยรุ่นนี้จะเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสารอยู่เล็กน้อย ด้านบนจะติดตั้งหลังคากระจกแบบโพลีคาร์บอเนต ซึ่งจะช่วยลดความอึดอัดได้พอสมควร อีกทั้งยังทนต่อแรงกระแทกได้สูงด้วย สำหรับการออกแบบคอนโซลหน้ารถจะมีพวงมาลัยอยู่ฝั่งซ้าย ตรงกลางมีหน้าจอกลางขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ด้านล่างของช่องแอร์ และเมื่อเทียบกับ CORVETTE C8 จะแตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะรุ่นนี้จะเน้นการใช้งานเป็นหลัก 

3. ด้านขุมพลัง

CHEVROLET C6 ในรุ่นเริ่มต้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ความจุ 6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นที่มาแรงอย่าง Z06 ใช้เครื่องยนต์ 7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 500 แรงม้า แต่ก็ยังไม่ใช่รุ่นที่แรงที่สุด เพราะต่อมาในปี 2009 CORVETTE CHEVROLET ยังมีรุ่น ZR1 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6.2 ลิตร Supercharged ให้กำลังสูงสุด 638 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตร จากการทดลองสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ CORVETTE เลยก็ว่าได้ 

4. ความพิเศษ

CHEVROLET C6 ถือเป็นรถสปอร์ตรุ่นที่ 6 ของ Corvette ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท General Motors (GM) ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับรุ่นปี 2005-2013 จะเป็น Corvette คันแรกที่มีไฟหน้าแบบเปลือย ต่อมารุ่นปี 1962 ได้มีการผลิตรุ่น Z06, ZR1, Grand Sport และ 427 Convertible สำหรับความพิเศษที่มากกว่าการขับขี่แบบธรรมดาก็คือ การนำ Z06 ไปพัฒนาจนกลายเป็น C6R ที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองอันเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นลงแข่งรายการ 24 Hours of Le Mans GTE-Pro ในปี 2011 และคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด ถัดมาในปี 2006 ก็ได้กำเนิดสุดยอด SUV อย่าง CAPTIVA ส่วน CORVETTE C8 ก็ถือเป็นรุ่นที่ 8 ของ Corvette ที่มีความโดดเด่นเช่นเดียวกัน 

CORVETTE C6

CORVETTE C6 รถสปอร์ตอเมริกันโดนใจสายซิ่ง เกิดมาเพื่อวิ่งบนท้องถนน

ถึงแม้ว่า CORVETTE CHEVROLET รุ่น CORVETTE C6 จะมีดีไซน์เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน ๆ แต่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ CORVETTE จะอยู่ในช่วงที่เปิดตัว CORVETTE C8 โดยรุ่นนี้จะย้ายเครื่องยนต์ไปอยู่ที่กลางรถ ดีไซน์ภายนอกให้ความรู้สึกเหมือน FERRARI แต่ใช้เครื่องยนต์ V8 NA ความจุ 6.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 490 แรงม้า ถูกตัดเกียร์ธรรมดาออกและเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเกียร์ AT Dual Clutch 8 Speed อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 314 กิโลเมตร/ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในแง่ของการใช้งานแบบครอบครัว CAPTIVA จะตอบโจทย์กว่า 

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

BYD ATTO3 รถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์เท่ ล้ำสมัย มาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน 

BYD ATTO3

ในปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยลดมลพิษในอากาศ ซึ่งจะช่วยลดการเกิดมลภาวะที่ทำให้โลกร้อนได้ จึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายรายเริ่มหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแข่งกัน ถ้าหากพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย หนึ่งในนั้นก็คือ BYD ATTO3 จัดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภท B-SUV และเป็นรุ่นแรกที่ BYD ได้นำเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่ขายได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดีไซน์เท่ ล้ำสมัย มาพร้อมกับความแปลกใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน

BYD ATTO3

ทำความรู้จัก BYD ATTO3 รถยนต์ไฟฟ้าตระกูลราชวงศ์ BYD สัญชาติจีน

BYD ATTO 3 เป็นรุ่นที่ต่างจาก BYD TANG และ BYD HAN โดย ATTO 3 จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ Standard Range และ Extended Range ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมีการออกแบบที่เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยมิติตัวถังจะมีขนาดเท่ากัน ความยาว 4,455 มิลลิเมตร, ความกว้าง 1,875มิลลิเมตร, ความสูง 1,615 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อ 2,720 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถ 175 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถ (มีผู้โดยสาร) 150 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนัก BYD ATTO3 รุ่น Standard Range จะอยู่ที่ 1,680 กิโลเมตร และรุ่น Extended Range จะอยู่ที่ 1,750 กิโลเมตร 

1. ลักษณะภายนอก

ภายนอกของ ATTO3 จะมีกระจังหน้าแบบทึบคล้าย BYD TANG ติดตั้งไฟหน้า LED คาดคิ้วโครเมียมได้อย่างลงตัว มาพร้อมกับระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ เช่นเดียวกับไฟท้ายที่เป็นแบบ LED คาดยาวจากด้านซ้ายไปสุดที่ด้านขวา ลักษณะคล้ายปีกนก ด้านหน้ามีช่องลมทั้ง 2 ฝั่ง พร้อมเรดาร์ช่วยในเรื่องการขับขี่และความปลอดภัย ทั้งยังมีกล้อง 360 องศารอบคัน ช่วยในเรื่องวิสัยทัศน์ของการขับขี่และจอดรถ ฝากระโปรงค่อนข้างหนาและแข็งแรง ส่วนล้อเป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์แบบ Aero Dynamic สีทูโทนขาวดำ ดูทันสมัย และตรงกลางมีโลโก้ BYD 

2. ภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสาร ATTO3 จะมี 5 ที่นั่ง ตัวเบาะทำจากหนังสังเคราะห์และติดตั้งระบบไฟฟ้า คอนโซลหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากฟิตเนส ดีไซน์ดูหรูหราต่างจาก BYD HAN ที่เน้นความคลาสสิค หน้าจอกลางเป็นระบบสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว สามารถปรับเป็นแนวตั้งและแนวนอนได้ ถัดมาเป็นพวงมาลัยแบบ Multi Function ด้านหลังพวงมาลัยมีหน้าจอข้อมูลขับขี่ขนาด 5 นิ้ว ช่องแอร์มีทั้งตรงกลางและฝั่งซ้าย-ขวา ที่เปิดประตูจะอยู่ใกล้กับช่องแอร์ ดีไซน์ต่างจากมือจับทั่วไป และด้านบนเป็นหลังคากระจกที่สามารถเปิดได้เหมือนกับ BYD TANG 

3. ด้านขุมพลัง

ด้านขุมพลัง ATTO3 จะต่างจาก BYD HAN อย่างสิ้นเชิง สำหรับรุ่น Standard Range และ Extended Range จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 1 ตัว ขนาด 150 kW ติดตั้งที่บริเวณล้อหน้า แต่รุ่นStandard Range ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 1 สปีด บรรจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 50.1 kWh ส่วนรุ่น Extended Range ให้กำลังสูงสุด 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 1 สปีด ความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 60.48 kWh และมีระบบจ่ายกระแสไฟ Vehicle to Load 2.2 kW 

4. ราคาอย่างเป็นทางการ

สำหรับ BYD ATTO 3 รุ่น Standard Range ราคา 1,099,900 บาท ส่วน ATTO3 รุ่น Extended Range ราคา 1,199,900 บาท จะเห็นได้ว่ารุ่น Standard Range มีราคาถูกกว่า Extended Range อยู่ 100,000 บาท นั่นเป็นเพราะว่าความจุแบตเตอรี่แตกต่างกัน สำหรับรุ่น Standard Range จะมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 49.9 kWh ในขณะที่รุ่น Extended Range มีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 60.48 kWh ซึ่งต่างกันอยู่ประมาณ 10.58 kWh แต่เมื่อเทียบกับ BYD TANG และ BYD HAN จะมีราคาถูกกว่า 

เปรียบเทียบความแตกต่างของ BYD ATTO3 ทั้ง 2 รุ่น

BYD ATTO3 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าในตระกูลราชวงศ์ BYD ที่มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น คือ Standard Range มีระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กิโลเมตร ส่วนรุ่น Extended Range มีระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กิโลเมตร จะเห็นว่ารุ่น Extended Range สามารถวิ่งได้ไกลกว่ารุ่น Standard Range ประมาณ 70 กิโลเมตร นอกจากนี้สีตัวถัง ATTO3 รุ่น Standard Range จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Frost White) และสีเทา (Graphite Grey) ส่วนรุ่น Extended Range จะมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีขาว (Frost White), สีเทา (Graphite Grey), สีเขียว (Emerald Green), สีฟ้า (Lagoon Blue) และสีแดง (Solar Red)

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023

Categories
ARTICLE

H1 ISUZU D MAX สุดยอดความทนทาน ที่ต้องมาลองด้วยตัวคุณเอง

ISUZU D MAX

มั่นใจเลยว่าพ่อค้าแม่ค้าหลาย ๆ คนต้องมีรถที่คอยช่วยในการขนของไปไหนมาไหน เพื่อให้ทำการค้าขายได้อย่างสะดวก โดยรถที่พ่อค้าแม่ค้าจะต้องมีก็คือรถกระบะของ ISUZU D MAX เท่านั้นที่พร้อมจะช่วยทำงานของคุณได้ง่ายขึ้น ทั้งราคาที่จับต้องได้ ความทนทานพร้อมสู้ทุกงานไปกับคุณแบบไม่มีหมด บอกเลยว่ามี ISUZU D MAX ไว้ใช้จะช่วยให้งานของคุณเบาไปได้เยอะ

ISUZU D MAX ยอดรถกระบะ ที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้

หากจะพูดว่า ISUZU D MAX นั้นเป็นสุดยอดของรถกระบะ แล้วคุณยังไม่เชื่อ ก็คงไม่ได้ เพราะทั้งยอดขายที่ดีไม่หยุด และเป็นรถกระบะที่ขายดีที่สุดในตอนนี้ อีซูซุ 2023 นั้นดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าหันมองหาพ่อค้าแม่ค้าเจ้าไหน ๆ ก็ต่างใช้กัน หากต้องการ รถกระบะ ที่ ราคา ดีมีความ คุ้มค่า พร้อม การใช้งาน ได้อย่างทนทาน ทำงานได้ทุกรูปแบบต้องลอง

ขนของได้จำนวนมาก ใช้งานได้ดีต้อง ISUZU D MAX เท่านั้น

หากพูดถึงเรื่องขนของ ISUZU D MAX ก็ไม่แพ้ใครอย่างแน่นอน ด้วยตัวกระบะที่กว้าง ทำให้จุได้เยอะ แถมยังมีกำลังรถมหาศาล พร้อมแบกน้ำหนักของจำนวนมาก ๆ ทำให้พูดได้อย่างเต็มบอกเลยว่าวงการ รถกระบะ จะเป็นใครไม่ได้แล้วนอกจาก อีซูซุ 2023  ปีนี้เป็นของ ISUZU D MAX อย่างแน่นอน นอกจากกระบะแบบธรรมดาแล้ว เรายังมี มิวเอ็ก ที่มีความ หรูหรา พร้อมทั้ง ดีไซน์ สวยงาม ให้ได้ลองใช้งานกันด้วย

ISUZU D MAX

ISUZU D MAX มีข้อดีอะไรที่ ทำให้ใคร ๆ ก็มาใช้กัน

ต้องบอกว่าในปีนี้ของ อีซูซุ 2023 เป็นปีของ ISUZU D MAX อย่างแท้จริงทั้งยอดขาย ที่เป็นอันดับหนึ่งในตอนนี้ ทำให้หลายคนสงสัยอย่างรู้ว่า ISUZU MU X  และ ISUZU D MAX มีข้อดีอะไรที่ทำให้คนใช้งานมากกว่า กระบะโตโยต้า มาดูกันได้เลย

  1. ความจุในการขนของที่มากกว่า
  2. ความทนทาน ไปได้ทุกสถานที่
  3. ความประหยัดน้ำมันที่มากกว่า
  4. ราคาที่ประหยัด และ คุ้มค่า กว่า
  5. อายุ การใช้งาน ที่ยาวนาน

รวมรถกระบะน่าสนใจจากค่าย ISUZU

นอกจาก ISUZU D MAX แล้ว ISUZU ยังมีรถอีกหลากหลายรุ่นที่มีความน่าสนใจ และเป็นที่ต้องการของตลาดในนี้ตอนนี้โดยจะมีรุ่นอะไรบ้างมาดูกันได้เลย

  1. ISUZU D-Max X-Series
  2. ISUZU V-Cross 4X4
  3. ISUZU MU X  
  4. ISUZU Cab Chassis
  5. ISUZU Spark 4X4

ISUZU D MAX แข็งแกร่งทนทาน พร้อมสู้งานไปกับคุณ

หากพูดถึงเรื่องความทนทานไปได้ทุกสถานที่ ทนต่อน้ำหนักมาก ทั้งทนและอึดบอกเลยว่า ISUZU D MAX นั้นยืน 1 พร้อมที่จะช่วยให้งานขนส่งทุกอย่างของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา การันตีด้วยการเป็น รถกระบะ ที่ขายดีมากที่สุดในตอนนี้ หากว่าไม่มั่นใจ ก็ยังสามารถมา ทดลอง ที่ศูนย์ อีซูซุทั่วประเทศ รับรองว่า ISUZU D MAX พร้อมสู้ไปทุกงานกับคุณแน่นอน

ISUZU MU X รถครอบครัว อเนกประสงค์สุดทันสมัย

ทำความรู้จักกับ ISUZU D MAX กันมามากพอสมควรแล้ว คราวนี้มารู้จัก รถกระบะอเนกประสงค์อย่าง มิวเอ็ก กันบ้าง กับรถกระบะยุคใหม่ ดีไซน์ สวยงามทันสมัย แต่ยังคงคอนเซ็ป ที่พร้อมช่วยงาน และความจุของรถกระบะ ที่มากแทบไม่ต่างกับแบบเดิม เพิ่มเติมด้วยความหรูหรา น่าใช้งานขับไปไหนมาไหน ในรูปแบบรถครอบครัว ที่คุณต้องมีไว้สักคัน

ISUZU MU X มีจุดเด่นอะไร ทำให้ต้องมาซื้อใช้งาน

จุดเด่นที่สำคัญของ มิวเอ็ก ที่กับการใช้งานที่หลากหลายที่ไม่ต่างอะไรเลยกับแบบ ISUZU D MAX เลยโดย ISUZU MU X จะมีจุดเด่นอะไรบ้างมาดูกัน

  1. ความหรูหราทันสมัย
  2. รูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ใน ราคา รถกระบะ
  3. ตอบโจทย์คนเมืองใช้งานได้ ใช้เที่ยวได้
  4. ความทนทาน
  5. เทคโนโลยีครบครัน

ISUZU ต่างจากค่ายอื่นยังไง ถึงเป็นที่ 1 ในตลาดรถกระบะตอนนี้

เห็นแล้วว่า ISUZU D MAX นั้นคือที่สุดของ รถกระบะ แล้วในตอนนี้ยิ่ง อีซูซุ 2023 ในปีนี้ ที่มียอดขายอันดับ 1 เหนือ กระบะโตโยต้า แบบขาดรอยเลย โดย ISUZU D MAX และ ISUZU MU X มีอะไรดีกว่า กระบะโตโยต้า บ้างมาดูกันได้เลย

  1. ISUZU MU X  กับ ISUZU D MAX มีราคาที่ถูกคุ้มค่ากว่า กระบะโตโยต้า
  2. ความสวยความ และ หรูหรา กว่าโดยเฉพาะ มิวเอ็ก ที่เป็นรถกระบะรูปแบบใหม่
  3. การตลาดที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือให้ผู้ใช้งาน
  4. ความแข็งแรง ป้องกันอุบัติเหตุ ร้ายแรงของผู้ใช้งานได้
  5. ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ที่มากกว่า

ISUZU D MAX สุดยอดรถยนต์ สุดแกร่งที่พร้อมทำงานกับคุณทุกที่

สุดท้ายนี้คงจะได้เห็นถึงความยอดเยี่ยมของ รถกระบะ อย่าง ISUZU D MAX ที่มีดีพอจนกลายเป็นรถกระบะที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 ในแบบที่แบรนด์ไหน ๆ ก็เทียบไม่ติดทั้งด้านความ สวยงาม ทนทาน หรือแม้แต่ราคา ที่เข้าถึงง่ายและคุ้มค่า จึงไม่แปลกใจเลยที่ ISUZU D MAX จะเป็นสุดยอดรถกระบะอันดับ 1 ที่พร้อมให้คุณได้เป็นเจ้าของแล้วในนี้ 

3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023

10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023