วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆและเป็นจุดสำรองพลังงานไฟฟ้าสำหรับใช้สตาร์ทรถแบตเตอรี่ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ถ้าหากแบตเตอรี่เสียหรือมีปัญหาก็จะทำให้รถนั้นสตาร์ทไม่ติดและไม่สามารถใช้งานได้เลยทีเดียว โดยแบตเตอรี่จะมีมีอายุการใช้งานที่จำกัดโดยเฉลี่ยแล้วรถยนต์ทั่วไปก็จะมีอายุประมาณ 1.5 ถึง 2 ปีถ้าเราดูแลรักษาแบตเตอรี่ดีก็จะช่วยยืดอายุการใช้งาน ของแบตเตอรี่รถยนต์ของเราได้ โดยอายุ การใช้งาน ของแบตเตอรี่นั้นจะอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะตัวแปรอื่นๆ สภาพอากาศประเภทรถยนต์ และพฤติกรรมการขับขี่แบตเตอรี่จำเป็นจะต้องมีการบำรุงรักษาเช่นเดียวกันและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจ แนวทางเกี่ยวกับการรักษาเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ให้สูงมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากเราไม่ดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ก็จะส่งผลเสียหายหลากหลายอย่าง เช่นกระจกอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ ไฟหน้าสว่างสตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งหลาย ปัจจัยขึ้นอยู่กับการดูแลและรักษาแบตเตอรี่รถยนต์โดยจะต้องนำเข้าศูนย์ แต่ในปัจจุบันการดูแลรักษาแบบรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ทำความเข้าใจก็สามารถใช้แบตเตอรี่ได้นานเลยทีเดียว
เคล็ดลับ วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ เพื่อให้มือใหม่ได้ได้เรียนรู้
การบำรุงรักษาแบตเตอรี่มีกี่วิธี และสามารถทำได้ด้วยตัวเองได้
- รักษาความสะอาดของแบตเตอรี่รถยนต์
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ การบำรุงรักษาขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเป็นสิ่งที่ง่ายมากที่สุดสามารถทำได้และรับประกันว่าแบตเตอรี่ที่ดี จะสามารถตรวจสอบได้ทุกเดือนโดยประเมินจากสนิม และสิ่งสกปรกต่างๆถ้าเห็นว่ามีขี้เกลือหรือสนิมมากจนเกินไป ก็สามารถใช้แปลงสิ่งสกปรกออกจากขั้วได้โดยแปลงทุกๆ 3 สัปดาห์สิ่งสกปรกที่อยู่ระหว่างสายเคเบิล และตัวเชื่อมต่ออาจรบกวนพลังงานที่ไหลเข้าออกสำหรับสนิมอาจเทน้ำอัดลมหรือสารป้องกันการกัดก่อนลงในบริเวณที่สึก ของขั้วแบตเตอรี่ได้ความเป็นกรดจะละลายสนิมออกทำให้ขั้วสะอาดและใช้ผ้าหมาดๆเช็ด
- ถอดแบตเตอรี่ออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน
โดยปกติแล้วแบตเตอรี่ของคนเราจะคล้ายประจุไฟของตัวมันเองจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นระบบไฟในรถรั่วซึม การลืมเปิดไฟรถเก๋งทิ้งไว้ ระดับแรงดันไฟควรอยู่ที่ 12.0 ถึง 13.0 โวลต์ไม่ควรคลายประจุไฟต่อเนื่องนานนานจนต่ำกว่า 10.5 โวลต์จะทำให้แบตเสื่อมได้ง่ายควรชาร์จไฟแบตเตอรี่รถยนต์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ครั้งเพื่อไม่ให้น้ำกดเกิดผลซัลเฟตความจุของแบตเตอรี่จะลดลง 50% ของทุกๆอัน อุณหภูมิที่ต่ำลง 12 องศาหรือ 22 ฟาเรนไฮต์ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมในตอนเช้าอากาศเย็นเราจึงสตาร์ทรถได้ยาก เพราะอุณหภูมิปกติอยู่ที่ 25 องศาสำหรับรถที่เก่ากว่านั้น ก็ควรจะจอดทิ้งไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ให้ปลดขั้วแบตเตอรี่ออกทั้งขั้วบวกและขั้วลบ เพื่อเป็นการถนอมแบตเตอรี่ให้ยังมีประจุไฟฟ้าเหลืออยู่และยังมีการป้องกันไม่ให้เกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้
- ขับรถบ่อยๆอย่างน้อยสองสัปดาห์ต่อครั้ง
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ การออกขับรถระยะสั้นไปเซเว่นหน้าปากซอย อาจจะทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์นั้นเสื่อมได้ ถ้าหากเราสตาร์ทเครื่อง 2 ครั้งไปกลับหนึ่งครั้งขับแค่ 0.5 กิโลเมตรไดชาร์จยังไม่เติมไฟเข้าแบตเตอรี่เลย ก็ถึงบ้านซะแล้ว การขับรถควรควรใช้อย่างน้อย 45 นาทีอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์จะรับประกันว่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับจะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มโดยที่ คุณไม่จำเป็นต้องสนใจปลายทางเพียงแค่ขับให้ได้ระยะเวลาที่แนะนำก็พอ
- ไม่เปิดอุปกรณ์เสริมทั้งหมด
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ เราไม่ควรเปิดอุปกรณ์เสริมทั้งหมด เช่นเครื่องเสียงแอร์ในขณะที่ไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์เพราะแหล่งพลังงานที่นำมาใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมด มาจากแบตเตอรี่รถยนต์ของเราโดยตรง แบตเตอรี่ตะกั่วกรด ออกมาเพื่อสตาร์ทรถยนต์ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขายประจุแบบลึก แบตเตอรี่สามารถได้รับความเสียหายได้จากการปล่อยประจุลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะส่งผลเสียทำให้เกิดความล้มเหลวของคั่วไฟฟ้าและสลายตัวเนื่องจากความเค้นเชิงกล ที่เกิดจากการแปรรูปแบตเตอรี่เริ่มต้นที่เก็บประจุแบบลอย อย่างต่อเนื่องจะได้รับการกัดกร่อนจากอิเล็กโทนซึ่งจะส่งผลให้พัง ไวก่อนอายุการใช้งาน
- ป้องกันแบตเตอรี่
วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าแบตเตอรี่รถยนต์ถูกต้องและปลอดภัยแล้วการที่เราเคลื่อนย้ายแบตเตอรี่ หลุดออกจากสายของตัวเอง หากไม่ได้รับการยึดอย่างถูกต้องก็อาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
- การชาร์จแบตเตอรี่
เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสลับไม่เพียงพอไดชาร์จเริ่มเสื่อมสภาพที่จะบรรจุแบตเตอรี่รถยนต์ให้เต็มและแบตเตอรี่จะหมดหากถูกใช้งานการใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มเติม ประจุแบตเตอรี่ให้เต็มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ควรรีบเปลี่ยนไดชาร์จก่อนที่แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณจะพังเป็น วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ ที่ทุกคนควรรู้
- ดูแลระดับน้ำในแบตเตอรี่
สำหรับรถยนต์ชนิดเติมน้ำกลั่นต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำอยู่เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำต่ำกว่า-ต่ำสุดที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดไว้เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมหรือพังก่อนวัยอันควรควรศึกษา วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ ของเราให้ดีเสียก่อน
แบตกึ่งแห้ง ดูยังไง
แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้งคือแบตเตอรี่ที่มีรูให้เติมน้ำกลั่น ได้โดยไม่ต้องดูแลบ่อยเท่าแบตเตอรี่น้ำ แต่ต้องดูแลและตรวจสอบระดับน้ำกันปีละ 1 ถึง 2 ครั้งข้อดีก็คือ ไม่ต้องตรวจเช็คมากส่วนข้อเสีย ก็คืออายุการใช้งานไม่เท่ากับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น แต่คงต้องตรวจเช็คอายุบ้าง และมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่น้ำกลั่นโดยแบตเตอรี่กึ่งแห้งนั้นจะเหมาะสำหรับรถที่ใช้งานในชีวิตประจำวันและไม่ค่อยมีเวลาดูแลรถยนต์
ดูยังไงว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดอายุ
โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ถึง 5 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อคุณภาพราคาและแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพที่สูงกว่ามักจะมีราคาที่แพงกว่า แต่พฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลหากคุณดูแลแบตเตอรี่เป็นอย่างดีด้วย การใช้รถเป็นประจำไม่จอดทิ้งไว้นานก็จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแต่ถ้าหากเราใช้งานไปหลายปี และ วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ ไม่ดีจอดทิ้งนานปล่อยให้ไฟหมดจนสตาร์ทไม่ติดบ่อยบ่อยก็จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพไปได้ในที่สุด โดยในวันนี้เราก็จะมาบอกถึงวิธีการดูว่าแบตเตอรี่ใกล้หมดอายุจะมีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง
- รถสตาร์ทไม่ติดหรือรถสตาร์ทติดยาก
รถสตาร์ทไม่ติดหรือรถสตาร์ทติดยากเป็นอีกหนึ่งปัญหาและเป็นสัญญาณเตือนของอาการแบตเตอรี่เสื่อมที่กำลังเกิดขึ้นเนื่องจากแบตเตอรี่ไม่สามารถกักเก็บประจุไฟฟ้าได้มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว กำลังไฟในการสตาร์ทจะลดลงทันทีโดยปัญหานี้มักจะเกิดกับรถยนต์ที่ถูกจอดทิ้งไว้เป็นเวลานานนาน
- ไฟหน้าไม่สว่างเหมือนเดิมแล้ว
หนึ่งในสัญญาณเตือนของอาการแบตเตอรี่เสื่อมมักจะเกิดขึ้นอย่างแรกนั่นก็คือไฟหน้ารถไม่สว่างเท่าเดิม หรือสว่างน้อยลงกว่าเดิมและนี่คือเรื่องเร่งด่วนที่เราต้องรีบแก้ไข เพราะถ้าหากปล่อยให้รถขับไปในยามค่ำคืนอาจจะเกิดปัญหาไฟหน้าสว่างไม่เพียงพอและจะเกิดโอกาสที่ทำให้ผู้ขับขี่ประสบอุบัติเหตุได้
- อุปกรณ์ไฟฟ้ามีปัญหา
หากแบตเตอรี่เสื่อมนอกจากไฟหน้าที่จะสว่างน้อยลงกว่าเดิมแล้วอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างอื่นภายในรถก็อาจจะทำงานผิดปกติร่วมด้วยเช่นเดียวกันเช่นกระจกไฟฟ้าขึ้นลงหนืด ระบบล็อกมีปัญหาทำงานช้าลงหรือระบบส่องสว่างต่างๆภายในรถติดๆดับๆ เป็นต้นเนื่องจากการกักเก็บแบตเตอรี่ของไฟไม่อยู่แล้ว จึงส่งผลต่อการทำงานไฟฟ้าไม่เพียงพอ
- แอร์ไม่เย็นระบบแอร์ไม่ทำงาน
เมื่อขับรถไปนานนานและลองเร่งเครื่องดูแล้วปรากฏว่าแอร์ก็ไม่เย็นเกิดจากสาเหตุของแบตเตอรี่อ่อนเนื่องจากแอร์ดึงไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ระบบการตัดการทำงานของแอร์ออกไปก่อน ให้ไฟไปเลี้ยงอุปกรณ์อื่นที่สำคัญกว่าเมื่อเร่งเครื่องไดชาร์จปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ได้มากขึ้นแอร์จึงเย็น เพราะฉะนั้นถ้าหากเราพบว่าแอร์ไม่เย็นบ่อยๆ ก็อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของแบตเตอรี่ของคุณที่เริ่มจะเสื่อมแล้ว
- แตร์ไม่ดัง
แตร์รถเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับการขับขี่บนท้องถนนที่ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นโดยในวันนี้เราก็จะมาวิเคราะห์ว่าถ้าหากแตร์รถยนต์ไม่ดังอาจเกิดปัญหาจากแบตเตอรี่ที่กำลังเสื่อม โดยคุณควรรีบแก้ไขปัญหาทันทีเพราะถ้าหากลดเสียงไม่ดังอาจจะส่งผลต่ออุบัติเหตุในท้องถนนได้
พบกับ วิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่ ที่สามารถทำได้ง่ายด้วยตัวเอง
ข้อควรระวังเกี่ยวกับแบตเตอรี่
- ให้ระมัดระวังไฟหรือประกายไฟรวมทั้งประกายไฟจากบุหรี่
- ให้ทำการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา
- ระวังอย่าให้เด็กเข้าใกล้น้ำกรดและแบตเตอรี่
- การจัดวางและเก็บแบตเตอรี่เก่าควรเก็บในที่ที่ปลอดภัยไม่ควรวางทิ้งไว้เกลื่อนกลาด
- ไม่ควรทิ้งแบตเตอรี่เก่าลงในถังขยะปกติธรรมดาทั่วไป
- ให้ระมัดระวังอันตรายจากแบตเตอรี่ที่จะระเบิดในขณะที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่จะมีแก๊สเกิดขึ้นซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดการระเบิดได้
- ให้ระวังเวลาน้ำกรดเดือดเพราะในน้ำกรดนั้นเป็นสารกัดกร่อนอย่างรุนแรงควรสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตาถุงมือขณะที่ทำงานในกรณีนี้อยู่รวมทั้งระวังอย่าตะแคงแบตเตอรี่เด็ดขาด เพราะน้ำกรดสามารถรั่วไหลออกมาทางรูระบายได้
และถ้าไม่อยากให้แบตเตอรี่เสื่อมก่อนวัยอันควรก็อย่าทำในสิ่งต่อไปนี้ก็จะทำให้แบตเตอรี่นั้นอยู่ได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น
- อย่าจอดรถทิ้งไว้นานเกินไป
เพราะการที่เรานั้นจอดรถทิ้งไว้นานเกินไปอาจเป็นสาเหตุของแบตเตอรี่เสื่อมที่พบได้เป็นอันดับต้นๆเพราะตัวแบตเตอรี่จะมีการคลายประจุไฟฟ้าในตลอดช่วงเวลาที่เราไม่ได้ขับ ทำให้กระแสไฟฟ้าตัวนั้นอ่อนลงไปเรื่อยเรื่อยจนทำให้แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ และเกิดอาการรถหมดไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด
- เลือกใช้แบตเตอรี่ที่ไม่เหมาะกับตัวรถยนต์
หากเราเลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีแอมน้อยเกินไปไดชาร์จก็จะส่งกระแสไฟฟ้ามายังแบตเตอรี่ในสัดส่วนที่มากหรือเกินเกินไปจะทำให้แบตเตอรี่นั้นเต็มเร็ วร้อนเร็วและมีไฟเข้าตลอดเวลาในปริมาณที่เกินความจำเป็นและนี่คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่นั้นมีอาการเสื่อมสภาพ ก่อนอายุการใช้งานควรเลือกแบตเตอรี่ที่มี ความเหมาะสม และต้องทำการศึกษาความเข้าใจให้ดีก่อนซื้อแบตเตอรี่ทุกครั้ง
- เผลอเปิดไฟส่องสว่างทิ้งไว้ทั้งคืน
การเผลอเปิดไฟส่องสว่างของรถทิ้งไว้ทั้งคืนเป็นปัจจัยที่ทำให้แบตเตอรี่รถเสื่อมสภาพก่อนถึง เวลาที่เหมาะสมดังนั้นการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังหลอดไฟที่เปิดอยู่ตลอด จนไฟหมดซึ่งปล่อยให้แบตเตอรี่นั้นหมดไวได้มากกว่าปกตินั่นเองดังนั้นการจอดรถแล้วเราควรสังเกตด้วยว่าเราได้เปิดไฟค้างทิ้งไว้หรือไม่
- ดัดแปลงไดชาร์จ
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ส่งผลต่อแบตเตอรี่โดยตรงเพราะการที่แบตเตอรี่ได้รับพลังงาน ไฟฟ้ามากจนเกินไปเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะทำให้เกิดแบตเตอรี่รถเสื่อมสภาพ จนไม่สามารถใช้งานได้อีกเราจึงไม่ควรดัดแปลงไดชาร์จหากไม่มีความจำเป็น
- น้ำกลั่นสกปรกหรือมีสิ่งผิดปกติปนเปื้อน
น้ำกลั่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในแบตเตอรี่ถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งปนเปื้อนอยู่ก็อาจจะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้แบตเตอรี่เก็บไม่อยู่และเสื่อมสภาพก่อนถึงกำหนด
- อยู่ในสถานที่ที่หนาวหรือร้อนจัดเกินไป
แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่มีความละเอียดอ่อนแม้กระทั่งอุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงๆจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการทำงานได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นแบตเตอรี่ที่เก่าและมีความเสี่ยงสูงก็ควรตรวจเช็คอยู่สม่ำเสมอ อย่าฝืนการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาแบบไม่ทันตั้งตัว
- มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใน รถเยอะเกินไป
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งรถยนต์และมีอุปกรณ์เสริมต่างๆเพิ่มเติมติดจอทีวีและไฟส่องสว่างเครื่องเสียงลำโพงก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักในการที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง และทำให้เกิดการทำงานหนักอย่างมากของแบตเตอรี่ จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดแบตเตอรี่นั้นเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน และมีอีกหนึ่งกรณีคือเกิดจากการติดตั้งอุปกรณ์อุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติม พอไฟรั่วมันก็ทำให้แบต หมดเร็วมากยิ่งขึ้นและเมื่อแบตหมดบ่อยก็จะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
3 ประกันรถยนต์ ค่ายไหนดี อันไหนคุ้มค่า ฉบับปี 2023
10 อันดับ ยางรถยนต์ขอบ17 ยี่ห้อไหนดี นุ่มเงียบ ราคาถูก ปี 2023